SOPON’S BLOG
“สุขมากขึ้น ร่ำรวยขึ้น และสงบมากขึ้น” : เปิดประสบการณ์ ‘No Spend Year’ ของนักข่าวฟรีแลนซ์ที่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยกับปี 2024 ที่ตัดค่าใช้จ่ายเหลือแค่ที่จำเป็น
November 28, 2024
ด้านมืดของ ‘บริโภคนิยม’ จากสารคดี ‘Buy Now! The Shopping Conspiracy’ มนุษย์โหมบริโภค โลกจึงกลายเป็นกองขยะ
November 27, 2024
อย่าให้สังคมกำหนดว่าเรา ‘ต้องมีอะไร’ ถึงจะมีความสุข
November 27, 2024
แม้ไม่มีรายได้ แต่รายจ่ายมีทุกวัน : 5 อย่างที่ต้องเตรียมพร้อมด้านการเงิน เมื่อตลาดแรงงานไม่มั่นคง
November 27, 2024
กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว แต่วางหินวันละก้อน
November 26, 2024
Facebook Twitter Youtube Instagram Medium Bootstrap
SOPON’S BLOG

Type and hit Enter to search

  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Tech
    • Business
    • Thoughts
    • Science
    • Startups
    • Lifehack
    • People
    • Travel
    • Inspiration
  • Podcast
  • About
  • Contact
  • Follow
    • Facebook
    • Twitter
    • Instagram
    • Blockdit
    • Telegram
Thought

อะไรทำให้มนุษย์ต้องทำงาน และการต่อสู้ของผู้รับค่าจ้าง

sopons
March 15, 2022 One Min Read
215 Views
0 Comments

หากคุณต้องการให้ใครสักคนทำอะไรสักอย่าง คุณต้องตอบสนองโดยการเสนอผลตอบแทนที่คุ้มค่า เพราะแท้จริงแล้ว มนุษย์ทำทุกอย่างตามแรงจูงใจ — นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงทำงานเหรอ?

ถ้าโลกนี้ไม่มีระเบียบการแลกเปลี่ยนหลักเป็น “ตัวเงิน” พวกคุณจะอยากทำงานไหม? มันก็ไม่แน่นะ หลายคนอาจจะอยากเป็นคนกวาดถนนเพราะ อยากให้ท้องถนนโล่ง ไม่เกะกะตาก็ได้ แต่ถ้าถามเรา เราอยากเป็นด้วงหรือไม่ก็แพนด้าแดง (เปลี่ยนสปีชีย์ไปเลย)

Photo by Israel Andrade on Unsplash

ทั้งหมดนี้เกิดจากการมนุษย์ทุกคนต่างต้องการใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายสูงสุดตามสัญชาตญาณ หากผลตอบแทนคงที่ไม่ว่าจะปฏิบัติอย่างไร ก็มีแนวโน้มว่ามนุษย์จะเลือกการออกแรงที่ขอไปที และหาทางที่สบายที่สุด B.F.Skinner ศึกษาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนได้มาซึ่งทฤษฏี “การวางเงื่อนไขการกระทำ” การทดลองของเขาแสดงให้เห็นว่าการควบคุมหรือจูงใจให้สัตว์มีพฤติกรรมต่าง ๆ มีความสัมพันธ์กับความถี่และจำนวนของรางวัล (reward) แนวคิดของเขาช่วยสนับสนุนแนวคิดที่ว่า “ค่าแรงรายชิ้นเพิ่มการทำงานของนกพิราบในห้องทดลองได้” แต่อย่างไรก็ตามไม่มีใครสนุกกับการทำงาน ทุกอย่างเกิดขึ้นตราบเท่าที่ผลตอบแทนนั้นเหมาะสม

  • มนุษย์ทำงานเพื่อเงินเพียงอย่างเดียว?

