อ่านตรงนี้ถ้าเป้าหมายปีนี้ไปไม่ถึง : จบปีนี้ให้สวยได้ยังไง เตรียมตัวสำหรับปี 2023 ให้สำเร็จยิ่งขึ้น
อีกไม่กี่วันจะหมดปี 2022 แล้ว ช่างเป็นปีที่ผ่านไปเร็วเหลือเกิน สำหรับผมเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงเลยหล่ะครับ หยุดธุรกิจที่ทำอยู่แล้วหันมาเขียนหนังสือเต็มตัวเองความบ้าบิ่นที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต และทำในช่วงวัยที่ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วด้วย มีความรับผิดชอบต่าง ๆ มากมาย
การตัดสินใจครั้งนั้นทำให้โอกาสมากมายเปิดออก ได้แปลหนังสือ เขียนคอลัมน์ให้สื่อหลายแห่ง ได้เขียนกลับมาเขียนให้เพจของตัวเองอีกครั้ง และที่สำคัญได้ตื่นขึ้นมาแล้วทำงานที่ตัวเองรักเป็นอะไรที่ไม่ต่างอะไรกับพรวิเศษ
แต่ปีนี้ก็ไม่ได้เป็นการแล่นเรือที่สมบูรณ์แบบอะไร มีเป้าหมายมากมายที่ตั้งไว้เมื่อต้นปีแล้วทำไม่ได้ ไม่สำเร็จ บางอันยังไม่ได้ทำเลยด้วยซ้ำ เอาง่าย ๆ อย่างการกลับไปวิ่งมาราธอนครั้งที่ 3 ซึ่งบอกว่าเป็นเป็นเป้าหมายที่ห่างไกลเหลือเกินเพราะตอนนี้ขนาดวิ่ง 5 กิโลยังลิ้นห้อยแล้ว
หรืออย่างลดน้ำหนัก (โอ้ววว เชื่อว่า 99% ของมนุษย์มีเป้าหมายนี้) หรือทานของที่มีประโยชน์ทานผักสลัดเยอะ ๆ (แหมมม…ทำได้ประมาณอาทิตย์หนึ่ง) หรืออย่างเป็นคนใจเย็นมากขึ้น (แค่ขับรถออกไปหน้าปากซอยก็ด่าทุกคันที่อยู่ข้างหน้าแล้ว)
เอาหล่ะ…ข่าวดีคือคุณไม่ได้อยู่คนเดียว
จากสถิติแล้วมีเพียงแค่ 8% เท่านั้นที่ตั้งเป้าหมายไว้ตอนต้นปีแล้วทำได้สำเร็จ
เพราะฉะนั้น คุณและผมและเราทุกคน เราคือคนส่วนมากครับ เย้!!! (ไม่ใช่เรื่องน่าดีใจ) ส่วนใหญ่แล้วจะล้มเลิกแถว ๆ เดือนกุมภาพันธ์ราว ๆ นั้น บางคนอาจจะนานกว่านั้นแต่สุดท้ายก็เขวออกนอกทาง ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน และหมดพลังที่ทำต่อไป
เอาหล่ะมันไม่ใช่เรื่องแย่หรือโลกจะแตกอะไร สิ่งที่คุณทำได้ยังพอมีครับ

1. ซื่อสัตย์กับตัวเองครับ (แม้จะเจ็บปวด)
ลองย้อนกลับมาดูตัวเองครับว่าเป้าหมายที่เราตั้งเอาไว้มันใหญ่เกินไปไหม? (ไม่มีอะไรผิดนะเป้าใหญ่) แต่ทำไมเราถึงไม่สามารถทำมันได้สำเร็จนะ? ตรงนี้สำคัญมากนะครับ ยกตัวอย่างผมอยากไปวิ่งมาราธอน เป็นเป้าหมายที่ใหญ่ และที่ทำไม่สำเร็จก็เพราะไม่ได้ซ้อม ไม่ได้ซ้อมเพราะนอนดึก นอนดึกเพราะดูซีรี่ย์เกาหลี ฯลฯ (ก็มันสนุก!)
เฮนรี่ ฟอร์ด เคยพูดเอาไว้ว่า
“ชื่อเสียงไม่ได้มาจากส่ิงที่คุณคิดว่าจะทำ”
คุณต้องลงมือทำ เพราะฉะนั้นถ้าอยากรู้ว่าทำไมถึงไปไม่ถึงเป้า ก็ต้องซื่อสัตย์กับตัวเองครับ
2. มองเป้าหมายที่ล้มเหลวแยกกันเป็นข้อ ๆ
- เป้าหมายคืออะไร ทำไมถึงทำไม่สำเร็จ?
- อะไรนะที่ทำพลาดไป?
- อะไรที่ทำต่างออกไปได้บ้าง?
- เป้าหมายมีความหมายกับฉันแค่ไหน หรือแค่คิดว่า ‘ควรทำ’? (ทำเพราะความเชื่อทางสังคม ครอบครัว เพื่อนฝูง ฯลฯ)
- ทำไมถึงตั้งเป้าหมายนี้ตั้งแต่แรก
- เป้าหมายนี้จะทำให้ชีวิตดีขึ้นยังไง?
