SOPON’S BLOG
“สุขมากขึ้น ร่ำรวยขึ้น และสงบมากขึ้น” : เปิดประสบการณ์ ‘No Spend Year’ ของนักข่าวฟรีแลนซ์ที่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยกับปี 2024 ที่ตัดค่าใช้จ่ายเหลือแค่ที่จำเป็น
November 28, 2024
ด้านมืดของ ‘บริโภคนิยม’ จากสารคดี ‘Buy Now! The Shopping Conspiracy’ มนุษย์โหมบริโภค โลกจึงกลายเป็นกองขยะ
November 27, 2024
อย่าให้สังคมกำหนดว่าเรา ‘ต้องมีอะไร’ ถึงจะมีความสุข
November 27, 2024
แม้ไม่มีรายได้ แต่รายจ่ายมีทุกวัน : 5 อย่างที่ต้องเตรียมพร้อมด้านการเงิน เมื่อตลาดแรงงานไม่มั่นคง
November 27, 2024
กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว แต่วางหินวันละก้อน
November 26, 2024
Facebook Twitter Youtube Instagram Medium Bootstrap
SOPON’S BLOG

Type and hit Enter to search

  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Tech
    • Business
    • Thoughts
    • Science
    • Startups
    • Lifehack
    • People
    • Travel
    • Inspiration
  • Podcast
  • About
  • Contact
  • Follow
    • Facebook
    • Twitter
    • Instagram
    • Blockdit
    • Telegram

Gartner บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชื่อดังได้ตีพิมพ์บทความ “Gartner Top 10 Strategic Technology Trends for 2020” ซึ่งเป็นบทความที่ว่าด้วยเทรนด์ของเทคโนโลยีที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบประเด็นเหล่านี้และธุรกิจที่พึ่งพาเทคโนโลยีไม่ว่าด้านใดก็ตาม ประเด็นที่ Gartner กล่าวถึงมีทั้ง Hyperautomation, Blockchain, AI security, Distributed Cloud และ Autonomous things ซึ่งกำลังก่อให้เกิด disruption และสร้างโอกาสสำหรับเทรนด์กลยุทธทางเทคโนโลยีในปีนี้

Human Augmentation (การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มทักษะด้านความคิดและการตัดสินใจของมนุษย์) นั้นสร้างภาพของไซบอร์กหุ่นยนต์ในอนาคต แต่ที่จริงแล้วมนุษย์มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อทำให้เราใช้ชีวิตได้ดีขึ้นมานานหลายร้อยปีแล้ว ตั้งแต่การใช้แว่นสายตา เครื่องช่วยฟัง และ อวัยวะเทียมที่พัฒนามาเป็นประสาทหูเทียม (cochlear implants) และอุปกรณ์อิเลคโทรนิคแบบสวมใส่ (wearables) แม้กระทั่งการผ่าตัดดวงตาด้วยเลเซอร์ก็กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้านักวิทยาศาสตร์สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลให้กับสมองของเรา หรือฝังชิปเข้าไปเพื่อถอดรหัสบางอย่าง? ถ้าเรามีชุดอุปกรณ์ให้เหล่าพนักงานโรงงานเพื่อให้พวกเจาสามารถยกของหนักๆได้มากเหมือนไม่ใช่มนุษย์? ถ้าแพทย์สามารถฝังเซนเซอร์ที่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของยาภายในร่างกายได้?

ตอนนี้เทคโนโลยีกำลังยุคในช่วงที่เคลื่อนผ่านการทดแทนสิ่งที่มนุษย์เคยทำได้ไปเป็นบางอย่างที่มากกว่าความสามารถของมนุษย์ปกติ

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะสร้างผลกระทบต่อโลกและเศรษฐกิจจึงทำให้ Human Augmentation เป็นหนึ่งใน 10 ของเทรนด์กลยุทธทางเทคโนโลยีที่จะผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และสร้างโอกาสในช่วง 5-10 ปีต่อจากนี้

โดยเทรนด์จะถูกโฟกัสอยู่กับไอเดียที่ “people-centric smart spaces” ซึ่งหมายถึงว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะสร้างผลกระทบอะไรกับมนุษย์ (ยกตัวอย่างเช่นลูกค้าหรือพนักงาน) และสถานที่ที่พวกเขาเหล่านี้อาศัยอยู่ (ยกตัวอย่างเช่นบ้าน ออฟฟิศ หรือ รถยนต์)

