จดหมายถึงลูกสาว
และแล้ววันนี้ก็มาถึง…
มันเป็นวันแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดตั้งแต่วันที่ลูกลืมตาขึ้นมาดูโลก
ลูกสาวของผมเริ่มโตจนสามารถพูดจาเป็นเรื่องเป็นราว สามารถรับผิดชอบหลายๆอย่างในชีวิตของตัวเองได้ดีขึ้น เมื่อตอนบ่ายผมเรียกเขามาทานข้าว เขาบอกว่าขอเล่นต่อีกหน่อย แล้วก็หันมาพูดต่อว่า “ปะป๊าอย่าบังคับหนูสิ” แล้วก็ทำคิ้วขมวด ในความน่ารัก มันก็มีความน่าดีดหน้าผากในตัวด้วย
ยังจำช่วงเวลาที่เลลาเป็นเด็กได้ดี การอดหลับอดนอน ร้องกระจองอแง ตื่นขึ้นมาป้อนนมลูกทุกๆสองชั่วโมง ภรรยาก็นั่งปั้มนม ผมก็อุ้มเลลาวนไป
ระหว่างที่นั่งทานข้าวความคิดหลายอย่างผุดเข้ามาในหัว ผมมองหน้าเขาที่กำลังเพลิดเพลินกับข้าวขาหมูของโปรด ผมคิดในใจ “ลูกจะต้องการผมแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน เผลอแป็บเดียวตอนนี้ก็เกือบห้าขวบแล้ว ไม่กี่เดือนก่อนยังอ้อแอ้ร้องไห้โวยวาย ดูตอนนี้สิ ลูกพูดจ้อไม่ยอมหยุดเลยนะ หลังจากนี้ลูกก็จะค่อยๆเติบโตขึ้น กลายเป็นเด็กห้าขวบ เด็กประถม สักพักก็ต่อด้วยมัธยมต้นมัธยมปลาย ไม่นานนักลูกก็ต้องมีชีวิตผู้ใหญ่ที่ต้องพึ่งพาตนเอง เพราะความจริงที่แสนโหดร้ายอย่างหนึ่งสำหรับคนที่เป็นพ่อ คือไม่ว่าเขาต้องการที่จะปกป้องลูกสาวตัวเองในทุกจังหวะการเต้นของหัวใจมากแค่ไหน…มันเป็นไปไม่ได้” ผมอุ้มเลลาไปล้างมือ รอยยิ้มเล็กๆผุดบนใบหน้าไร้เดียงสาอย่างมีความสุข ผมอดยิ้มตามเธอไม่ได้ทุกครั้งไป
บางคนอาจจะว่าผมนั้นเป็นคนคิดมากเกินกว่าเหตุ ยอมรับว่าอาจจะจริงอย่างที่พวกเขาว่า ถกเถียงไปคงไม่มีประโยชน์ แต่ผมชอบการได้นั่งคิดอะไรแบบนี้ ตรึกตรองเรื่องราวต่างๆที่เกิดและกำลังจะเกิดขึ้น มีโอกาสได้ทบทวนเรื่องราวมากมายประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาและสิ่งที่เรียนรู้ การเป็นพ่อคนทำให้ผมยิ่งเป็นห่วงและกังวลในอนาคตที่มองไม่เห็นมากยิ่งขึ้นหลายเท่าตัว อนาคตที่ต่อไปลูกสาวของผมต้องกางปีกและออกบินด้วยตัวของเธอเอง
ผมอายุ 38 ปีแล้วตอนนี้ เรียกได้ว่าครึ่งชีวิตก็คงไม่ห่างไกลอะไรมากนัก ผ่านประสบการณ์อะไรต่างๆมากมาย หัวใจเคยทั้งพองโตและแตกสลายนับครั้งไม่ถ้วน “Leila, พ่ออยากให้ลูกรู้อะไรไว้อย่างหนึ่งสำหรับเรื่องหัวใจ มันเป็นก้อนเนื้อที่เข้มแข็ง มันรักษาตัวเองได้ และไม่ว่าลูกจะเจอเหตุการณ์ที่รู้สึกว่าหัวใจนั้นได้แหลกสลายไร้ทางเยียวยารักษามากขนาดไหน ไม่ว่าสถานการณ์ตรงหน้าลูกตอนนี้จะเป็นยังไง ขอให้เชื่อพ่อนะลูก ลูกจะผ่านมันมาได้”
