SOPON’S BLOG
“สุขมากขึ้น ร่ำรวยขึ้น และสงบมากขึ้น” : เปิดประสบการณ์ ‘No Spend Year’ ของนักข่าวฟรีแลนซ์ที่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยกับปี 2024 ที่ตัดค่าใช้จ่ายเหลือแค่ที่จำเป็น
November 28, 2024
ด้านมืดของ ‘บริโภคนิยม’ จากสารคดี ‘Buy Now! The Shopping Conspiracy’ มนุษย์โหมบริโภค โลกจึงกลายเป็นกองขยะ
November 27, 2024
อย่าให้สังคมกำหนดว่าเรา ‘ต้องมีอะไร’ ถึงจะมีความสุข
November 27, 2024
แม้ไม่มีรายได้ แต่รายจ่ายมีทุกวัน : 5 อย่างที่ต้องเตรียมพร้อมด้านการเงิน เมื่อตลาดแรงงานไม่มั่นคง
November 27, 2024
กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว แต่วางหินวันละก้อน
November 26, 2024
Facebook Twitter Youtube Instagram Medium Bootstrap
SOPON’S BLOG

Type and hit Enter to search

  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Tech
    • Business
    • Thoughts
    • Science
    • Startups
    • Lifehack
    • People
    • Travel
    • Inspiration
  • Podcast
  • About
  • Contact
  • Follow
    • Facebook
    • Twitter
    • Instagram
    • Blockdit
    • Telegram
Thoughts

การเข้ามาของแมชชีนที่ทดแทนกลุ่มแรงงานสายฟาสต์ฟู้ด

sopons
October 17, 2020 2 Mins Read
453 Views
0 Comments

หลังจากที่เข้าไปส่องเว็บไซต์ http://creator.rest ผมสรุปได้คำเดียวเลยว่า “หุ่นยนต์ทำเบอร์เกอร์คือเจ๋งสุดๆไปเลย” อยากได้เอามาตั้งไว้ในครัวเพื่อทำเบอร์เกอร์ที่สุดแสน “perfect” ชั่งตวงตัดหั่นราดซอสที่เป๊ะๆตามที่เราต้องการ ไม่ขาดไม่เกิน

ที่จริงแล้วพอเรียกมันว่าหุ่นยนต์หลายๆคนอาจจะคิดว่ามันต้องมีรูปร่างเหมือนพ่อครัวแม่ครัวที่มีขามีแขนเหมือนมนุษย์ แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ มันเป็นหุ่นยนต์ที่มีรูปทรงเหมือนโต๊ะตัวใหญ่ๆ มีอุปกรณ์ต่างๆตั้งอยู่ด้านบน ถ้าจะเรียกให้ถูกมันคือเครื่องจักรที่ทำเบอร์เกอร์นั้นแหละ แต่ที่เราเรียกมันว่าหุ่นยนต์ก็เพราะว่ามันไม่ใช่แค่ย่างเนื้อหรือแค่ทำอาหารจากอุปกรณ์เครื่องปรุงที่เตรียมมาแล้วจากมนุษย์ แต่เราสามารถใส่ทั้งเนื้อเป็นชิ้นๆเข้าไป หอมหัวใหญ่ แตงกวาดอง มะเขือเทศ เป็นลูกๆ แล้วเครื่องจะหั่นเอง ทานเนยบนขนมปัง บดเนื้อ ย่างเนื้อ ทาซอสมะเขือเทศที่ชั่งด้วยความแม่นยำขนาดมิลลิลิตร นี่มันอนาคตชัดๆ

เจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้ไม่ต้องการวันหยุด ป่วย (เสีย) ก็เปลี่ยนชิ้นส่วน ทำงานล่วงเวลาได้โดยไม่กร่นด่าเจ้านาย ไม่มีนินทาลับหลัง (คือถ้าแมชชีนคุยกันเองอันนี้ก็อาจจะล้ำหน้าไปอีกขั้น) เพราะฉะนั้นเงินที่สามารถประหยัดได้จ้างการจ้างแรงงานมนุษย์นั้นทาง Creator บอกว่าพวกเขานำมันไปใช้ซื้อเครื่องปรุง ส่วนประกอบที่มีคุณภาพสูงขึ้น ดีต่อสภาพแวดล้อม และให้เพื่อนร่วมงานที่ยังเป็นมนุษย์อยู่นั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยตอนนี้พวกเขามีพนักงานกว่า 60 ชีวิตและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย


คำถามคือนอกจากที่มันจะดูล้ำหน้าเหมือนมาจากอนาคตและดูเจ๋งสุดๆไปเลยถ้าเอาไปตั้งไว้กลางร้านเบอร์เกอร์คืออะไรกันหล่ะ?

คำใบ้ก็อยู่ในย่อหน้าก่อนหน้านี้แหละครับคือมันมาทดแทนแรงงานมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งมนุษย์อย่างเราๆนั้นถ้าเป็นงานที่ทำซ้ำๆแบบนี้จะไม่มีทางสู้กับแมชชีนได้เลย ไหนจะเป็นเรื่องค่าแรงขั้นต่ำที่ต้องขึ้นตามกฎหมายในแต่ละประเทศ (บ้านเราอาจจะยังไม่คุ้มที่ลงทุนเพราะค่าแรงยังค่อนข้างถูก แต่ถ้าเป็นประเทศบ้านเกิดของบริษัท Creator อย่างอเมริกาที่ค่าแรงขั้นต่ำจะขยับเป็น $15/ชั่วโมง (ประมาณ 450 บาท/ชั่วโมง หรือ 3,600 บาท/วัน เฉลี่ยที่ 8 ชั่วโมง)) จึงไม่แปลกใจที่เทคโนโลยีตรงนี้จะเริ่มเป็นที่จับตามอง เพราะแฮมเบอร์เกอร์เป็นอาหารประเภทหนึ่งที่รับประทานกันเยอะที่สุดในประเทศ แล้วก็มีบริษัทใหญ่ทั้ง McDonald’s และ Burger King ที่เงินทุนหนาที่พร้อมจะลงทุนกับเทคโนโลยีเหล่านี้อยู่แล้ว ถ้าไม่ลงทุนเองก็อาจจะเข้าซื้อ (เพราะถ้าไม่เปลี่ยนแปลงเลยคงเป็นไปไม่ได้ ค่าแรงขั้นต่ำคือสิ่งที่จะทำให้กำไรของบริษัทเหล่านี้ลดลงจำนวนมหาศาล) แต่ Alex Vardakostas ผู้ก่อตั้ง Creator มีแผนที่จะขยายมากกว่าที่จะขายสิ่งที่เขาสร้างมันขึ้นมากับมือ

ต้องเข้าใจก่อนว่าหุ่นยนต์นั้นจะไม่สามารถใช้ได้กับร้านอาหารทุกประเภท ไม่สามารถเป็นพ่อครัวแม่ครัวให้กับทุกร้านได้ เพราะเมื่อแบ่งออกมาแล้วมันมีทั้งร้านอาหารแบบแฟนซี หรูหราสำหรับผู้มีรายได้สูง (หรือคนทั่วไปสำหรับโอกาสพิเศษๆ) แบบกลางๆ ครอบครัว โฮมเมด ไปจนกระทั่งฟาสต์ฟู้ด (หรือที่รู้จักกันว่า QSR – Quick Service Restaurants) ทั้งแบบสั่งที่เคาน์เตอร์หรือที่โต๊ะก็ตาม ซึ่งสำหรับร้านอาหารราคาสูงคงเป็นเรื่องยากมากๆที่จะเห็นหุ่นยนต์มาทำ food-paring เลือกไวน์ตามออเดอร์อาหารของลูกค้าที่นั่งทานที่ร้าน หรือในกลุ่มร้านอาหารแบบกลางๆสำหรับครอบครัวก็คงยังไม่เห็นเช่นกันเพราะรสชาตินั้นขึ้นอยู่กับฝีมือของพ่อครัว/แม่ครัวอย่างมาก ทั้งการปรับเปลี่ยนเมนูตามส่วนประกอบพืชผักในท้องถิ่นและตามฤดูกาลอีกด้วย แต่ถ้าเรามองไปในส่วนของร้านอาหารฟาสต์ฟูดส์ที่ต้องพยายามประหยัดจ้างแรงงานที่ถูกที่สุด ใช้พนักงานให้คุ้มที่สุด ลดต้นทุนของส่วนประกอบทั้งผักเนื้อและซอสต่างๆ จึงทำให้มันเป็นร้านอาหารที่เหมาะสมที่สุดในการใช้ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์เพื่อทำงานเหล่านี้แทน

