SOPON’S BLOG
2 เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จด้านการเงิน
November 28, 2022
สูตรลดน้ำหนัก 4 กิโล ใน 4 สัปดาห์ : ไม่ต้องพึ่งยา แถมยังไปกินชาบูอีกต่างหาก
November 26, 2022
ฟีดแบคที่ดี ไม่ได้ดีเสมอไป : รับมือยังไงเมื่อเจอฟีดแบคหนัก ๆ ตรง ๆ และต้องปรับตัว
November 24, 2022
ปีใหม่ คนเก่า : จะเปลี่ยนตัวเองได้ ต้องรับตัวเองที่ไม่สมบูรณ์ให้ได้ก่อน
November 21, 2022
20 บทเรียนจากนักจิตบำบัดที่จะช่วยให้ชีวิตดีขึ้น
November 20, 2022
Facebook Twitter Youtube Instagram Medium Bootstrap
SOPON’S BLOG

Type and hit Enter to search

  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Tech
    • Business
    • Thoughts
    • Science
    • Startups
    • Lifehack
    • People
    • Travel
    • Inspiration
  • Podcast
  • About
  • Contact
  • Follow
    • Facebook
    • Twitter
    • Instagram
    • Blockdit
    • Telegram
FeaturedSelf-Improvement

ความน่ากลัวของความเจ็บปวดที่คุ้นเคย : ทำไมแม้อยากลาออกมากแค่ไหน แต่ก็ยังไม่มีแรงมากพอที่จะก้าวออกมาอยู่ดี

sopons
September 22, 2022 One Min Read
140 Views
0 Comments

บทสนทนาระหว่างเพื่อนกับผมเมื่อวันก่อน

“ทำงานที่นี่ต่อไปกูต้องตายแน่ ๆ เลย” เพื่อนคนหนึ่งทักไลน์มาเมื่อวันก่อน

“อืมมม…งานหนักเหรอ” ผมตอบไป

“ก็นั่นแหละเบื่อหัวหน้า เบื่องาน อะไรก็ไม่รู้เยอะแยะตลอดเวลา แทบไม่มีเวลาพัก” เพื่อนเริ่มบ่นต่อ

“ลองย้ายแผนกไหม น่าจะโอเคมั้งมึง”

“ก็ไม่รู้จะย้ายไปไหนเหมือนกัน แผนกอื่นก็ดูไม่ค่อยดีเลย”

“งั้นก็อยู่ไปก่อนเดี๋ยวก็ดีขึ้นแหละ”

“แต่ก็เหนื่อยมากไง อยากเทแล้ว”

“งั้นก็จัดไป เทเลยมึง”

“แต่ตอนนี้ออกก็ไม่ได้ไง งานเพียบเลย”

“โอ๊ยยยย ไหนบอกว่าอยู่ก็ตายแน่ ๆ ยังไงหล่ะ….”

[…]

เชื่อว่าหลายคนคงเคยอยู่ในบทสนทนาแบบนี้ไม่รูปแบบใดก็รูปแบบหนึ่ง ถ้าไม่ใช่ฝั่งบ่น ก็จะเป็นฝั่งรับฟัง เราเห็นเพื่อนบ่น ก็รู้สึกว่าทำไมถึงยังอยู่ แต่พอถึงตาตัวเองก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ เหนื่อย เบื่อ ท้อ แต่ก็ไม่ไปไหน เหมือนโลกจะแตกแต่ก็ไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นอยู่

การจะเลิกบางอย่างต้องใช้แรงขนาดนั้นเลยเหรอ? บางทีเราอาจสงสัย

ไม่ใช่ว่าอยากหยุดก็พอ ตัดสินใจเลิกไม่ทำแล้วไม่ใช่เหรอ? อยากทิ้งที่ทำงานที่เป็นเหมือนนรกตรงนี้ไปให้พ้น ๆ แต่ก็ไม่ยอมทำสักที บ่นให้เพื่อนฟัง ตอนแรก ๆ ก็ปลอบโอ๋กันไป นานเข้าก็เริ่มรู้สึกรำคาญว่าทำไมไม่ออก ๆ ไปซะให้มันจบ ๆ

แต่อยากให้ลองนึกภาพว่ามีคนคนหนึ่งตื่นขึ้นมาถูกตบหัวที่เดิมมาตลอดหลายปี ทุกวันก็จะเป็นแบบนี้ โดนตบหัว โดนตบหัว ไม่รู้ด้วยว่าทำไมถึงโดนตบ แต่โดนตบไปทุกวันนั่นแหละ ตอนแรกตกใจ โกรธ ไม่พอใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ อีกวันหนึ่งมาโดนอีกละ แต่นานเข้า ๆ จากความเจ็บปวดที่ถูกตีทุกวันที่เดิม ๆ มันเริ่มชินครับ ชินกับความเจ็บปวด ฟังดูเศร้าใช่ไหมครับ แต่นี่คือเรื่องจริง เราชินกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ แบบคาดเดาได้ ก็รู้แหละไม่พอใจ แต่ก็เดาได้ว่ามันก็เจ็บประมาณนี้แหละ ไม่ได้มากกว่านี้