Brian Burke (Gartner Research VP) กล่าวที่งาน Gartner 2019 IT Symposium/Xpo™ in Orlando, Florida ว่า

“เทรนด์เหล่านี้จะสร้างผลกระทบอย่างมากต่อผู้คนและพื้นที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่ แทนที่จะสร้างเทคโนโลยีและดูว่าจะสร้างแอพพลิเคชั่นต่อจากนั้นยังไง องค์กรควรต้องคำนึงถึงบริบทของธรุกิจและมนุษย์ก่อน”

เทรนด์เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นแบบลำพัง; เหล่าผู้นำทางด้าน IT จะต้องตัดสินใจว่าจะใช้การผสมผสานของเทรนด์อันไหนเพื่อสร้างนวัตกรรมและกลยุทธที่ดีที่สุด

ยกตัวอย่างเช่น Artificial Intelligence (AI) ในรูปแบบของ Machine Learning (ML) ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Hyperautomation และ Edge computing สามารถเอามาใช้แบบเกื้อหนุนกันเพื่อสร้างสิ่งก่อสร้างและพื้นที่เมืองที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีแสนฉลาดได้ ต่อจากนั้นเมื่อเทคโนโลยีเหล่านี้ถูกนำมาใช้ร่วมกันก็สามารถทำให้การเข้าถึงเทคโนโลยีนั้นเท่าเทียมกันมากขึ้นด้วย (Democratization of the technology)

Trend No 1. Hyperautomation

Automation ใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างกระบวนการทำงานแบบอัตโนมัติที่เคยต้องใช้มนุษย์เป็นส่วนประกอบหลัง

Hyperautomation คือการใช้งานแอพพลิเคชั่นบนเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น Artificial Intelligence (AI) และ Machine Learning (ML) เพื่อสร้างกระบวนการอัตโนมัติและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น Hyperautomation นั้นถูกใช้งานในเครื่องมือที่หลากหลายที่สามารถทำให้เป็นระบบอัตโนมัติได้ แต่ขณะเดียวกันก็หมายถึงระบบอัตโนมัติที่มีความซับซ้อนมากด้วย (อย่างเชาน การค้นหา, วิเคาราะห์, ดีไซน์, วัดค่า, เฝ้าระวัง และ การประเมิน)

แน่นอนว่าเครื่องมือเพียงชนิดเดียวนั้นไม่สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้ hyperautomation ในวันนี้จึงต้องมีการใช้เครื่องมือหลายๆอย่างประกอบกัน อย่างเช่น Robotic Process Automation (RPA), Intelligent Business Management Software (iBPMS) และ AI โดยมีเป้าหมายเพื่อให้การตัดสินใจต่างๆนั้นใช้ AI เป็นหลัก

Trend No. 2: Multiexperience

Multiexperience (ประสบการณ์ที่หลากหลาย) นั้นใช้เทคโนโลยีที่มีความรอบรู้เกี่ยวกับมนุษย์ แทนที่ มนุษย์ที่มีความรอบรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือว่าเทรนด์นี้เราจะได้เห็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง จากที่มีจุดปฎิสัมพันธ์เพียงอย่างเดียวจะกลายเป็นระบบที่สามารถให้ประสบการณ์ที่หลากหลายมากขึ้นผ่านทาง wearables และเซนเซอร์ต่างๆ

ยกตัวอย่างเช่นร้านพิซซ่าสามารถสร้างประสบการณ์ที่มากกว่าแอพพลิเคชั่นสั่งออเดอร์ แต่เชื่อมต่อไปยังหุ่นยนต์ขนส่งแบบอัตโนมัติ ที่มี tracking ให้ลูกค้าได้ดู และสามารถพูดคุยกับลูกค้าเมื่อส่งของได้

ในอนาคต เทรนด์นี้จะกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า “Ambient Experience” แต่ตอนนี้ “Multiexperience” โฟกัสที่ประสบการเหมือนจริงโดยใช้เทคโนโลยีอยย่าง Augmented Reality (AR), Virtual Reality (VR), Mized Reality, Human-Machine Interface และ ระบบเซนเซอร์ต่างๆ

Trend No. 3: Democratization

Democratization of Technology หมายถึงการให้โอกาสผู้คนเพื่อเข้าถึงเทคโนโลยีและธุรกิจได้โดยง่าย ไม่จำเป็นต้องมีการเทรนด์อย่างยาวนาน (และราคาแพง) โดยมุ่งเน้นไปที่สี่ด้านคือ การพัฒนาแอพพลิเคชั่น (application development), ข้อมูลและการวิเคราะห์ (data and analytics), ออกแบบ/ดีไซน์ และ ความรู้ – ส่วนใหญ่แล้วจะเรียกว่า “citizen access” ที่กลายมาเป็นคำศัพท์ที่หลายๆคนพูดถึงอย่าง citizen data scientists, citizen programmers และอื่นๆ

