SOPON’S BLOG
“สุขมากขึ้น ร่ำรวยขึ้น และสงบมากขึ้น” : เปิดประสบการณ์ ‘No Spend Year’ ของนักข่าวฟรีแลนซ์ที่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยกับปี 2024 ที่ตัดค่าใช้จ่ายเหลือแค่ที่จำเป็น
November 28, 2024
ด้านมืดของ ‘บริโภคนิยม’ จากสารคดี ‘Buy Now! The Shopping Conspiracy’ มนุษย์โหมบริโภค โลกจึงกลายเป็นกองขยะ
November 27, 2024
อย่าให้สังคมกำหนดว่าเรา ‘ต้องมีอะไร’ ถึงจะมีความสุข
November 27, 2024
แม้ไม่มีรายได้ แต่รายจ่ายมีทุกวัน : 5 อย่างที่ต้องเตรียมพร้อมด้านการเงิน เมื่อตลาดแรงงานไม่มั่นคง
November 27, 2024
กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว แต่วางหินวันละก้อน
November 26, 2024
Facebook Twitter Youtube Instagram Medium Bootstrap
SOPON’S BLOG

Type and hit Enter to search

  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Tech
    • Business
    • Thoughts
    • Science
    • Startups
    • Lifehack
    • People
    • Travel
    • Inspiration
  • Podcast
  • About
  • Contact
  • Follow
    • Facebook
    • Twitter
    • Instagram
    • Blockdit
    • Telegram
Self-Improvement

4 อย่างในชีวิตที่เสียเวลาที่สุด : นอกจากจะเสียเวลาแล้ว ยังเสียพลังชีวิตไปด้วยอีกต่างหาก

sopons
November 4, 2022 One Min Read
1K Views
0 Comments

เราทุกคนล้วนทราบดีว่า ‘เวลา’ เป็นสิ่งที่มีค่าและหาซื้อไม่เติมไม่ได้ จึงไม่แปลกใจที่เรามีหนังสือหรือบทความมากมายเกี่ยวกับเคล็ดลับการทำงานและใช้ชีวิตเพื่อให้ใช้เวลาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพที่สุด

แต่ก็มีหลายครั้งที่ผมมองย้อนกลับไปในชีวิตตัวเองแล้วรู้สึกว่าชีวิตบางช่วงก็ ‘เสียเวลา’ ไปกับบางอย่างที่ไม่ควรเสียเวลา เราไม่ได้พูดถึงการไถทวีตเตอร์ หรือนั่งดูเน็ตฟลิกซ์นะครับ พวกนั้นบางครั้งก็เสียเวลาจริง แต่มันมาจากนิสัยแย่ ๆ ที่ต้องแก้ไขมากกว่า

‘การเสียเวลา’ ที่จะพูดถึงเป็นเรื่องของการตัดสินใจและระบบความคิดมากกว่า ที่ทำให้มองย้อนกลับไปแล้วรู้สึกว่าไม่น่าไปเสียเวลาตรงนั้นเลย

1. ไม่ขอคำแนะนำหรือความช่วยเหลือเมื่อไม่รู้

ตอนที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง ด้วยความที่เป็นเด็กนักเรียนต่างชาติและสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษยังไม่ค่อยเก่งสักเท่าไหร่ จึงค่อนข้างประหม่าเวลาต้องคุยกับคนอื่น ๆ โดยเฉพาะกับอาจารย์ กลัวถูกมองว่า ‘โง่’ ประมาณนั้น

ครั้งหนึ่งในคาบวิชาฟิสิกส์ อาจารย์ให้การบ้านมาซึ่งมันเป็นบทที่ผมสับสนมากบทหนึ่งเลย ครูให้ไปเขียนรายงานอะไรสักอย่าง จำได้เลยว่าหลังจากเดินออกห้องเรียนมาก็หน้าเสียเพราะไม่เข้าใจทั้งบทเรียน ทั้งงานที่ต้องทำส่ง แต่ก็เงียบไม่ยอมบอกใคร

กลับบ้านไปก็พยายามอ่าน พยายามค้นข้อมูลนะ แต่ก็ทำไม่ได้ เหมือนมันเหวอไปแล้ว ทำตัวไม่ถูก วันต่อมาพอครูเรียกให้เอาใบงานมาส่งที่หน้าชั้น (ครูให้เดินมาวางกันเอง ซึ่งผมก็ไม่ได้เดิน) แล้วครูก็เริ่มสอนบทต่อไป ตอนนี้ก็ยิ่งงงเพิ่มเข้าไปอีก คิดจะดรอปเรียนแล้วด้วยซ้ำเพราะรู้สึกว่าไม่ทันเพื่อน