ในอดีตแนวคิดเรื่องชนชั้นได้กดทับ และลดทอนความสุขของมนุษย์ด้วยกัน ด้วยการเสนอกรอบที่ว่าโดยธรรมชาติแล้วคนทั่วไปทำงานเพื่อเงินเพียงอย่างเดียว และมีแต่คนชั้นสูงเท่านั้นที่ต้องการความท้าทาย และแนวคิดเช่นนี้แหละที่หล่อหลอมให้เกิด “แรงงานอันด้อยประสิทธิภาพ”

หากเราต้องการสร้างธรรมชาติที่ส่งเสริมให้มนุษย์ทำงานเราจำเป็นต้องทำให้เขาโหยหาความท้าทาย การมีส่วนร่วม ความหมาย สิทธิในการตัดสินใจ โอกาสและความพึงพอใจ ทำให้เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่เกินเอื้อม หากเราละเลยแนวคิดพื้นฐานของการเป็นมนุษย์อย่างนี้ไป ก็จะเหลือเพียงแค่นายจ้างและลูกน้อง งานดี ๆ กับ ที่มาของแหล่งรายได้ 

เราอาจมองหาความหมายและการมีส่วนร่วมในงานบางประเภท มองอย่างผิวเผินแล้ว  “งาน” อาจหาความหมายยาก แต่ เอมี เรสเนสกี ให้ลักษณะงานไว้ 3 ประเภทหลัก ๆ 

  1. งานที่ใจเรียกร้อง (Calling) : งานที่ตนพึ่งพอใจกับตำแหน่ง มีความเชื่อว่างานที่ทำมีคุณค่า
  2. เครื่องมือหาเลี้ยงชีพ (Job) : คนที่มองว่างานเป็นเครื่องมือ งานคือสิ่งจำเป็น ทำงานเพื่อผลตอบแทนและพร้อมเปลี่ยนงานหากมีที่อื่นเสนอค่าตอบแทนมากกว่า
  3. อาชีพ (Career) : คนที่มองว่างานเป็นอาชีพ มักจะมีอำนาจในการตัดสินใจ เป้าหมายคือการเลื่อนขั้น เงินเดือนที่สูงกว่า หรืองานที่ดี

เพราะฉะนั้นแล้ว อะไรที่ทำให้ผู้คนมีทัศนคติต่องานต่างกันไป ก็คือทัศนคติต่อการมองงานและความคิดที่พวกเขามีต่องานแบบนั้น แม้ทัศนคติจะเป็นเรื่องสำคัญแต่มันก็มีข้อจำกัดทางจิตวิทยาอยู่ บางทีเราก็ต้องหลอกตัวเองมากพอดูกับการจะเห็นว่างานของตนมีเป้าประสงค์

“รางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิต มาจากประสบการณ์ที่ต้องต่อสู้”

Friedrich Nietzsche

แรงบันดาลใจ หรือเบื้องหลังความสำเร็จ อันนำมาซึ่งเป้าประสงค์สูงสุดหรือแม้กระทั่งความหมายของชีวิต มักเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ที่สุด เพราะในวินาทีนั้นเราต่างค้นหาช่วงที่จะได้เรียนรู้ สร้างโอกาสและความเป็นไปได้ และนั่นจึงเป็นคำตอบที่ว่า

มนุษย์ทำงานเพื่อเงินเพียงอย่างเดียวหรือไม่  — “ไม่ใช่เลย”

  • แต่มนุษย์ก็ต้องใช้เงิน

ความจนคืออะไร? ความจนคือการขาดแคลน การเข้าไม่ถึงโอกาส หรืออาจพูดได้ว่ามันคือการมองไม่เห็นอนาคต แม้ว่าเราจะทำงานอย่างมีความสุขและพบคุณค่าของมัน แต่ถ้างานเหล่านั้นไม่มอบผลตอบแทนที่เพียงพอ

มนุษย์ทำงานเพื่อเงินเพียงอย่างเดียวหรือไม่ — คำตอบก็คือ “ใช่”

Positive Mindset เป็นการตอบสนองต่อสัญญาณทางสังคม เพื่อให้ผู้คนรับมือกับแรงกดดันจากความไม่มั่นคงทางการเงินและการอยู่ชายขอบ เป็น setting ที่เราจะกำหนดวิธีคิดโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ดูเหมือนจะมีปัญหา และหลงลืมที่จะไตร่ตรองให้ดีก่อนว่าทำไมเราถึงต้องปรับตัวให้เข้ากับทัศนะนั้นตั้งแต่แรก