ยกตัวอย่างเช่นผู้พัฒนาซอฟท์แวร์สามารถที่สร้างโมเดลข้อมูลได้โดยไม่ต้องมีความสามารถที่เทียบเท่ากับนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (data scientist) พวกเขาเหล่านี้จะใช้การพัฒนาที่พึ่งพา AI เพื่อสร้างโค้ดและทดสอบโดยอัตโนมัติ

Trend No. 4: Human augmentation

Human Augmentation คือการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มการรับรู้/ความคิดและความสามารถทางร่างกายมนุษย์ให้มากยิ่งขึ้น

Physical Augmentation คือการเปลี่ยนความสามารถทางร่างกายที่มีตามธรรมชาติโดยการฝังหรือสวมใส่เทคโนโลยีในร่างกายหรือตามร่างกาย ยกตัวอย่างเช่นอุตสาหกรรมรถยนต์หรือการชุดเหมืองสวมใส่อุปกรณ์ wearables เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับพนักงาน ในอุตสาหรรมอื่นๆอย่างร้านค้าหรือเดินทาง อุปกรณ์ wearables เหล่านี้จะถูกใช้เพื่อความประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานยิ่งขึ้นกว่าเดิม

Physical Augmentation นั้นจะมีด้วยกันทั้งหมด 4 หมวด : Sensory Augmentation (การฟัง, มองเห็น, การรับรู้), Appendage and Biological Function Augmentation (อวัยวะเทียม, อุปกรณ์สวมใส่ สำหรับการเป็นแขนขา), Brain Augmentation (การผ่าตัดฝังอุปกรณ์เข้าไปในสมองเพื่อรักษาโรคต่างๆ) และ Genetic Augmentation (การทำยีนบำบัด)

Cognitive Augmentation คือการเพิ่มความสามารถให้กับมนุษย์ในเรื่องการคิด การตัดสินใจ ยกตัวอย่างเช่นการรับรู้ข้อมูลใหม่ๆเพื่อเพิ่มความสามารถของตัวเองและสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ Cognitive Augmentation นั้นมีส่วนที่ทับซ้อนกับ Brain Augmentation เพราะเมื่อฝังอุปกรณ์เข้าไปในสมองก็จะมีส่วนเชื่อมโยงกับความคิดและเหตุผลต่างๆด้วย

Human Augmentation นั้นสร้างความซับซ้อนในเรื่องจริยธรรมและวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างเทคโนโลยี CRISPR ที่ดัดแปลงยีนของมนุษย์ได้ก็สร้างการถกเถียงเป็นอย่างมากว่าควรจะทำจริงๆรึเปล่า

Trend No. 5: Transparency and traceability

วิวัฒนาการของเทคโนโลยีนั้นสร้างวิกฤติกาลความเชื่อใจขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อผู้ใช้งานนั้นเริ่มระแวดระวังว่าข้อมูลของพวกเขานั้นถูกเก็บไปและนำไปใช้ องค์กรก็เริ่มรับรู้ถึงความเสี่ยงในการเก็บข้อมูลเหล่านี้เช่นเดียวกัน

อีกประเด็นหนึ่งคือเมื่อ AI และ ML ถูกนำมาใช้เพื่อตัดสินใจแทนมนุษย์มากยิ่งขึ้น จึงกลายเป็นยิ่งทำให้วิกฤติความเชื่อใจนั้นรุนแรงมากกว่าเดิม ทำให้เกิดเป็นไอเดียอย่าง “Explainable AI” (AI ที่สามารถอธิบายได้ว่ามันทำงานและตัดสินใจยังไง) และ “AI Governance” ​(ระบบการจัดการ AI)

โดยเทรนด์นี่จะโฟกัสอยู่หกด้านของความเชื่อใจ : จริยธรรม (Ethics), ความซื่อสัตย์ (Integrity), (ความเปิดเผย) Openness, (ความรับผิดชอบ) Accountability, (ความสามารถ) Competence และ (ความสม่ำเสมอ) Consistency

การผลักดันกฎหมายความปลอดภัยของข้อมูลเกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก กฎที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด คือ European Union’s General Data Protection Regulation (GDPR) เพื่อจะสร้างกรอบกฎหมายให้กับองค์กรต่างๆด้วย

