Rabbit Chat : ฝึกตัวเองให้เป็นคนทิ้งเป็น
เหตุการณ์มีอยู่ว่าอยู่ดีๆกระต่าย(ต่าย)ก็รื้อของสะสมสุดรักสุดหวงที่เคยบอกไว้ว่าจะไม่มีวันทิ้งเอามาประกาศขายลงเฟซบุ๊ค เรื่องนี้ทำให้จิ้งจอก(จ๋อม) ตกใจเป็นอย่างมาก
จ๋อม :
อกหักเหรอต่าย
ทำไมอยู่ๆถึงขายของสะสมพวกนี้ออกไปละ
ต่าย :
ก็รู้สึกว่าไม่ได้ชอบมันแล้ว แค่เสียดายเฉยๆ
จ๋อม :
เห้ย แต่มันทิ้งง่ายงั้นเลยเหรอ
ต่าย :
จ๋อม:
คืออะไร
ต่าย :
หนังสือไง ฝึกตัวเองให้เป็นคนที่ทิ้งเป็น
จ๋อม:
อ่า
ต่าย :
เป็นหนังสือญี่ปุ่นของคุณชิฮาระ ทากาชิ
คนแปลไทยคือ สกล โสภิตอาชาศักดิ์
จ๋อม:
แปลดีป่ะ ไม่เอาแบบติดกลิ่นวาซาบิ กลิ่นซูชิมานะ
ต่าย :
ห่ะ? อะไรคือกลิ่นวาซาบิ กลิ่นซูชิ
จ๋อม:
ก็คนที่แปลแบบติดบริบทของญี่ปุ่นและแปลเหมือนแค่เขียนคำอ่านน่ะ
ต่าย :
อ่าาาา ถ้าอย่างนั้นเล่มนี้ก็ไทยจ้าเลย โทนวัยรุ่นด้วยเพราะกระชับ
จ๋อม:
หนังสือญี่ปุ่นนี่เขาไม่ใช่มีแต่พวกที่เชิดชูให้เราเก็บเหรอ
ต่าย :
ไม่นะ เล่มนี้สอนให้ทิ้งเป็น
จ๋อม:
ไหน เล่าให้ฟังหน่อยซิ
ต่าย :
เริ่มจากชื่อหนังสือก่อนละกัน
ชื่อภาษาญี่ปุ่นคือ うまくいったやり方から捨てなさい
จ๋อม:
อ่า
ต่าย :
คนเขียนเขามีบล็อกด้วยชื่อว่า http://shii.jp
ในหนังสือเนี่ยเหมือนเขาเล่าว่าตัวเองเป็นแชมป์ปาจิงโกะ

จ๋อม:
ปาจิงโกะ คือเกมตู้ของญี่ปุ่นที่ เขาจะให้ไหลลูกเหล็กลงมาให้ลงหลุมให้ได้มากที่สุดช้ะ?
ต่าย:
อันนี้รูปจาก MAINSTAND เขาบอกว่าเกมนี้ได้รับความนิยมมากเลยทีเดียว
จ๋อม:
กลับมาที่หนังสือก่อนเล่มนี้เกี่ยวกับอะไรทิ้งๆนะ
ต่าย :
เล่มนี้จะบอกให้เรารู้จักการทิ้งสิ่งที่เราคิดว่าดี เพื่อไปพบสิ่งที่ดียิ่งขึ้น
คำโปรยด้านหน้าเขียนไว้ว่า
“อย่ายึดติดกับความสำเร็จที่เสร็จไปแล้ว จงกล้าที่จะค้นหาหนทางอื่นสู่ช่วงชีวิตใหม่”
จ๋อม :
พออ่านเล่มนี้แล้วแกก็เลยมาขายของสะสม
ทั้งที่แกเคยบอกว่าจะรักษาจนชีวิตจะหาไม่เนี่ยนะ
ต่าย :
ก็เก็บครบแล้วนี่
อีกอย่างตอนนี้ก็ไม่ได้เล่นอีกแล้วด้วย
เก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้งานอะไร เลยเอาไปขายเอาไปแจก
เผื่อจะได้เพื่อนใหม่หรือรู้จักกับอะไรใหม่ๆ
จ๋อม :
ในหนังสือบอกไว้ว่างั้นเหรอ
ต่าย :
มีตอนหนึ่งในหนังสือเขียนไว้ว่า
“คุณไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบสิ่งที่เคยพูดไว้ในอดีต
และไม่จำเป็นต้องยึดติดกับมัน“
จ๋อม :
อ่า ก็จริง เวลาเปลี่ยนโหมดของคนเราก็เปลี่ยน
ต่าย :
บร๊ะ แอบอ่านหนังสือมาด้วยป่ะเนี่ย ใช่ๆคุณชิฮาระ ก็พูดไว้แบนนั้น
จ๋อม:
ละยังไงมีคนมาถามซื้อบ้างไหม
ต่าย :
ก็เยอะอยู่นะ แต่ส่วนใหญ่ตัวแรร์ๆก็มีเจ้าหมีอ่ะ มาขอซื้อ
จ๋อม :
เห้ยย จะขายให้เจ้าหมีจริงเหรอ เจ้านั่นน่ะ คู่แข่งแกเลยนี่หว่า
ต่าย :
นี่จ๋อม ถ้าเราอยากผลักคู่แข่งให้ล้มแสดงว่าเรายังไปไม่ถึงไหน
จ๋อม:
ห่ะ?