Vardakostas เน้นว่าเขายังไม่คิดที่จะขายธุรกิจของเขาในเวลานี้

“ถ้า Creator จะพาร์ทเนอร์กับร้านอาหารอื่นๆในอนาคต พาร์ทเนอร์เหล่านี้ต้องยึดความเชื่อที่เหมือนกันและหลักการเลือกแหล่งของส่วนประกอบที่เหมือนกันรวมไปผู้ผลิตที่เป็นพาร์ทเนอร์ที่เหมือนกันด้วย ความยั่งยืนทางการดำเนินการ จิตใต้สำนึกของการก่อคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากผลิตภัณฑ์แต่ละหน่วย ตลอดวัฎจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์) ความโปร่งใสของการเตรียมอาหาร โอกาสในความก้าวหน้าของพนักงาน และสภาพแวดล้อมที่ดีของการทำงาน และสิ่งเหล่านี้ต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับประสบการณ์ทานอาหารของลูกค้า”

ดูจากเงื่อนไขด้านบนแล้ว พาร์ทเนอร์ที่จะมาร่วมงานกับพวกเขานั้นคงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ Creator นั้นเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่อยู่ในโปรแกรม “Zero Foodprint” ที่คอยตรวจสอบคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของตัวเอง และหักรายได้ส่วนหนึ่งของยอดขายให้กับระบบเกษตกรรมที่สนับสนุนการพัฒนาดินเพื่อใช้ปลูกพืชต่างๆ เนื้อวัวก็นำมาจากฟาร์มที่ปล่อยวัวตามธรรมชาติ (Country Natural Beef – ผักต่างๆก็มาจากฟาร์มที่ทำการเกษตรแนวดิ่ง ปลูกในโรงเรือนที่มีหลังคาไร้การใช้สารเคมีและยากำจัดศัตรูพืช และแพคเกจที่ห่อมาก็ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติอีกด้วย (Plenty)

Creator ไม่ใช่ร้านแรกที่ได้ทดลองใช้หุ่นยนต์เพื่อการทำอาการ ก่อนหน้านี้เราเห็น Flippy ที่คอยกลับเนื้อเบอร์เกอร์ และ Bistrobot ที่ทำแซนวิช แต่พวกเขาน่าจะเป็นที่แรกที่เป็นระบบอัตโนมัติตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ใช่แค่ทำอย่างใดอย่างหนึ่ง พวกเขาได้รับเงินทุนจาก Google Ventures โดยมีทีมที่เป็นทั้งวิศวกร นักวิทยาการหุ่นยนต์ นักออกแบบ เซฟทำอาหาร เจ้าของร้านอาหารจากที่ต่างๆอย่าง Tesla และ NASA – Creator ไม่ใช่แค่ห้องครัว แต่มันเหมือนกับการโชว์ความสามารถของสิ่งประดิษฐ์อันล้ำหน้าว่าสามารถทำอะไรได้มากขนาดไหน

จุดยืนของ Vardakostas ก็คือว่าเจ้า Creator นั้นจะทำงานที่คนส่วนใหญ่ไม่อยากทำ งานซ้ำๆเดิมๆที่น่าเบื่อ เพื่อให้คนทำงานที่เป็นมนุษย์จริงๆได้พัฒนาความสามารถทางด้านอื่น เช่นการบริการลูกค้าหรือดูแลเรื่องคุณภาพของส่วนประกอบต่างๆ มองมุมหนึ่งมันก็ถูก แต่ถ้าเราจะบอกว่ามันจะไม่สร้างผลกระทบเลยในวงกว้างต่อตลาดแรงงานขั้นต่ำ? มันก็ดูไร้เดียงสาเกินไปหน่อย