พอจบคาบเรียนระหว่างที่กำลังเก็บของเดินออกจากห้องอาจารย์ก็เดินมาถามว่าทำไมผมไม่ส่งงานหล่ะ เพราะเช็คชื่อจากกองงานแล้วไม่เจอ ผมก็อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ สักพักแล้วก็บอกว่า ‘ผมไม่ค่อยเข้าใจบทที่ผ่านมาเลยครับ เลยทำไม่ได้’

คำหนึ่งของอาจารย์ที่ผมจำติดหัวเลยคือ

‘คุณอาจจะรู้สึกว่าโง่เวลาที่ต้องถามคนอื่น แต่คุณจะรู้สึกว่าโง่กว่าเดิมอีกเมื่อทำไม่ได้เพราะคุณไม่ยอมถามคนอื่น’

โอ้โหว มันเจ็บ แต่จริงมาก ๆ เลยหล่ะครับ

หลังจากนั้นครูก็เดินพาผมไปเจอติวเตอร์ฟิสิกส์ที่เป็นเด็กต่างชาติเหมือนกันคนหนึ่งแล้วบอกว่ามีอะไรให้ถามคนนี้เขาเรียนคลาสนี้มาก่อนและน่าจะสอนได้ดี หลังจากนั้นทุกเย็นผมก็ไปเรียนเสริม กล้าถามมากขึ้น เวลาไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้แล้วก็หาคนที่รู้มาสอน ไม่ค่อยกลัวหน้าเสียอีกต่อไป เพราะไม่อยากรู้สึกโง่ไปกว่าเดิมเพราะไม่ได้ถาม

2. พยายามแก้ไขความสัมพันธ์อันย่ำแย่

ความสัมพันธ์ทุกความสัมพันธ์ต้องใช้ความพยายาม ความอดทน และความเข้าใจ นี่คือเรื่องจริง ไม่ว่าความสัมพันธ์นั้นจะดีแค่ไหนก็ตาม แต่มันมีความแตกต่างอยู่ครับระหว่างความสัมพันธ์ที่ดี กับ ความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ และการพยายามแก้ไขหรือบังคับให้ความสัมพันธ์แย่ ๆ ให้กลายเป็นดีได้นั้น…เสียเวลามากจริง ๆ

ยกตัวอย่างง่าย ๆ ความสัมพันธ์ของผมกับแฟนช่วงชีวิตมหาวิทยาลัย เราคบกันสี่ปี ทุกอย่างค่อนข้างราบเรียบไม่ได้มีอะไร เพราะต่างคนก็ต่างเรียนเพื่อจะจบไปหางานทำ แต่เรื่องมาเกิดตอนหลังจากเรียนจบ เพราะเธอต้องกลับบ้านที่ญี่ปุ่นเพราะอยากทำงานที่นั่น ส่วนผมอยากหางานทำที่อเมริกา ก็ตกลงกันว่าจะคบกันแบบ long distance หรือความสัมพันธ์แบบระยะยาว พอผมได้กรีนการ์ดเธอก็ค่อยย้ายกลับมา ประมาณนั้น

ช่วงหนึ่งปีต่อมาถือว่าชีวิตผมค่อนข้างมืดมนพอสมควร เนื่องจากอยู่ห่างกันคนละช่วงเวลา กลางวันของผม คือกลางคืนของเขา การติดต่อพูดคุยกันก็ติด ๆ ขัด ๆ เธอได้งานที่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งวัฒนธรรมญี่ปุ่นก็จะมีการไปดื่ม ไปกินเหล้ากันหลังจากทำงานเสร็จเป็นประจำ ส่วนผมก็จะต้องตื่นเช้ามาโทรหาคอยตามว่าเธอถึงบ้านรึยัง ตอนแรก ๆ ก็รับสาย หลัง ๆ มาเริ่มรับบ้างไม่รับบ้าง จู่ ๆ เธอก็บอกว่าเธอไปมีอะไรกับผู้ชายอีกคน และเธอก็บอกว่าเราควรจบกันแค่นี้ เธอก็บอกว่าเธอไม่รู้จะรักษาสัญญาได้ไหมว่าจะไม่มีคนใหม่ ซึ่งผมก็พยายามยื้อครับ (อ่าาา….ช่วงวัยเยาว์อันแสนเขลาของตัวเอง)