ต่าย :
ในหนังสือจะมีคำพูดหนึ่งเขาบอกว่า
“ยิ่งเป็นคู่แข่งยิ่งต้องรักษาสายสัมพันธ์เอาไว้”
คุณชิฮาระบอกไว้ว่าตอนที่เขาเลิกมองว่าคนอื่นเป็นคู่แข่ง
เขาชนะเกมปาจิงโกะมากกว่าที่เขาพยายามเล่นคนเดียวอีก
ต่าย :
จริงๆตอนที่เจ้าหมีมาขอซื้อน่ะ
เขาก็แนะนำร้านขายของสะสมราคาถูกมาให้ด้วยนะ
จ๋อม:
อะไรนะ
นายเป็นเพื่อนกับคู่แข่งเนี่ยนะ
ต่าย :
ก็ประมาณนั้น
แต่เราไม่ได้มองว่าเจ้าหมีคือคู่แข่งตอนนี้เราสร้างความร่วมมือกัน
จ๋อม:
แต่จะว่าไปอย่างนั้นก็ดีเหมือนกันนะ
เอ๊ะ … ฉันเห็นเพจของสะสมอันใหม่ แกกับหมีใช่ไหม
ต่าย :
ใช่ ฉันทำตามหนังสือที่บอกว่า
“อย่าประหัตประหารกับใคร แต่จงสร้างความร่วมมือ
ช่วยเหลือกันและกัน และคอยแบ่งปันภูมิปัญญา”
จ๋อม:
งั้นแสดงว่าเล่มนี้ก็เป็นออกแนวให้เราพัฒนาความสามารถ
เพิ่มคุณค่าในตัวเองอะไรงี้ใช่ไหม
ต่าย :
ตรงกันข้ามเลย
เล่มนี้บอกเราว่า การพัฒนาความสามารถเท่ากับการหนี
“หนีจากการเป็นตัวเอง”
ต่าย :
เล่มนี้จะชวนให้เราเป็นตัวเองและเห็นคุณค่าของตัวเอง
ใส่ใจในความเป็นตัวเอง แต่ก็ไม่ยึดติดกับความสำเร็จของตัวเอง
เล่มนี้จะบอกให้เราถ่อมตัวและรับฟังคนอื่น
จ๋อม:
อ่าาาา ฉันเก็ทล่ะ เป็นการโฟกัสที่ตัวเอง
แทนที่จะตามหาตัวเองอย่างนั้นอ่ะดิ
ต่าย :
เป๊ะเลย
จ๋อม:
หนังสือเล่มนี้เริ่มเข้าท่าละ ถ้าให้นายสรุปเรื่องให้นายจะสรุปเล่มนี้ว่ายังไง
ต่าย :
ก็คงจะเป็นหนังสือเรื่องฝึกตัวเองให้เป็นคนที่ทิ้งเป็น
เป็นหนังสือที่บอกให้เราโฟกัสที่ตัวเอง
ยอมรับในตัวเองและทิ้งสิ่งที่เป็นเปลือกของเรา
เพื่อให้เราได้เติบโตเป็นตัวเรา
จ๋อม:
อ่า ใช้ได้ ว่าแต่เล่มนี้น่ะจะขายต่อป่ะ?
ต่าย :
แน่นอน ของดีๆต้องแบ่งปัน
เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับการรีวิวหนังสือแบบนิยายแชท เพื่ออรรถรถที่เพิ่มมากขึ้นผู้อ่านสามารถติดตามไปอ่านกันได้ที่ Read A Write ของ BusyRabbit และถ้าใครถูกใจและอยากลองอ่านหนังสือเล่มนี้สามารถ คลิกที่นี่ได้เลย