เป็นหนังสือที่มีข้อมูลที่ดี มีตัวอย่างที่ดี อ่านสนุกและช่วยทำให้คำว่า “ความคิดสร้างสรรค์” ไม่ได้ไกลเกินเอื้อมสำหรับคนทั่วไปอีกต่อไป
ตัวคุณคือศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของตัวเอง โดยเฉพาะเมื่ออีโก้มันพองโตเกินตัวจนไม่สามารถอยู่ที่ไหนได้ ไม่สามารถเห็นทางข้างหน้า ทุกอย่างต้องของฉัน ฉันคือคนสำคัญ ความสำเร็จที่ได้มาฉันเป็นคนสร้างเอง
โง่ศาสตร์ : เมื่อนักเศรษฐศาสตร์ทำความเข้าใจคนโง่หนังสือโดย Carlo M. Cipolla แปลโดย สุนันทา วรรณสินธ์ เบล หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่บางที่สุดตั้งแต่ผู้เขียนได้ทำการเขียนรีวิวมา เล่มนี้มีไม่ถึง 100 หน้ารวมปกหน้าและหลังแล้ว แต่มันตราตรึงใจอย่างน่าเหลือเชื่อ
เล่มนี้เขียนโดย Matt Haig หนังสือของเขาสร้างแรงบันดาลใจให้คนมากมาย เราเคยเขียนถึงหนังสือของเขาแล้วครั้งหนึ่งในชื่อ Reason to stay alive และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่หนังสือของ Matt ทำให้เราประจักษ์ใจกับคำว่า “ชีวิต”
หนึ่งในสิบอาชีพที่มีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้ามากที่สุดมีอาชีพนักเขียนอยู่ในนั้น หนังสือหลาย ๆ เล่มที่เขียนออกมาได้ดี ก็มักจะขูดรีดออกมาจากจิตวิญญาณที่แหลกสลาย เช่น แมตต์ เฮก นักเขียนคนหนึ่งที่ใครๆก็แนะนำให้ไปอ่านหนังสือของเขา เขาก็เป็นโรคซึมเศร้าและเขาก็เขียนเกี่ยวกับมัน เช่นกัน
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่คนอายุมากกว่า 20 อาจจะไม่กล้าหยิบขึ้นมาอ่านเพราะว่า “รู้งี้” เป็นความรู้สึกที่น่าอึดอัดใจสำหรับบางคน และอาจจะดึงดูดให้หลายๆคนเลือกให้ลูกหลานที่อายุยังไม่ถึง 20 ปี แต่เอาจริงๆไหม หนังสือเล่มนี้ถ้าไม่หยิบมาอ่านเลยคงน่าเสียดาย
“โรคซึมเศร้าไม่ได้เกิดขึ้นมาอย่างมั่วๆ แต่ทุกกรณีของโรคซึมเศร้าเป็นผลมาจากการกระทำและการละเว้นไม่กระทำหลายๆอย่างของผู้มีอำนาจ”
ว่ากันว่าคนใน Generation Z เหมือนถูกทำให้กลายเป็นคนที่นิยมความสมบูรณ์แบบต้องการที่จะประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยและมักจะหลงทางไปสู่ความคาดหวัง ความกดดัน ความไม่ยอมผิดพลาดและเปรียบเทียบตัวเองความสมบูรณ์แบบรอบตัวตลอดเวลา “จ๋อม” ก็รู้สึกแบบนั้น จ๋อม : ก่อนอายุ 30 ฉันอยากมีบ้านมีรถและแต่งงานว่ะ ต่าย : เป็นเป้าหมายที่ดีนะ จ๋อม : เพราะถ้ามันพ้นช่วงนั้นไปแล้วเราก็จะไม่วัยรุ่นเท่าตอนนี้แล้วดิ ต่าย : คิดมากน่า สมัยนี้ 40 ก็ยังเฟี้ยว จ๋อม : เอาน่า ยังไงซะฉันก็จะมีทุกอย่างตอน 25 ให้ได้ 3 Day left ต่าย : ช่วงนี้หายไปเลย จ๋อม : เหนื่อยเหมือนจะตาย เพื่อนทำ 1 เราทำไปเลย 4 เท่า ต่าย : เห้ยยย ไหวไหมเนี่ย จ๋อม : ก็อยากทำให้ดีที่สุดนี่หว่า ต่าย : แต่แกกำลังทำอะไรที่มันเกินกำลังตัวเองอยู่นะ […]
เหตุการณ์มีอยู่ว่าอยู่ดีๆกระต่าย(ต่าย)ก็รื้อของสะสมสุดรักสุดหวงที่เคยบอกไว้ว่าจะไม่มีวันทิ้งเอามาประกาศขายลงเฟซบุ๊ค เรื่องนี้ทำให้จิ้งจอก(จ๋อม) ตกใจเป็นอย่างมาก จ๋อม : อกหักเหรอต่ายทำไมอยู่ๆถึงขายของสะสมพวกนี้ออกไปละ ต่าย : ก็รู้สึกว่าไม่ได้ชอบมันแล้ว แค่เสียดายเฉยๆ จ๋อม :เห้ย แต่มันทิ้งง่ายงั้นเลยเหรอ ต่าย : จ๋อม: คืออะไร ต่าย : หนังสือไง ฝึกตัวเองให้เป็นคนที่ทิ้งเป็น จ๋อม: อ่า ต่าย : เป็นหนังสือญี่ปุ่นของคุณชิฮาระ ทากาชิคนแปลไทยคือ สกล โสภิตอาชาศักดิ์ จ๋อม: แปลดีป่ะ ไม่เอาแบบติดกลิ่นวาซาบิ กลิ่นซูชิมานะ ต่าย : ห่ะ? อะไรคือกลิ่นวาซาบิ กลิ่นซูชิ จ๋อม: ก็คนที่แปลแบบติดบริบทของญี่ปุ่นและแปลเหมือนแค่เขียนคำอ่านน่ะ ต่าย : อ่าาาา ถ้าอย่างนั้นเล่มนี้ก็ไทยจ้าเลย โทนวัยรุ่นด้วยเพราะกระชับ จ๋อม:หนังสือญี่ปุ่นนี่เขาไม่ใช่มีแต่พวกที่เชิดชูให้เราเก็บเหรอ ต่าย :ไม่นะ เล่มนี้สอนให้ทิ้งเป็น จ๋อม: ไหน เล่าให้ฟังหน่อยซิ ต่าย : เริ่มจากชื่อหนังสือก่อนละกันชื่อภาษาญี่ปุ่นคือ […]
ด้วยความที่หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นมาบนความไม่ทำอะไรที่ตัวเองไม่ต้องการทำ แล้วได้ค้นพบความสบายใจใหม่ๆ การรีวิวเล่มนี้จึงเป็นการรีวิวแบบสบายๆตาม เพราะหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่อ่านแล้วรู้สึกอยากถอนหายใจ แล้วนอนกางแขนกางขาอยู่บนเตียงนิ่งๆเพื่อฟังพอดแคสต์ที่เล่าถึงหนังสือเล่มนี้