การหันหลังให้กับสิ่งที่ทำให้อารมณ์เสีย และหมกมุ่นอยู่กับการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ การชั่งน้ำหนักมิตรภาพลงไปในแง่ของกำไรขาดทุน ทำให้เราถูกผูกมัดในรูปแบบของอัตวิสัยนี้ และปรับตัวเองให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด และความคาดหวังของผู้อื่น นี่เป็นอีกวิธีคิดหนึ่งที่เกิดขึ้นในกลุ่มคนที่ขาดแคลน (ตัวเงิน ความมั่นคงฯ) แนวคิดนี้ทำให้คนยากจนถูกตำหนิสำหรับความโชคร้ายของพวกเขา จนนำมาซึ่งการแบ่งฝ่ายต่อต้านนายทุน และแทรกแซงเพื่อลดทอนแรงสนับสนุนสถานะของแรงงาน

การดิ้นรนต่อสู้ของแรงงานก็ยังเป็นสิ่งที่ดำรงอยู่ควบคู่กับการกดขี่และอำนาจที่ไม่ชอบธรรม ประวัติศาสตร์การต่อสู้ไม่เพียงสะท้อนออกมาในรูปแบบเรื่องราวข้อเท็จจริง มีความพยายามสนับสนุนให้ผู้คนสร้างชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับตนเองโดยมุ่งเน้นไปที่ การศึกษา และความรู้ทางการเงิน ดังนั้นผู้ที่มีสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมที่ต่ำกว่า จึงถูกสั่งสอนวิธีตัดสินใจ แต่ไม่มีใครพูดเรื่องนี้กับกลุ่มคนที่เพียบพร้อมหรอกนะ

บริบทต่างๆ กำหนดวิธีที่เราคิด สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ล่องลอยได้อย่างอิสระ แท้จริงแล้วเป็นผลพวงของพลังทางสังคมที่ทำงานในรูปแบบที่ละเอียดอ่อน 

  • เมื่อไม่ได้รับความยุติธรรมก็ต้องต่อต้าน

การต่อต้านเกิดขึ้นทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกทางภาษา หรือการลอบบ่อนทำลายโดยผู้ต่อต้านลูกจ้างมักถูกมองข้าม หรือถูกสบประมาทว่าการต่อต้านของพวกเขาไม่ใช่การกระทำทางการเมือง เพราะไม่สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจได้  และการต่อต้านถูกวัดความสำเร็จด้วยการดู “ผลทางการเมือง” เช่น สามารถปฏิวัติโค่นล้มอำนาจเดิมได้โดยทันที เพราะ การต่อสู้ที่ปะทุออกมาอย่างเปิดเผยย่อมมีพื้นฐาน (infrapolitcs) มาจากการดิ้นรนขัดขืนเล็กๆน้อยๆแทบทั้งสิ้น

Photo by Library of Congress on Unsplash

อ้างอิง อ้างอิง2 อ้างอิง3 อ้างอิง4 อ้างอิง5 อ้างอิง6

Tags:

Bussinessworkค่าจ้างงานหนักทำงานธุรกิจ

Share Article

Follow Me Written By

sopons

Writer / Columnist (Salmon Books, 101.world, The Matter, Beartai, The People, a day Bulletin, CapitalRead, GQ, Billion Brands)

Other Articles

Previous

The Broken Ladder (เมื่อบันไดหัก)

Next

The Rise of Virtual Human Influencers : มิติใหม่ของโลกโฆษณาด้วยการใช้อินฟูลเอนเซอร์ที่เป็น ‘มนุษย์เสมือน’

Next
April 19, 2022

The Rise of Virtual Human Influencers : มิติใหม่ของโลกโฆษณาด้วยการใช้อินฟูลเอนเซอร์ที่เป็น ‘มนุษย์เสมือน’

Previews
March 6, 2022

The Broken Ladder (เมื่อบันไดหัก)

Related Posts

Dating App ภิวัตน์ : โอกาสของคนโสดและธุรกิจ

by sopons
October 14, 2021

อนาคตที่สดใสของเทคโนโลยี…จริงๆเหรอ?

by sopons
December 13, 2021

อินเทอร์เน็ตต้องการกฎที่ดีกว่า ไม่ใช่ผู้ตัดสินที่เข้มงวด

by sopons
December 27, 2021
SOPON’S BLOG

STUFF WORTH READING

© 2022, All Rights Reserved.

Quick Links

  • Contact
  • About

Category

  • Self-Improvement
  • Technology
  • Business
  • Thoughts
  • Psychology

Follow

Facebook Twitter Youtube Instagram
  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Business
    • Technology
    • Inspiration
    • Books
    • Life Style
    • Startups
    • Thoughts
    • Travel
  • About
  • Contact