วันนี้มีโอกาสเป็นวิทยากรที่โครงการ YEC ของ Step CMU ไปแชร์ประสบการณ์การทำ Busy Rabbit ตลอดสามปีที่ผ่านมาว่ามันชอกช้ำระบมมากมายขนาดไหน (หัวเราะทั้งน้ำตา เอามือก่ายหน้าผากเบาๆ) เล่าถึงประสบการณ์ความเปลี่ยนแปลงและโอกาสในการเติบโตต่อไปข้างหน้าว่าจะเป็นยังไงบ้าง
ระหว่างที่รอขึ้นพูด ก็มีโอกาสได้นั่งฟังวิทยากรท่านอื่นๆอีกหลายท่าน ทุกคนล้วนประสบความสำเร็จมากมาย ได้แต่นั่งทึ่งในความสามารถของแต่ละคนแล้วก็มองกลับมาดูตัวเองก็รู้สึกว่ายังห่างไกลพวกเขาเหล่านั้นมาก
จังหวะนั้นก็เริ่มรู้สึกประหม่าเล็กน้อย อารมณ์เหมือนอยู่ไม่สุข รีบนั่งแก้สไลด์ของตัวเองเพราะรู้สึกว่ายังไม่ได้ดีพอ ควรใส่ตรงนั้นตรงนี้เพิ่ออีกหน่อย ทั้งๆที่เมื่อคืนก็ตั้งใจทำหลายชั่วโมงและเช้านี้ก็ตื่นมาแต่เช้าเพื่อเรียบเรียงความคิดเขียนเป็นบทความยืดยาวเพื่อให้สมองซึมซับข้อมูลให้มากที่สุด แต่ก็ดูเหมือนว่าตอนนี้มันยังไม่ดีพอ
ผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยประสบปัญหาเดียวกันนี้ที่เสียงในหัวเราเริ่มพ่นคำพูดเชิงลบต่อว่าตัวเองอย่าง “มึงไม่ได้เรื่อง” “ทำไม่ได้หรอก” หรือแบบ “ห่วยวะ เอาอะไรไปสู้กับเขาเนี้ย” อยู่เป็นครั้งคราว ผมเองเมื่อก่อนเป็นแบบนี้ เป็นคนที่กดตัวเองลงในหัวเพราะอยากใช้ความดื้อด้านในตัวผลักให้ตัวเองสู้กับความคิดแนวลบเหล่านั้น เหมือนพยายามทำให้เสียงนั้นเงียบลงด้วยการพิสูจน์ว่า “กูทำได้นะ”
แต่วิธีนี้ค่อนข้างอันตราย เพราะหลายต่อหลายครั้งเมื่อเราทำไม่สำเร็จ มันจะกลายเป็นการตอกย้ำปมด้อยหรือทำให้เสียงด้านลบในหัวนั้นชัดเจนมากยิ่งขึ้นไปด้วย.หลังจากโตขึ้นเรื่อยๆ จากหน้าที่การทำงานหรือประสบการณ์ชีวิตเฆี่ยนตีก็แล้วแต่ ก็มารู้ว่าที่จริงแล้วมันมีวิธีรับมือเสียงในหัวทางด้านลบที่ดีกว่านี้
สิ่งแรกที่ต้องทำเลยคือ “รับรู้ถึงความรู้สึกนั้น” โดยไม่ต้องไปตัดสินว่ามันดีหรือไม่ดียังไง ไม่ต้องไปบอกว่าตัวเองควรรู้สึกแบบไหน เพียงแต่รู้ว่า “ตอนนี้กำลังรู้สึกประหม่าอยู่” ในเวลานี้ พูดอีกอย่างหนึ่งคือคุณอาจจะไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ แต่ว่ามันกำลังเกิดขึ้นอยู่และคนที่จัดการกับมันได้ก็คือเราคนเดียวนั้นแหละ
การวางตัวเองว่าเป็นคนที่ “ไม่ประสบความสำเร็จ” หรือ “ไม่ได้เรื่อง” นั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมากเพราะเราพร้อมจะเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่นที่เก่งกว่าอยู่เสมอ แต่นั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย แน่นอนว่าเราอาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จหรือเก่งกว่าทุกคนแต่นั้นก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ตัดสินตัวคุณเลยว่าเป็นอย่างนั้น.จำเอาไว้ว่าความล้มเหลวในบางเรื่องไม่ได้กำหนดว่าคุณเป็นคนที่ล้มเหลวไปตลอดชีวิต
อีกเรื่องหนึ่งที่เรียนรู้ในวันที่เจอเรื่องแย่ๆก็คือว่าเรายังมีหน้าที่ความรับผิดชอบต่างๆที่ต้องดูแล ไม่ว่าตอนนี้จะรู้สึกไม่ดีขนาดไหนก็ยังมีสิ่งที่ต้องทำ การจะรอให้ “อารมณ์มาก่อน” แล้วค่อยว่ากันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
อย่างสุดท้ายที่ผมใช้รับมือกับเสียงในหัวที่บางทีก็น่าจับมาตบหัวสักทีคือการบอกกับตัวเองในเวลานั้นว่า “อย่าเพิ่งไปคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทำตรงนี้ให้ดีที่สุด แค่นั้น”
เมื่อก่อนผมชอบมีความคิดในหัวว่า “ตอนนั้นน่าจะทำได้ดีกว่านี้” อยู่เสมอ แต่ที่จริงแล้วมันเป็นความคิดที่ดูตลกดีไม่น้อย เพราะถ้า “ตอนนั้นทำได้ดีกว่านี้ ก็คงทำไปแล้วสิ” จะมานั่งเสียใจทีหลังทำไม เลยกลายเป็นหลังๆจะบอกกับตัวเองเสมอว่า “มึงทำตรงนี้ดีๆ อย่าไปคิดมาก”
แน่นอนว่าเสียงในหัวที่บ่อนทำลายจิตใจตัวเองยังไม่หายไปทั้งหมดหรอก มันก็ยังมีบ้างอย่างวันนี้ แต่ผมรับมือมันได้ดีขึ้น ไม่ได้กดให้ตัวเองรู้สึกแย่อีกต่อไป อย่าปล่อยให้เสียงในหัวทำร้ายตัวเราเอง มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้น รับรู้มันและรับมือกับมันให้ได้แค่นั้น
หลังจากที่อาจารย์อ้วนประกาศชื่อผม ความประหม่าก็หายไป, ตอนนี้กลายเป็นความตื่นเต้นและพร้อมจะลุยแล้วหล่ะครับ