Trend No. 6: The empowered edge

Edge Computing แปลตรง ๆ คือ การประมวลผลที่ขอบ (ของเครือข่าย) ซึ่งอาจจะอยู่ตรงไหนก็ได้ระหว่างอุปกรณ์นอกสุด (End devices) และก่อนจะถึงระบบคลาวด์ที่เป็นส่วนกลางทั้งหมด การประมวลผลอาจเกิดขึ้นได้ระหว่างทาง เช่น อุปกรณ์ Network Routers หรือ Gateways ในเครือข่าย อาจจะมีความสามารถในการประมวลผล จัดเก็บข้อมูล หรือวิเคราะห์ข้อมูล หรือ Data Analytics เบื้องต้น ก่อนส่งต่อไปยังระบบคลาวด์ โดยการทำแบบนี้จะเป็นการลดการสื่อสารกับคลาวด์ เพิ่มความรวดเร็วในการประมวลผลและไม่โหลดการประมวลผลของคลาวด์มากจนเกินไป

เทคโนโลยีนี้กลายเป็นสิ่งสำคัญเพราะการเพิ่มจำนวนขึ้นของอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) เมื่อมี Edge Computing ก็จะทำให้อุปกรณ์ต่างๆนั้นเป็นพื้นฐานให้สร้างพื้นที่อัจฉริยะ (smart spaces) ทำให้แอพพลิเคชั่นและบริการต่างๆนั้นอยู่ใกล้กับผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น

มีการคาดการณ์ว่าในปี 2023 จะมีการใช้งานอุปกรณ์ที่สามารถส่งสัญญาณให้อุปกรณ์ใกล้เคียงได้ในปริมาณมากขึ้นกว่า 20 เท่าตัว

Trend No. 7: The distributed cloud

Distributed Cloud คือการขยายบริการของคลาวด์ไปตามพื้นที่ต่างๆนอกเหนือจาก Data Center (ระบบบริหารจัดการข้อมูล) ของผู้ให้บริการของคลาวด์นั้น (แต่ยังคงได้รับการควบคุมจากผู้ให้บริการอยู่) โครงสร้างพื้นฐาน การทำงาน ควบคุม และอัพเดทต่างๆนั้นยังเป็นความรับผิดชอบของผู้ให้บริการ นี่เป็นก้าวหน้าสู่ยุคใหม่ของ Cloud Computing เพราะมันจะทำให้ Data Centers ของผู้ให้บริการนั้นอยู่ที่ไหนก็ได้ จะเป็นการแก้ไขปัญหาทางเทคนิคอย่างศักยภาพของการทำงานและอธิปไตยทางข้อมูล (data sovereignty)

Trend No. 8: Autonomous things

Autonomous ​Things – อุปกรณ์อัตโนมัติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ โดรน โรบอท เรือ หรือเครื่องใช้ในบ้านเรือน สิ่งเหล่านี้ล้วนใช้ความสามารถของ AI และ ML ทั้งสิ้น เพื่อทำงานแทนมนุษย์ สิ่งเหล่านี้จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น

แม้ว่าตอนนี้ส่วนใหญ่แล้วอุปกรณ์อัตโนมัติเหล่านี้จะถูกใช้งานในสภาพแวดล้อมจำกัดที่ถูกควบคุม เช่นในเหมืองหรือโกดังเก็บของ แต่สุดท้ายแล้วมันจะค่อยๆขยับขยายสู่พื้นที่ของชีวิตเรามากยิ่งขึ้น อีกอย่างคือจากที่เป็น standalone ทำงานด้วยตัวเอง อุปกรณ์เหล่านี้จะเริ่มทำงานร่วมกัน อย่างเช่นโดรนในการแข่งขัน Winter Olympic Games 2018

แต่อุปกรณ์เหล่านี้จะยังไม่สามารถทดแทนมนุษย์ทั้งหมดได้และทำงานที่ค่อนข้างจำเพาะเจาะจงเท่านั้น

Trend No. 9: Practical blockchain

Blockchain เป็นเทคโนโลยีเพื่อการตรวจสอบข้อมูลรูปแบบหนึ่ง เนื่องจากเป็นการเก็บข้อมูลที่เป็นห่วงโซ่ และมีการถอดรหัสในตัวเอง ทำให้ข้อมูลที่ถูกเก็บจะไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ จึงเป็นข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถืออย่างมาก