สุดท้ายก็ยื้อไปได้เดือนสองเดือน…สัมพันธ์อันย่ำแย่มันก็จบอยู่ดี

3. จมจ่ออยู่กับความผิดพลาดและความล้มเหลว

ผมเคยเขียนเรื่องนี้ไปแล้วในบทความที่พูดถึงหนังสือ ‘The Power of Regret’ บอกว่าการเรียนรู้จากความผิดพลาดเป็นเรื่องที่ดีและควรทำ แต่การจมจ่ออยู่กับมันนั้นเป็นอะไรที่เสียเวลาและพลังชีวิตอย่างมากเลย

มีงานวิจัยหลายชิ้นที่บ่งบอกว่ายิ่งเราจมจ่ออยู่กับอดีตมากเท่าไหร่ เรายิ่งมีโอกาสที่ทำผิดพลาดแบบเดิมซ้ำอีกรอบ

ซึ่งมันก็มีเหตุผล ลองคิดดูว่าการจมอยู่กับอดีตนั้นทำให้รู้สึกว่าเราล้มเหลว พอล้มเหลว ก็ไม่รู้จะพยายามไปทำไม เมื่อพยายามไปก็ล้มเหลวอยู่ดี (อย่างในกรณีคนที่เป็นหนี้แล้วมีหนี้พอกพูนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก่อหนี้มากขึ้นเพราะรู้สึกว่ายังไงก็หลุดจากตรงนี้ไม่ได้)

แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมองข้ามความผิดพลาดและความล้มเหลวที่เกิดขึ้นนะครับ แต่เป็นการยอมรับว่าพลาด บอกตัวเองว่า ‘ [เติมชื่อตัวเองในนี้] มึงก็มนุษย์คนหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้น และมันไม่เป็นไรเว้ย นายจะโอเค ไม่มีใครโทษนายนะ’ แล้วก็ค่อย ๆ ขุดตัวเองออกมาครับ

ความล้มเหลวและผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นมนุษย์ สิ่งสำคัญคือลองทำดู อย่าเสียเวลาไปกับความรู้สึกกลัวว่าจะล้มเหลวด้วย เพราะสุดท้ายแล้วคุณจะเสียดายในสิ่งที่ไม่ได้ลงมือทำมากกว่าสิ่งที่ทำลงไปแล้ว

4. กังวลกับเรื่องของคนอื่นมากเกินไป

มันง่ายมากเลยนะที่จะหลุดไปในวงจรอุบาทถ์ของการติดกับดักความคิด ‘คนอื่นจะคิดยังไงนะ’ ‘ทำไมคนนั้นมีอันนี้’ ‘ทำไมคนนั้นถึงประสบความสำเร็จจัง’ ‘ทำไมคนนั้นชอบนินทาเรา’ ‘ทำไมเราถึงทำไม่ได้เหมือนคนอื่นนะ’ ฯลฯ

อารมณ์เหล่านี้จะไม่ว่าจะเปรียบเทียบ อิจฉา หรือ สนใจคนอื่น ๆ มากเกินไป เป็นเรื่องที่พอกลับมาดูเป็นการเสียเวลาสุด ๆ เลย ความรู้สึกที่ว่าเราทำไมมีไม่เท่าเขา ไม่เก่งเท่าคนอื่น รูปร่างไม่ดีเหมือนคนใน IG หรือไม่รวยเท่าเด็กอายุ 20 ที่ขายของได้วันละล้านสองล้าน ขับรถหรู มีบ้านเป็นห้าหกหลัง คนตามบนโซเชียลเป็นแสนเป็นล้าน ฯลฯ

คือเราเปรียบเทียบได้หมดแหละ และก็ไม่เคยดีพอดีด้วย อารมณ์พวกนี้มันเป็นตัวมารดูดเวลาและทำให้ตัวเองเสียอารมณ์ความรู้สึกมาก ๆ เลย คำแนะนำก็คือการแยกความรู้สึกเหล่านั้นออกมาครับ ลองใช้เทคนิคการถาม ‘ทำไม’ 5 ครั้งก็ได้

เช่น “อยากรวยเหมือนคนนั้นจังเลย”