นี่คือสิ่งที่เรียกว่า ‘ความเจ็บปวดที่คุ้นเคย’ ซึ่งมันอันตรายมากเลยหล่ะครับ ยอมจำนนต่อชีวิตทางจิตวิทยาเรียกลักษณะอาการเช่นนี้ว่า “Learned Helplessness”


ในปี 1960 มาร์ติน เซลิกแมน (Martin Seligman) นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ได้ทำการทดลองเพื่อศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ (ซึ่งในตอนนี้น่าจะทำไม่ได้แล้วเพราะเรื่องกฎหมาย) แบ่งหมาออกเป็นสามกลุ่ม

  • หมากลุ่มแรกถูกจับใส่ปลอกคอไว้เฉยๆ เมื่อเวลาผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง ผู้วิจัยจะถอดปลอกคอออกแล้วปล่อยพวกมันให้เป็นอิสระอีกครั้ง
  • หมากลุ่มที่สองแม้ว่าจะถูกจับใส่ปลอกคอเหมือนกัน แต่พวกมันจะถูกช็อตด้วยไฟฟ้า หนทางเดียวที่จะหยุดไฟฟ้าไม่ให้ช็อตต่อไปคือต้องเอาเท้าไปกดคาน
  • หมากลุ่มที่สามน่าเห็นใจที่สุด เพราะมันถูกจับใส่ปลอกคอและโดนไฟฟ้าช็อตตลอดเวลา ที่สำคัญคือไม่มีทางที่จะหยุดกระแสไฟฟ้าได้ ไม่ว่าจะพยายามดิ้น สะบัดตัว หรือกระโดด ก็ไม่มีประโยชน์ พวกมันยังคงโดนช็อตต่อไป

เมื่อการทดลองขั้นแรกจบ ผู้วิจัยสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในหมากลุ่มที่สาม พวกมันดูเซื่องซึมลงอย่างเห็นได้ชัด ผิดกับหมาสองกลุ่มแรกที่ยังดูปกติตามเดิม

ผู้วิจัยนำหมาทั้งหมดกลับมาทดลองอีกครั้ง หมาแต่ละตัวจะถูกจับใส่กล่องที่แบ่งพื้นที่เป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งปล่อยกระแสไฟฟ้าให้ช็อตได้ อีกฝั่งเป็นพื้นที่ปลอดภัย โดยตรงกลางมีที่กั้นเตี้ยมากที่จะให้หมาทุกตัวกระโดดข้ามไปได้

จากนั้นจะเปิดหลอดไฟกะพริบแสงเพื่อส่งสัญญาณให้หมารู้ล่วงหน้าก่อนปล่อยไฟฟ้าลงบนพื้นของฝั่งที่มีหมาอยู่ เปิดไฟกะพริบ ปล่อยไฟฟ้าช็อต วนไป ต้องการวางเงื่อนไขให้หมาเข้าใจว่ามันจะมีแสงปุ๊บ ไฟช็อต ทำแบบนี้เพื่อสังเกตดูพฤติกรรมและการตอบสนองของหมาแต่ละกลุ่มจากการทดลองในขั้นแรก

ผลปรากฏว่า หมากลุ่มแรกและกลุ่มสองพอไฟช็อตก็รีบกระโดดไปอีกฝั่ง แต่หมากลุ่มที่สาม แม้ว่ากระแสไฟฟ้าจะทำให้รู้สึกเจ็บปวด พวกมันกลับด้านชาไม่กระตือรือร้นที่จะกระโดดข้ามไปอีกฝั่งเลย นอนแน่นิ่งให้ไฟช็อตต่อไปเรื่อยๆ ไร้ซึ่งความหวังที่จะพาตัวเองให้รอดพ้นจากสถานการณ์อันเลวร้าย เพราะประสบการณ์จากการเป็นฝ่ายถูกกระทำทำให้มันเรียนรู้ว่าชีวิตคงอับจนปัญญาและไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว จึงเลือกที่จะไม่ทำอะไรเลยแม้กำลังเจ็บปวดอยู่