Blockhain จะทำให้เราย้อนกลับไปดูได้เลยว่าของบางอย่างนั้นมาจากไหน ยกตัวอย่างเช่นถ้าเกิดมีโรคที่เกิดจากอาหารก็สามารถดูได้เลยว่าเนื้อหมู ผัก ฯลฯ​ มาจากที่ไหน จะทำให้ผู้ใช้งานนั้นสามารถแลกเปลี่ยนอะไรก็ตามในรูปแบบดิจิตอลที่เชื่อถือได้โดยไม่ต้องใช้ส่วนกลาง แต่ที่ผ่านมา Blockchain ส่วนใหญ่จะอยู่ในส่วนขององค์กรใหญ่ๆ เพราะข้อจำกัดด้านเทคนิค

เมื่อใดที่การพัฒนา Blockchain เสถียรและเป็นที่ยอมรับมากขึ้น การใช้ Blockchain สำหรับอุตสาหกรรมเล็กๆ จะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยคาดว่า ในปี 2023 เทคโนโลยี Blockchain จะได้ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายขึ้น

Trend No. 10: AI security

เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นมากอย่าง Hyperautomation และ Autonomous Things นั้นสร้างโอกาสมากมายต่อโลกของธุรกิจ แต่ในขณะเดียวกันมันก็สามารถสร้างช่องว่างทางความปลอดภัยได้เช่นเดียวกัน ทีมที่ดูแลเรื่องความปลอดภัยนั้นต้องพบเจอความท้าทายใหม่ๆและรับรู้ว่า AI จะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยอย่างแน่นอน

AI security นั้นมีด้วยกันสามด้าน

  1. ป้องการระบบที่ทำงานด้วย AI : คือการป้องกันข้อมูลที่ใช้เพื่อการฝึก AI วิธีการเทรนด์ และโมเดลของ ​ML
  2. ใช้ AI เพื่อเพิ่มศักยภาพของระบบป้องกัน : ใช้ ML เพื่อเรียนรู้และเข้าใจรูปแบบ มองหาการโจมตีที่เกิดขึ้น และทำให้ระบบป้องกันทำงานอย่างอัตโนมัติ
  3. เฝ้าระวังการใช้ AI เพื่อโจมตีระบบ : บ่งบอกว่าอันไหนคือการโจมตีและป้องกันให้ได้

Tags:

2020AIArtificial IntelligenceDemocratizationExplainable AIfeaturedfutureGartnerHuman augmentationHyperautomationMultiexperiencePractical blockchaintechnologyTransparency and traceabilitytrend

Share Article

Follow Me Written By

sopons

Writer / Columnist (Salmon Books, 101.world, The Matter, Beartai, The People, a day Bulletin, CapitalRead, GQ, Billion Brands)

Other Articles

Previous

Corporate Internet หรือ Home Internet, แบบไหนที่ตอบโจทย์กับสิ่งที่คุณกำลังตามหา

Next

“SMART Future Technology – อยู่กับเทคโนโลยีอย่างไรให้ชีวิตสมาร์ท”

Next
October 23, 2020

“SMART Future Technology – อยู่กับเทคโนโลยีอย่างไรให้ชีวิตสมาร์ท”

Previews
October 23, 2020

Corporate Internet หรือ Home Internet, แบบไหนที่ตอบโจทย์กับสิ่งที่คุณกำลังตามหา

No Comment! Be the first one.

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Related Posts

หรือเราไม่จำเป็นต้องมี “Social Media”?

by sopons
October 23, 2020

Data, Privacy and Power – ข้อมูล ความเป็นส่วนตัว และอำนาจ : ใครเป็นเจ้าของข้อมูล รัฐบาล บริษัท หรือผู้ใช้งาน?

by sopons
October 18, 2020

ปีใหม่ คนเก่า : จะเปลี่ยนตัวเองได้ ต้องรับตัวเองที่ไม่สมบูรณ์ให้ได้ก่อน

by sopons
November 21, 2022

“SMART Future Technology – อยู่กับเทคโนโลยีอย่างไรให้ชีวิตสมาร์ท”

by sopons
October 23, 2020
SOPON’S BLOG

STUFF WORTH READING

© 2022, All Rights Reserved.

Quick Links

  • Contact
  • About

Category

  • Self-Improvement
  • Technology
  • Business
  • Thoughts
  • Psychology

Follow

Facebook Twitter Youtube Instagram
  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Business
    • Technology
    • Inspiration
    • Books
    • Life Style
    • Startups
    • Thoughts
    • Travel
  • About
  • Contact