ลูกจะมีความรักและลูกจะสูญเสียมัน มันเป็นกฏข้อแรกที่ต้องเข้าใจเมื่อต้องการครอบครองหัวใจของใครสักคนหนึ่ง พ่อเองผ่านจุดนั้นมาแล้วหายครั้งหลายครา ถึงไม่นับตัวเองว่าเป็นเสือผู้หญิงช่ำชองประสบการณ์ แต่ก็พอรู้ว่าสิ่งไหนที่ลูกควรมองหาในอีกฝ่ายหนึ่งเมื่อใครบางคนเดินเข้ามาในชีวิต “ลูกจ๋า ลูกเชื่อไหมว่าผู้ชายบนโลกนี้มีเพียงแค่สองประเภทใหญ่ๆ หนึ่งคือคนที่ไม่ได้เป็นลูกผู้ชาย กับสองคือคนที่เป็นลูกผู้ชาย พ่อขอใช้คำว่า ‘gentleman’ ตรงนี้ คำนี้อาจจะแปลความหมายตรงตัวว่า ‘สุภาพบุรุษ’ แต่มันอาจกว้างเกินไปกว่าจะจำแนกผู้ชายสองแบบได้ เอาแบบนี้ดีกว่า ดูง่ายๆเลยว่าเขาเป็นผู้ชายที่ ‘อ่อนโยน’ รึเปล่า ไม่ใช่แค่กับลูกนะ ไม่ใช่แค่เขาเปิดประตูรถให้ลูกนั่ง ขับรถรับส่งลูกไปที่ต่างๆ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่ผิวเผินภายนอก ขอให้ลูกดูว่าเขาอ่อนโยนต่อคนรอบข้างของเขาแค่ไหน เขาปฏิบัติต่อผู้ด้อยกว่าเขาหรือสูงกว่าเขาเช่นไร และนั้นจะทำให้ลูกเห็นว่าเนื้อแท้เขาเป็นทองหรือแค่กองขี้หมา อย่าเข้าใจผิดระหว่างคำว่า ‘อ่อนโยน’ กับ ‘อ่อนแอ’ นะลูก ความอ่อนโยนคือรูปแบบของความเข้มแข็งที่น่าชื่นชมมากที่สุด มันเป็นความเข้มแข็งของหัวใจและความมั่นคงทางความรู้สึก มันหายากกว่าพวกที่ชอบทำตัวกร่างว่าแกร่ง ทำตัวเด่นโดดเพื่อต้องการความสนใจของเพศตรงข้าม คนเหล่านั้นพ่อขออย่างเดียว ลูกอย่าไปใกล้เลยจะดีกว่า อีกอย่างหนึ่งที่พ่ออยากให้ลูกมองหาในอีกฝ่ายหนึ่งคือความซื่อสัตย์เที่ยงตรง แม้ว่าอาจจะดูน่าเบื่อแต่เชื่อพ่อเถอะว่าการถูกคนที่เราไว้ใจแทงข้างหลังนั้นบาดแผลมันลึกและใช้เวลาในการรักษาเนิ่นนานทีเดียว”
“แต่ก็อย่างที่พ่อบอกเอาไว้ ลูกจะมีความรักและลูกจะสูญเสียมัน ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นลูกผู้ชายหรือไม่ แต่เชื่อรึเปล่าว่าสำหรับผู้ชายที่มีค่าแก่หยดน้ำตาของลูกนั้นเขาจะมาบอกเลิกกับลูกตรงๆด้วยตัวเอง ไม่ว่าเหตุผลนั้นจะเป็นอะไรในกรณีแบบนี้แสดงถึงความจริงใจและการให้เกียรติ ส่วนอีกประเภทหนึ่งจะบอกเลิกกับลูกทางเฟสบุ๊คส์หรือไม่ก็ทางไลน์ (ไม่รู้ว่าต่อไปจะมีอยู่รึเปล่านะ) คนแบบนี้พ่อบอกตรงๆว่าลูกโชคดีมากที่ไม่มีคนเหล่านี้ในชีวิต”
“พูดมาถึงตรงนี้ ลูกอาจจะเสียใจว่า ‘ลูกผู้ชาย’ ที่พ่อพูดถึงนั้นได้ตายไปหมดแล้ว แต่พ่ออยากจะบอกว่าพวกเขายังมีอยู่ แม้จำนวนอาจจะน้อยลงไปมากและต้องใช้เวลาหลายปีในการค้นหาก็ตามที ระหว่างนั้นลูกอาจเจอกับผู้ชายอีกแบบหนึ่งแต่ก็อย่าไปโทษพวกเขาสำหรับการเสียเวลา พวกเขาอาจเติบโตมาโดยไม่มีแบบอย่างที่ดีและจงสงสารพวกเขาที่เป็นแบบนั้น”
“Leila, พ่อไม่รู้หรอกว่าอนาคตของลูกจะเป็นยังไง จะสดใสเช่นเดียวกับความฝันในหัวของพ่อรึเปล่า แต่พ่ออยากให้ลูกรู้เอาไว้อย่างหนึ่งว่า ตั้งแต่วินาทีที่ลูกเกิดมา ตั้งแต่ครั้งแรกที่พ่อโอบกอดอุ้มลูกไว้ในอก หัวใจของพ่อนั้นได้เต้นเพื่อลูกแล้ว มันเป็นของลูกตั้งแต่นั้นมาตราบจนลมหายใจสุดท้ายของพ่อ สิ่งเดียวที่พ่ออ้อนวอนอธิษฐานทุกค่ำคืนคือการได้ปกป้องลูกตราบเท่าที่พ่อสามารถทำได้ อยากเห็นรอยยิ้มของลูก อยากหอมแก้มลูกทุกวัน อยากกอดลูกทุกคืน อยากรักลูกจนหัวใจหยุดเต้น และพ่อหวังเพียงอย่างเดียวว่า ผู้ชายที่ลูกรัก เขาจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับพ่อ”
ด้วยหัวใจ,
พ่อ