Nima Fazeli ผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่ University of Michigan, Ann Arbor สาขา Robotics Institute and the Mechanical Engineering Department กล่าวว่า

“ผมคิดว่าที่สตาร์บัคส์แน่นอน ภายในห้าปี คุณน่าจะมีระบบหุ่นยนต์ที่สามารถทดแทนแรงงานได้กว่า 80% ที่บาริสต้านั้นทำอยู่ ส่วนที่ยากก็คือการปฎิสัมพันธ์กับมนุษย์ ความไม่แน่นอนของมนุษย์นั้นยากที่คาดเดาสำหรับนักวิทยาการหุ่นยนต์”

Fazeli บอกต่อว่าการรับออเดอร์ลูกค้า บดกาแฟ เตรียมฟองนม หรือแม้แต่การเขียนชื่อลูกค้าผิดๆถูกๆ (ที่ดูเหมือนจะเป็นแนวทางการตลาดของสตาร์บัคส์ที่ได้ผลมาก) พวกนี้แมชชีนน่าจะทำได้ เพียงแต่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีเหตุการณ์แปลกอย่างเช่นลูกค้าขอจ่ายเงินเป็นเงินหยวนที่สนามบิน หรือต้องการให้เพิ่มคาราเมลซอสอีกเล็กน้อย caramel macchiato แก้วโปรดและลดน้ำแข็งลงอีกนิดหน่อย ถ้าเหตุการณ์ไหนที่ไม่ได้ถูกคาดเดาหรือโปรแกรมเอาไว้แน่นอนว่าหุ่นยนต์ไม่ว่าราคาแพงขนาดไหนก็ไร้ประโยชน์

Fazeli กล่าวต่ออีกอย่างหนึ่งว่าหุ่นยนต์เป็นต้นทุนที่ราคาสูงมากและในธุรกิจที่กำไรบางอยู่แล้วอย่างร้านอาหาร นี่อาจจะเป็นเรื่องที่ท้าทายไม่น้อย

“ผมคิดว่าหลายคนไม่รู้เลยว่ามันเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ไม่ใช่แค่เวลาที่ต้องเสียไปสำหรับวิศวกร แต่การ R&D (Reserach and Development) ที่จะทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นมา หลายๆอย่างแน่นอนว่าเป็นไปได้ เพียงแค่ว่ามันไม่ใช่การประหยัดเลย”

สำหรับร้านอาหารที่มีแค่ไม่กี่ร้าน นี่อาจจะเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า (Creator ก็ไม่ได้แจ้งว่าพวกเขาใช้เงินลงทุนไปเท่าไหร่) มันไม่เหมือน Amazon ที่ใช้หุ่นยนต์ในโกดังเก็บสินค้าของพวกเขา เพราะนั้นคือสเกลระดับใหญ่ มันคุ้มค่ากับการลงทุน แต่ถ้าเป็นร้านฟาสต์ฟู้ดที่เป็นเชน นั้นก็อาจจะเป็นไปได้ เพราะมันสามารถใช้เทคโนโลยีที่เหมือนกันในทุกสาขาและนั้นก็นำมาซึ่งความไม่มั่นคงของแรงงานขั้นต่ำหลายล้านตำแหน่งในทุกๆที่

หลายคนอาจจะมองว่ามันไม่ใช่งานที่ดีเยี่ยมอะไรขนาดนั้น ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร เพียงแต่ว่ามันเป็นงานสำหรับคนหลายคนที่ไม่มีโอกาส มีหลายคนที่เป็นคนอพยพต่างด้าวหางานยากแล้วต้องพึ่งพางานเหล่านี้เพื่อเลี้ยงครอบครัว สำหรับบางคนมันเป็นงานแรกที่ทำในช่วงปิดเทอม แม้จะรายได้ต่ำแต่มันเป็นงานที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุดแล้วในบางสถานการณ์ที่จำเป็น และยิ่งการที่จะมีกฎหมายให้เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ (ในอเมริกา) ยิ่งทำให้ระบบอัตโนมัติโดยหุ่นยนต์นั้นล่อตาล่อใจเหล่าผู้บริหารระดับสูงและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ๆของบริษัทเหล่านั้นอย่างมาก

