หากคุณต้องการให้ใครสักคนทำอะไรสักอย่าง คุณต้องตอบสนองโดยการเสนอผลตอบแทนที่คุ้มค่า เพราะแท้จริงแล้ว มนุษย์ทำทุกอย่างตามแรงจูงใจ — นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงทำงานเหรอ?
เมื่อวานช่วงถามตอบคำถามเป็นช่วงที่สนุกดี น้องๆหลายคนที่กำลังอยู่ในวัยยี่สิบกว่าๆ ดวงตาดูมีไฟที่คุกรุ่นพร้อมอยากจะออกไปลุยสนามจริงกันอย่างมาก เห็นแล้วก็อดนึกถึงตัวเองในช่วงวัยนั้นไม่ได้ที่กำลังวิ่งตามหาสิ่งที่เรียกว่า ‘ความฝัน’ ซึ่งในเวลานั้นไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่มีภาพในหัวที่เลือนลางประมาณว่าอยากทำงานที่ท้าทาย มีความหมายกับคนรอบข้าง และทุกเช้าที่ตื่นมาก็จะพร้อมลุยกับมันอยู่เสมอ มันเป็นความฝันที่เลือนลางจนเลื่อนลอย, ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปหามาจากไหนไอ้งานหรือสิ่งที่อยู่ในหัวนั้น ผ่านมาถึงตอนนี้เมื่ออายุ 38 ขวบปีก็มองย้อนกลับไปก็ได้แต่อมยิ้ม เพราะถ้าให้บอกว่าตอนนี้ได้ทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วไหม? ก็คงใช่ในระดับหนึ่ง แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้สวยงามโรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุกวันก็ยังคงเป็นความท้าทาย งานก็ยังคงสนุก มีเรื่องให้ต้องทำอยู่ทุกๆวัน ซึ่งที่ผ่านมาตลอดสิบกว่าปีที่เริ่มเข้าสู่วัยทำงานอย่างจริงจังนั้นเส้นทางชีวิตก็ไม่เคยเกิดขึ้นตามที่คิดเอาไว้เลย (ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นยังไงนะ แต่ตัวผมเองนี้เส้นชีวิตอย่างยุ่งเหยิงเลย) แต่ในความ ‘คาดเดาไม่ได้’ นั้นเองก็เป็นเสน่ห์ของชีวิต
ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่ใช้ชีวิตอยู่เหมือนคนส่วนใหญ่ในโลกปัจจุบัน สิ่งที่ทุกคนแทบต้องเจอคือมีอะไรให้ทำมากมายแต่เวลามีไม่มากพอ และคุณก็รู้ว่าตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องนั่งลงทำมันแล้วแต่ก็ติดนู้นติดนี้ไม่ได้ทำซะที เมื่อไหร่ก็ตามที่พยายามอยากมุ่งมั่นตั้งโฟกัส บางอย่างก็มาทำให้ออกนอกลู่นอกทางไขว้เขวอยู่เสมอ บางครั้งอาจจะเป็น notifications บนสมาร์ทโฟน ข้อความจากเพื่อนชวนไปแฮงค์เอาท์ บางทีอาจจะเป็นกองเสื้อผ้าที่พูนสูงขึ้นอยู่มุมห้องต้องเอาไปซัก ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้คือสิ่งรบกวนที่ทำให้เสียสมาธิ และมันเป็นตัวขัดขวางที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายที่อยากทำตั้งแต่แรก