เราต้องเข้าใจก่อนว่าทำไมเราถึงไปไม่ถึงเป้าที่วางเอาไว้ – ไม่มีทรัพยากรที่เพียงพอ ไม่มีเวลา ไม่มีไฟ ความเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาในชีวิต ฯลฯ เพราะเราไม่สามารถควบคุมทุกอย่างในชีวิตได้ แต่ถ้าการรู้เหตุผลว่า ‘ทำไม’ จะทำให้เรากลับมาควบคุมสถานการณ์ได้ดีมากขึ้น และปรับเปลี่ยนเส้นทางเมื่อจำเป็น
3. ขอเป้าหมายหนึ่งที่ยังพอทำได้ในปีนี้
แม้จะเหลือเวลาอีกไม่มากในปีนี้ แต่ก็ยังพอมีเวลานะ ยังพอจะสร้างเป็นฐานสำหรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงด้วย
อย่าเลือกที่มันใหญ่มาก แต่เลือกเป้าหมายที่เจาะจงลงไปเลย เป็นเป้าหมายที่คุณแคร์จริง ๆ ที่อยากให้มันเกิดขึ้น อาจจะเป็นสุขภาพ หน้าที่การงาน ความสัมพันธ์ หรือแม้แต่เรื่องการเงิน
เอาตัวอย่างง่าย ๆ ของผมก็ได้ “จะไม่ซื้อของฟุ่มเฟือยถ้าของที่มีอยู่ยังใช้ได้และไม่มีความจำเป็นจริง”
แค่นี้แหละง่าย ๆ ทำได้ไหม เดี๋ยว 11.11 ก็มาแล้ว น่ากลัวจะตาย แต่ถ้าทำได้จะช่วยให้เรามั่นใจมากขึ้นและเสริมให้การเงินของเราดีขึ้นด้วยในอนาคต
4. จากนี้โฟกัสที่การสร้างนิสัยที่ดีมากกว่าเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่
นี่เป็นเทคนิคที่เชื่อว่าจะช่วยให้หลาย ๆ คนไปถึงเป้าหมายได้ครับ แทนที่จะโฟกัสว่าทำได้เท่าไหร่แล้ว จะถึงเป้าหมายรึยัง แต่อยากให้โฟกัสที่การสร้างนิสัยที่ดีเพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายนั้นมากกว่าครับ
เป้าหมายที่สำคัญไม่มีทางลัด อย่างสมมุติผมตั้งเป้าหมายเขียนหนังสือหนึ่งเล่มในปีนี้ (ซึ่งทำได้แล้ว) แต่จะให้นั่งเขียนทั้งเล่มภายในวันเดียว อาทิตย์เดียว หรือแม้แต่เดือนเดียวก็คงเป็นไปไม่ได้ ผมใช้วิธีการสร้างนิสัยกำหนดให้ตัวเองเขียนวันละ 3 – 5 หน้า ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี เขียนไปเลย แล้วเดี๋ยวมันจะกลายเป็นนิสัยและทำได้อย่างอัตโนมัติ
ผลดีของการสร้างนิสัยคือมันจะช่วยทำให้เราหลีกเลี่ยงความขี้เกียจได้ง่ายขึ้น เมื่อร่างกายมันเคยชิน หลังจากทำมาสักเดือนสองเดือน วันไหนที่ขี้เกียจงานก็ยังจะออกมาอยู่ดีเพราะมันชินกับสิ่งที่ต้องทำไปแล้ว
5. อย่าพึ่งพาแรงบันดาลใจ
อย่ารอให้แรงบันดาลใจเกิดก่อนจะลงมือ เพราะบางทีสิ่งที่เรียกว่าแรงบันดาลใจไม่เคยโผล่หน้ามาให้เห็นเลยด้วยซ้ำ ลองถามตัวเองคำถามนี้ครับว่า
“ฉันจะเพิ่มโอกาสที่จะทำให้เป้าหมายนี้สำเร็จโดยไม่พึ่งพาแรงบันดาลใจได้ยังไง?”
เพราะเจ้าแรงบันดาลใจที่ใครต่อใครหลงรักเนี้ยมันมีน้อยมาก บางทีมาแล้วก็หายไปไม่กลับมาอีกเลยก็มี การรอให้ตัวเอง ‘มีอารมณ์’ ก่อนแล้วค่อยทำเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่และไม่มีใครจะไปถึงเป้าหมายได้ถ้าทำแบบนั้น เป้าหมายที่มีคุณค่านั้นยากเสมอและ ‘อารมณ์’ ของเราก็ไม่เคยเพียงพอ
สิ่งที่เราควรทำคือตั้งกรอบเวลาไว้ให้ชัดเจนครับ “10:00 – 12:00 จะเขียนหนังสือ 3-5 หน้าต่อวัน” จบ. สั้น ๆ ง่าย ๆ เลือกช่วงเวลาที่เรามีโอกาสจะสร้างนิสัยให้ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ให้ดีที่สุด
สุดท้ายครับ เราไม่มีทางรู้หรอกว่าจะไปถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ไหม แต่ถ้าคุณไม่ทำก็ไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน สถานการณ์ของทุกคนไม่เหมือนกัน สิ่งที่เราควบคุมไม่ได้เราไม่ต้องไปสนใจ หันกลับมาดูว่าเราสามารถปรับพฤติกรรมและสร้างนิสัยของเราได้ยังไง โฟกัสมายังสิ่งที่คุณทำได้มากกว่าแค่สิ่งที่คุณอยากได้ แล้วปี 2023 อาจจะเป็นปีที่ดีที่ดีที่สุดเลยก็ได้ครับ