จริงอยู่ที่ว่าพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาเราจะไม่เห็นหุ่นยนต์ทำเบอร์เกอร์ทุกร้านที่เราเดินเข้าไป งานสำหรับกลุ่มแรงงานขั้นต่ำนั้นก็ยังไม่หายไปไหน เพียงแต่อยากให้ลองดูตัวอย่างของกลุ่มธุรกิจรถยนต์ที่มูลค่าของตลาดเพิ่มขึ้นแต่จำนวนพนักงานที่มีอยู่กลับไม่เพิ่มตามไปด้วย สาเหตุก็เพราะหุ่นยนต์ที่อยู่ในสายพานการผลิตที่เพิ่มขึ้นในเวลาเดียวกัน เพราะฉะนั้นผลกระทบมันเกิดแน่นอนกับกลุ่มแรงงานขั้นต่ำเหล่านี้ แค่จะมากหรือน้อยและรวดเร็วแค่ไหนเท่านั้น


ในตอนนี้หุ่นยนต์ที่ทำเบอร์เกอร์เป็นสิ่งใหม่ที่น่าสนใจ เพียงแต่อยากให้มองข้ามจุดนั้นไปก่อนแล้วหันกลับมาคุยกันว่านอกจากความเจ๋งของมัน แล้วดูว่าผลกระทบอะไรกับเศรษฐกิจและแรงงานที่อยู่ตรงนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง Creator อาจจะเป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆที่เกิดขึ้น พนักงานในร้านของพวกเขาอาจจะมีงานอื่นๆที่ทำได้ทดแทนก็จริงอยู่ แต่ถ้าสเกลมันใหญ่โตกว่านี้จะยังคงเป็นแบบนี้อยู่รึเปล่า?

Tags:

bistrobotburgercreatorfeaturedFlippysan franciscostartupVardakostas

Share Article

Follow Me Written By

sopons

Writer / Columnist (Salmon Books, 101.world, The Matter, Beartai, The People, a day Bulletin, CapitalRead, GQ, Billion Brands)

Other Articles

Previous

วิทยาศาสตร์สร้างอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ และ วิทยาศาสตร์กำลังจะทำให้มันหายไปเช่นเดียวกัน

Next

Bitcoin ชั่วโมงเดียวดีดขึ้น 20% – สิ่งที่น่าสนใจที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้การกระโดดของราคาบิทคอยน์

Next
October 18, 2020

Bitcoin ชั่วโมงเดียวดีดขึ้น 20% – สิ่งที่น่าสนใจที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้การกระโดดของราคาบิทคอยน์

Previews
October 17, 2020

วิทยาศาสตร์สร้างอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ และ วิทยาศาสตร์กำลังจะทำให้มันหายไปเช่นเดียวกัน

No Comment! Be the first one.

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Related Posts

When the Office is Dead – เมื่อออฟฟิศกำลังจะตาย ในโลกใหม่ของการทำงาน

by sopons
October 17, 2020

3 ทศวรรษของ The Mac Portable – โปรดักส์ล้มเหลวที่ทำให้ Apple MacBook มายืนอยู่ตรงนี้

by sopons
October 17, 2020

The Future of Food : ต่อจากนี้อีก 30 ปี เราจะมีอะไรให้กินบ้าง?

by sopons
October 19, 2020

ความแตกต่างไม่ใช่เรื่องไม่ดี : ไม่แต่งงาน ไม่มีลูก ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่แปลกคือคนที่คิดว่ามันแปลกมากกว่า

by sopons
August 5, 2022
SOPON’S BLOG

STUFF WORTH READING

© 2022, All Rights Reserved.

Quick Links

  • Contact
  • About

Category

  • Self-Improvement
  • Technology
  • Business
  • Thoughts
  • Psychology

Follow

Facebook Twitter Youtube Instagram
  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Business
    • Technology
    • Inspiration
    • Books
    • Life Style
    • Startups
    • Thoughts
    • Travel
  • About
  • Contact