นี่คือความน่ากลัวของความเจ็บปวดที่คุ้นเคย ชาชินกับความเจ็บปวดที่เจอทุกวี่วัน ไร้ซึ่งความหวังหรือเรี่ยวแรงที่จะพาตัวเองออกจากสถานการณ์อันเลวร้าย เรามองจากข้างนอกเห็นที่กั้นเตี้ย ๆ เพียงแค่ยื่นใบลาออกทุกอย่างก็จบแล้ว แต่ทำไมคนที่อยู่ตรงนั้นไม่ทำ ทีนี้เราเริ่มเข้าใจแล้วว่าไม่ใช่เพราะไม่อยากทำ เพียงแต่การถูกกระทำจนชินชาทำให้หมดความหวังกับทางเลือกใหม่ต่างหาก คิดว่า ดิ้นไปก็เท่านั้น เจ็บเท่านี้พอทนได้ก็ทนไปเถอะ นอนให้ถูกช็อตต่อไปเรื่อย ๆ

ถึงตอนนี้ใครกำลังทนกับอะไรอยู่ขอให้หายใจลึก ๆ แล้วรวบรวมแรงฮึดสักครั้ง สิ่งที่กั้นขวางระหว่างความเจ็บปวดที่คุณต้องเผชิญทุกวัน กับพื้นที่ปลอดภัยอาจเป็นเพียงที่กั้นต่ำ ๆ ที่คุณไม่กล้าข้ามมาตลอดก็ได้ อย่าปล่อยให้ความเจ็บปวดที่คุ้นเคยกลืนกินชีวิตจนมันไร้ความหมายอีกเลย

(เดี๋ยวครั้งหน้าจะเขียนเกี่ยวกับ Learned Optimism ที่เป็นแนวคิดขั้วตรงข้ามและเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาจิตวิทยาเชิงบวก (Positive Psychology))

======

https://www.medicalnewstoday.com/articles/325355

https://ppc.sas.upenn.edu/sites/default/files/learnedhelplessness.pdf

Tags:

featuredlearned helplessnessความเจ็บปวดที่คุ้นเคยคำปรึกษาสำหรับคนที่อยากลาออกทนทำงานต่อไปทำไมบทความสร้างแรงบันดาลใจบทความสำหรับคนทำงานมาร์ติน เซลิกแมนเกลียดงานที่ทำเกลียดงานแต่ก็ไม่ลาออกเพราะอะไรเรียนรู้รับมือกับความเจ็บปวดโสภณชวนอ่านไม่อยากทำงาน

Share Article

Follow Me Written By

sopons

Writer / Columnist (Salmon Books, 101.world, The Matter, Beartai, The People, a day Bulletin, CapitalRead, GQ, Billion Brands)

Other Articles

Previous

อย่าใช้ไฟเพื่อดับไฟ : 4 ขั้นตอนโน้มน้าวใจเพื่อลดแรงปะทะจากนักเจรจาตัวประกัน

Next

ความสำเร็จไม่เคยเป็นเส้นตรง : เมื่อความผิดพลาด นำมาซึ่งความสำเร็จที่มากกว่าเดิม

Next
September 25, 2022

ความสำเร็จไม่เคยเป็นเส้นตรง : เมื่อความผิดพลาด นำมาซึ่งความสำเร็จที่มากกว่าเดิม

Previews
September 21, 2022

อย่าใช้ไฟเพื่อดับไฟ : 4 ขั้นตอนโน้มน้าวใจเพื่อลดแรงปะทะจากนักเจรจาตัวประกัน

No Comment! Be the first one.

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Related Posts

1 ปัจจัยที่ทำให้ความสัมพันธ์คู่รักประสบความสำเร็จ จากการศึกษาคู่รักกว่า 40,000 คู่ [part 1/2]

by sopons
November 30, 2022

เหนื่อยกับงาน ยิ่งนานยิ่งท้อใจ : เทคนิคของคุณครูที่ Quiet Quitting กว่า 2 ปีโดยไม่กระทบกับงานประจำ

by sopons
August 31, 2022

ผัดวันไม่ใช่ขี้เกียจ แต่เป็นการหลีกเลี่ยง : เพราะความกลัวว่างานที่ทำจะออกมาไม่ดีอย่างที่คิด

by sopons
September 12, 2022

4 อย่างในชีวิตที่เสียเวลาที่สุด : นอกจากจะเสียเวลาแล้ว ยังเสียพลังชีวิตไปด้วยอีกต่างหาก

by sopons
November 4, 2022

Subscribe to our newsletter and stay updated.

SOPON’S BLOG

© 2021, All Rights Reserved.

Quick Links

  • Contact
  • About
  • Billion Brands
  • Blockdit

Category

  • Self-Improvement
  • Technology
  • Business
  • Thoughts
  • Travel

Follow Us

Facebook Twitter Youtube Instagram
  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Business
    • Technology
    • Inspiration
    • Books
    • Life Style
    • Startups
    • Thoughts
    • Travel
  • About
  • Contact