“ทำไมเราถึงอยากรวย?” “ครอบครัวจะได้อยู่สบาย”
“ทำไมถึงอยากให้ครอบครัวอยู่สบาย?” “จะได้พาลูกเมียไปเที่ยวต่างประเทศได้”
“ทำไมถึงอยากพาลูกเมียไปเที่ยวต่างประเทศ?” “อยากสร้างความทรงจำที่ดี ๆ ด้วยกัน”
“ทำไมถึงอยากสร้างความทรงจำที่ดี ๆ ด้วยกัน?” “เพราะตอนนี้ทำงานหนักไม่ค่อยมีเวลา”
“ทำไมถึงไม่ลองผ่อนงานลงแล้วใช้เวลากับครอบครัวหล่ะ?” “…เออ…”

แน่นอนครับ แต่ละคนก็มีเรื่องหรือมีเหตุผลที่ต่างออกไป ซึ่งสุดท้ายแล้วมันอยู่ที่เราครับเมื่อแตกย่อยออกมาแล้วเราจัดการกับมันยังไง มีอะไรที่เราทำได้บ้างตอนนี้ไหม มีเป้าหมายอะไรที่พอจะทำได้รึเปล่า คือวิธีนี้ไม่ว่ายังไงก็ดีกว่าไปเสียเวลาคิดถึงคนอื่นนั่นแหละ

สุดท้ายครับเรื่องพวกนี้บางทีในขณะที่เราอยู่ในช่วงเวลานั้นเราจะไม่รู้สึกว่ามันเสียเวลาหรอก แต่พอหลุดออกมาได้มองย้อนกลับไปก็จะเห็นครับว่าช่างเป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยมีประโยชน์กับชีวิตเลย ยิ่งมองเห็นมันเร็ว ก็ยิ่งแก้ได้เร็วครับ ยิ่งมีเวลาไปทำในสิ่งที่มีประโยชน์กับชีวิตและคนที่เรารักมากขึ้นด้วย

Tags:

first jobberself improvementบทความคนทำงานบทความพัฒนาตัวเองบทความสำหรับคนทำงานพัฒนาตัวเองอยากให้ชีวิตดีขึ้นอย่าเสียเวลาเสียเวลาโสภณชวนอ่านไม่ขอคำแนะนำ

Share Article

Follow Me Written By

sopons

Writer / Columnist (Salmon Books, 101.world, The Matter, Beartai, The People, a day Bulletin, CapitalRead, GQ, Billion Brands)

Other Articles

Previous

ความสร้างสรรค์เกิดจากการตั้งคำถาม ​: บางอย่างที่น่าเบื่อ ก็สามารถดลใจให้เกิดไอเดียใหม่ ๆ ได้

Next

‘ร้านนี้ห่วยแตก’ แต่คนกลับไปรอแ*กเพียบเลย : เข้าใจเหตุผลทางจิตวิทยาว่าทำไมรีวิวแย่ ๆ กลับช่วยส่งเสริมยอดขายให้ดีขึ้นได้

Next
November 7, 2022

‘ร้านนี้ห่วยแตก’ แต่คนกลับไปรอแ*กเพียบเลย : เข้าใจเหตุผลทางจิตวิทยาว่าทำไมรีวิวแย่ ๆ กลับช่วยส่งเสริมยอดขายให้ดีขึ้นได้

Previews
November 3, 2022

ความสร้างสรรค์เกิดจากการตั้งคำถาม ​: บางอย่างที่น่าเบื่อ ก็สามารถดลใจให้เกิดไอเดียใหม่ ๆ ได้

No Comment! Be the first one.

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Related Posts

ฟีดแบคที่ดี ไม่ได้ดีเสมอไป : รับมือยังไงเมื่อเจอฟีดแบคหนัก ๆ ตรง ๆ และต้องปรับตัว

by sopons
November 24, 2022

สิ่งที่ควบคุม (ไม่) ได้ : ทางเลือกและสงครามที่ไม่มีวันชนะ

by sopons
October 23, 2022

จำกัดสิ่งสำคัญที่สุด 3 อย่างต่อวัน : เทคนิคลดความยุ่งเหยิงในชีวิต ให้กลับมามีโฟกัสอีกครั้ง

by sopons
August 9, 2022

ชีวิตที่ดีคืออะไร? บทเรียนจากโครงการศึกษาชีวิตมนุษย์นาน 75 ปีจากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด

by sopons
September 26, 2022
SOPON’S BLOG

STUFF WORTH READING

© 2022, All Rights Reserved.

Quick Links

  • Contact
  • About

Category

  • Self-Improvement
  • Technology
  • Business
  • Thoughts
  • Psychology

Follow

Facebook Twitter Youtube Instagram
  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Business
    • Technology
    • Inspiration
    • Books
    • Life Style
    • Startups
    • Thoughts
    • Travel
  • About
  • Contact