SOPON’S BLOG
“สุขมากขึ้น ร่ำรวยขึ้น และสงบมากขึ้น” : เปิดประสบการณ์ ‘No Spend Year’ ของนักข่าวฟรีแลนซ์ที่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยกับปี 2024 ที่ตัดค่าใช้จ่ายเหลือแค่ที่จำเป็น
November 28, 2024
ด้านมืดของ ‘บริโภคนิยม’ จากสารคดี ‘Buy Now! The Shopping Conspiracy’ มนุษย์โหมบริโภค โลกจึงกลายเป็นกองขยะ
November 27, 2024
อย่าให้สังคมกำหนดว่าเรา ‘ต้องมีอะไร’ ถึงจะมีความสุข
November 27, 2024
แม้ไม่มีรายได้ แต่รายจ่ายมีทุกวัน : 5 อย่างที่ต้องเตรียมพร้อมด้านการเงิน เมื่อตลาดแรงงานไม่มั่นคง
November 27, 2024
กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว แต่วางหินวันละก้อน
November 26, 2024
Facebook Twitter Youtube Instagram Medium Bootstrap
SOPON’S BLOG

Type and hit Enter to search

  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Tech
    • Business
    • Thoughts
    • Science
    • Startups
    • Lifehack
    • People
    • Travel
    • Inspiration
  • Podcast
  • About
  • Contact
  • Follow
    • Facebook
    • Twitter
    • Instagram
    • Blockdit
    • Telegram
Self-Development

ทั้งที่ ‘ดีแล้ว’ แต่ยังไม่ ‘ดีพอ’ : ทำไมถึงมีความรู้สึกข้างในตัวเอง ที่รู้สึกว่ายังไม่ได้เรื่อง

sopons
October 18, 2022 One Min Read
491 Views
0 Comments

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาผมมีโอกาสลงไปงานมหกรรมหนังสือที่กรุงเทพฯ ซึ่งงานนี้ก็ได้เจอทั้งเพื่อนทำงานสื่อด้วยกัน (ปกติเจอกันแต่ออนไลน์) เพื่อนจากสมัยเด็กที่แยกย้ายกันไปเติบโต และเพื่อนใหม่ ๆ ที่มาเจอกันตอนที่แจกลายเซ็นหนังสือเล่มใหม่ “งานนี้สอนให้รู้ว่า” ซึ่งก็ต้องขอบคุณทุกคนมาก ๆ เลยที่มาเจอกันวันนั้นครับ

มีน้องคนหนึ่งที่ทำงานเป็นพนักงานประจำร้านสะดวกซื้อเดินมาขอลายเซ็น ผมก็ชวนพูดคุยตามปกติครับว่าเป็นไปเป็นมายังไง ตอนนี้มีความสุขดีไหม งานเป็นยังไงบ้าง ฯลฯ น้องก็เล่าให้ฟังว่าตอนนี้เรียนบัญชีอยู่กำลังจะจบแล้ว ทำงานเสริมเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อเพื่อหาเงินเป็นรายได้เสริม จบมาก็คงทำงานเป็นพนักงานบัญชีตามที่เรียนมานั่นแหละ ไหน ๆ ก็จบมาแล้ว จังหวะนั้นน้องก็หยุดชะงักไปแป๊บหนึ่ง

ผมก็ถามต่อว่าเป็นอะไร น้องก็อ้ำอึ้งนิดหนึ่งก่อนจะพูดว่า “พี่ว่าถ้าหนูจะเขียนหนังสือจะมีคนอ่านไหมคะ?” ผมก็ชะงักไปแป๊บหนึ่งเหมือนกัน แล้วก็ตอบว่า “พี่ก็มีคำถามนี้เหมือนกันนะตอนเริ่มเขียนหนังสือแรก ๆ ตอนนี้เขียนมาหกเล่มแล้ว…ในบางจังหวะก็ยังรู้สึกแบบนี้อยู่เลย” ผมหัวเราะเว้นจังหวะ “พี่ว่ามันต้องมีคนอ่านแหละ มากน้อยไม่รู้เหมือนกันนะ จะตอบได้ก็ตอนน้องเขียนออกมาแล้วนั่นแหละ” น้องยิ้มแล้วก็ยกมือไหว้แล้วเดินจากไป

มายา อันเกอลู (Maya Angelou) นักเขียน, กวีชื่อดังและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิพลเมืองชาวอเมริกันเคยเขียนเอาไว้ว่า

“ฉันเขียนหนังสือมาแล้ว 11 เล่ม แต่ทุกครั้งฉันก็จะคิดว่า ‘โอ้ พวกเขาจะต้องรู้แน่เลย ฉันหลอกทุกคนมาตลอดแล้วตอนนี้พวกเขาก็จะจับไต๋ได้แล้ว’”

มายาไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จคนเดียวที่รู้สึกแบบนี้ ที่จริงแล้วมีคนที่ประสบความสำเร็จอีกมากมายที่รู้สึกว่าตัวเองยัง ‘ไม่ดีพอ’ หรือ ‘ไม่ได้เก่ง’ เหมือนอย่างที่คนอื่นคิดแล้วตอนนี้แหละเขากำลังจะล้มเหลวในไม่ช้า ไม่ว่าจะอาชีพไหน นักเขียน นักธุรกิจ นักดนตรี หรือแม้แต่ศัลยแพทย์สมอง

เฮนรี มาร์ช (Henry Marsh) ศัลยแพทย์ทางด้านระบบประสาทผู้เขียนหนังสือ “Do No Harm” พูดเอาไว้ว่า

“ส่วนหนึ่งของคุณรู้ว่าตัวเองไม่ได้เก่งเหมือนอย่างที่แสร้งเป็น แต่คุณต้องแสดงเหมือนว่ามีความสามารถและมั่นใจ”

ฟรานเซส ฮาร์ดิง (Frances Hardinge) ผู้เขียนหนังสือสำหรับเด็กที่ได้รับรางวัล Costa Book of the Year Award ปี 2015 บอกว่าทุกครั้งที่ทำโปรเจ็กต์ใหม่ มันจะมี

“ส่วนของสมองที่บอกฉันว่าหนังสือเล่มนี้แหละที่จะทำให้ทุกคนผิดหวัง และคนก็จะเห็นว่าฉันมันจอมปลอมแค่ไหน”

อแมนด้า พาล์มเมอร์ (Amanda Palmer) นักร้องที่มีชื่อเสียงบอกว่ามันเป็นความรู้สึกกลัวว่า

“จะมีใครมาเคาะประตู ฉันเรียกคนในจินตนาการเหล่านี้ว่า ตำรวจจับคนจอมปลอม และพวกเขาก็จะบอกคุณว่า ‘เรารู้ทุกอย่างแล้วและตอนนี้จะเอาทุกอย่างคืนทั้งหมด’”


นี่คืออาการของสิ่งที่เรียกว่า “Imposter Syndrome” หรืออาการที่คิดว่าตัวเองไม่เก่งนั่นเอง

โดยคำอธิบายของมันจากเว็บไซต์ Harvard Business Review คือ : “กลุ่มก้อนของความรู้สึกของการไม่ดีเพียงพอที่ยังมีอยู่แม้จะประสบความสำเร็จอย่างเห็นได้ชัด”

ที่สำคัญคือเราต้องทราบก่อนว่าการเห็นคุณค่าในตนเองต่ำและการขาดความมั่นใจไม่จำเป็นต้องเท่ากับกลุ่มอาการหลอกลวง คุณอาจจะทำงานบางอย่างออกมาได้ดีมาก ๆ คนอื่น ๆ มาชื่นชม แต่ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยังทำได้ไม่ดีพออยู่ดี

แล้วเราจะก้าวผ่านความรู้สึกแบบนี้ได้ยังไง?

ในหนังสือ “Snow Ball” ที่เป็นเรื่องราวอัตชีวประวัติของนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งแห่งยุคอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ได้กล่าวถึงคอนเซ็ปต์ที่เรียกว่า “Inner Scorecard” หรือ “สิ่งชี้วัดภายใน” เป็นสิ่งที่อธิบายเนื้อแท้ของเรา ว่าเราเป็นใคร มีความเชื่ออะไร ต้องการอะไรกันแน่ จุดสำคัญคือแทนที่จะโฟกัสว่าคนอื่นจะคิดกับเราอย่างไร เราจะยึดมั่นในการทำสิ่งที่ถูกต้อง และเน้นการช่วยเหลือผู้อื่นมากกว่า บัฟเฟตต์บอกว่าให้ถามตัวเองว่า

“ถ้าโลกไม่เห็นผลลัพธ์ของสิ่งคุณทำ คุณอยากจะถูกมองว่าเป็น ‘นักลงทุน’ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แต่ในความเป็นจริงมีสถิติที่แย่ที่สุดในโลกหรือเปล่า? หรือถูกมองว่าเป็นนักลงทุนที่แย่ที่สุดในโลกทั้งที่คุณเป็นคนที่เก่งที่สุด?”

คำว่า ‘นักลงทุน’ เปลี่ยนเป็นอะไรก็ได้ ‘นักเขียน’ ‘นักดนตรี’ ‘นักธุรกิจ’ ฯลฯ

บัฟเฟตต์เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่แค่สำหรับคนอื่นเท่านั้น แต่สำหรับสิ่งชี้วัดภายในตัวเขาเองด้วย มีนักลงทุนหลายคนที่ลงทุนในกองทุน Berkshire ที่บัฟเฟตต์ดูแลอยู่บ่นว่ากองทุนจะทำกำไรได้มากกว่านี้มาก ถ้าบัฟเฟตต์ย้ายภูมิลำเนาภาษีไปยังเบอร์มิวดาเหมือนที่บริษัทอื่นทำ แต่บัฟเฟตต์ไม่ต้องการตั้งบริษัทของเขาในเบอร์มิวดา แม้ว่ามันจะถูกกฎหมายและจะช่วยประหยัดภาษีได้ปีละหลายพันล้านเหรียญก็ตาม

ถ้าเราคำนึงถึงความคิดเห็นของคนอื่นมากไปแทนที่จะเป็นสิ่งชี้วัดภายในของเราเอง นั่นคือตอนที่อาการที่คิดว่าตัวเองไม่เก่ง (Imposter Syndrome) เริ่มเข้ามาทำร้ายเรานั่นเอง ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร จักรพรรดิมาร์กุส เอาเรลิอุส (Marcus Aurelius) อดีตจักรพรรดิโรมัน นักปรัชญาสโตอิกเคยกล่าวเอาไว้ว่า

“สิ่งที่ทำให้ผมหยุดแปลกใจไม่ได้เลยคือ เราทุกคนรักตัวเองมากกว่าคนอื่น ๆ แต่สนใจความคิดเห็นของพวกเขามากกว่าของเราเอง”

Marcus Aurelius

สิ่งที่เราคิดเกี่ยวกับตัวเองนั้น ‘สำคัญ’ มากกว่าสิ่งที่คนอื่นคิดเกี่ยวกับเรา มันเป็นเรื่องของการทำสิ่งที่ ‘มีความหมาย’ กับตัวเอง โดยให้น้ำหนักกับสิ่งชี้วัดภายในของเราเองมากกว่าความคิดของคนอื่น

เพราะฉะนั้นถ้าย้อนกลับไปยังคำถามของน้องที่ผมเจอที่งานหนังสือ

“พี่ว่าถ้าหนูจะเขียนหนังสือจะมีคนอ่านไหมคะ?”

อาจจะเป็นคำถามที่มองจากข้างนอกเข้าไป คนอื่นจะสนใจไหม หรือ คนอื่นจะคิดยังไงกับหนังสือเล่มนี้? แต่ผมอยากชวนถามจากข้างในออกไปบ้าง

“หนังสือเล่มนี้มีความหมายกับเราแค่ไหนและทำไมเราถึงอยากเขียนมันออกมา?”

เชื่อว่าคำตอบจะทำให้เส้นทางข้างหน้าชัดเจนขึ้นครับ

========

อ้างอิง

https://www.stylist.co.uk/entertainment/celebrity/imposter-syndrome-quotes-celebrities/307473

https://hbr.org/2008/05/overcoming-imposter-syndrome

Tags:

Inner ScorecardSnow BallThe Inner Score Cardwarren buffettงานนี้สอนให้รู้ว่าบทความพัฒนาตนเองบทความสำหรับคนทำงานบัฟเฟตต์หนังสือหนังสือเล่มนี้ควรเขียนรึเปล่าอาการที่คิดว่าตัวเองไม่เก่งเขียนหนังสือแรงบันดาลใจไม่ดีพอ

Share Article

Follow Me Written By

sopons

Writer / Columnist (Salmon Books, 101.world, The Matter, Beartai, The People, a day Bulletin, CapitalRead, GQ, Billion Brands)

Other Articles

Previous

คนหนึ่งเห็นเป็นยุง อีกคนเห็นเป็นช้าง : เรื่องขี้ปะติ๋วบางอย่าง กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายของระเบิดอารมณ์

Next

ความรู้สึกด้านลบมีไว้ทำไม? : ทำไมต้องเศร้า เสียดาย เป็นทุกข์ รู้ทั้งรู้ว่ามันทำให้ความสุขของเราลดลง

Next
October 19, 2022

ความรู้สึกด้านลบมีไว้ทำไม? : ทำไมต้องเศร้า เสียดาย เป็นทุกข์ รู้ทั้งรู้ว่ามันทำให้ความสุขของเราลดลง

Previews
October 3, 2022

คนหนึ่งเห็นเป็นยุง อีกคนเห็นเป็นช้าง : เรื่องขี้ปะติ๋วบางอย่าง กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายของระเบิดอารมณ์

No Comment! Be the first one.

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Related Posts

Anne Scherer : ทำไมเราถึงซื่อสัตย์ต่อเครื่องจักรมากกว่ามนุษย์ด้วยกัน

by sopons
October 21, 2021

บุคลิกภาพที่แยกคนที่มีพรสวรรค์ให้แตกต่างจากคนทั่วไป

by sopons
December 18, 2021

ตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว ความรักเปลี่ยนสมองของเรายังไงบ้าง

by sopons
February 14, 2022

Carol Dweck : เพราะเรา ‘ยัง’ พัฒนาไปได้อีก

by sopons
November 25, 2021
SOPON’S BLOG

STUFF WORTH READING

© 2022, All Rights Reserved.

Quick Links

  • Contact
  • About

Category

  • Self-Improvement
  • Technology
  • Business
  • Thoughts
  • Psychology

Follow

Facebook Twitter Youtube Instagram
  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Business
    • Technology
    • Inspiration
    • Books
    • Life Style
    • Startups
    • Thoughts
    • Travel
  • About
  • Contact