ภัยเงียบทำลายชีวิต : 7 สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณอาจเคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายในวัยเด็ก
เมื่อวันก่อนมีโอกาสได้อ่านหนังสือเรื่อง ‘The Deepest Well ลบบาดแผลลึกสุดใจ: วิทยาศาสตร์เบื้องหลังภาวะเครียดเป็นพิษและแนวทางเยียวยาแผลใจวัยเยาว์’ ที่เขียนโดย นาดีน เบิร์ก แฮร์ริส กุมารแพทย์และผู้ก่อตั้ง Center for Youth Wellness ที่แปลโดย สนพ. Bookscape ถือว่าเป็นหนังสือคุณภาพอีกเล่มที่อยากชวนอ่าน เพราะมันพูดถึงผลกระทบของบาดแผลทางจิตใจที่เกิดในวัยเด็กและส่งผลเสียต่อชีวิตเมื่อโตขึ้น บางคนสุขภาพร่างกายแข็งแรงปกติ แต่จู่ ๆ ล้มป่วยกระทันหันไปเลยก็มี
คนส่วนใหญ่ รวมทั้งผมเองด้วยมักเข้าใจว่าครอบครัวที่ abusive นั้นต้องเป็นเหมือนในข่าว ทุบตีร่างกายลูก ให้อดอาหาร ปล่อยปละละเลย ครอบครัวระหองระแหง ทารุณต่างๆ นานา แต่ที่จริงแล้วการ abuse เด็กในครอบครัวนั้นมีหลายรูปแบบมาก ทั้งด้านอารมณ์ ความคิด ล่วงละเมิดทางร่างกาย จิตใจ หรือแม้แต่ทางด้านการเงิน ซึ่งบางทีสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนมักมองข้าม ทำซ้ำ ๆ จนมันกลายเป็นเรื่องปกติ กดเอาไว้และพยายามลืมมัน กลายเป็นปมในจิตใจ ภัยร้ายที่พร้อมระเบิดและทำร้ายเราเมื่อโตขึ้น
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงหล่ะว่าเราเติบโตมาในครอบครัวที่ abusive รึเปล่า? ลองดูสัญญาณเหล่านี้ครับ
1. ไม่รู้จักตัวเอง
รู้ว่าตัวเองเป็นใครและต้องการอะไรรึเปล่า? สามารถบอกโลกได้เลยว่านี่คือตัวฉัน นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญมากของเด็กที่เติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่นและปลอดภัย ครอบครัวควรเป็นสถานที่ที่เด็กสามารถเติบโตแล้วได้ทดลองผิดลองถูก เปิดโอกาสให้เป็นคนที่เราอยากเป็นจริง ๆ ซึ่งถ้าเป็นครอบครัวที่ abusive จะไม่มีพื้นที่แบบนี้เลย จะบอกเลยว่าแบบนี้ไม่ได้ ไม่ถูก ลงโทษ ริดรอนอิสระ ซึ่งครอบครัวเหล่านี้จะเชื่อว่าสิ่งที่พวกเขาทำคือเรื่องที่ถูกต้องและจะไม่ฟังเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้น เด็กที่อยู่ในครอบครัวนี้จะสูญเสียความเป็นตัวเองไปเลย
2. ความเชื่อมั่นในตัวเองเป็นศูนย์
ความมั่นใจในตัวเองนั้นแตกต่างจากการรู้ว่าตัวเองเป็นใคร มันคือความเชื่อมั่นที่จะทำในสิ่งที่เราเชื่อ คือไม่ใช่แค่รู้ว่าตัวเองเป็นใครแต่มีความกล้าที่จะแสดงมันออกมาด้วย ยืนหยัดเพื่อตัวเองได้ มีกรอบศีลธรรมของตัวเอง มาตรฐานของตัวเองชัดเจน ในครอบครัวที่ abusive เด็กจะไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งความมั่นใจนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงวัยเด็กระหว่างที่สร้างความสัมพันธ์กับพ่อแม่และเรียนรู้โลกใบนี้
ถ้าพ่อแม่ทำให้คุณรู้สึกไม่ปลอดภัย มักพูดจาเสีย ๆ หาย ๆ (มึงมันโง่ มึงมันไม่ได้เรื่อง) คุณจะสูญเสียความมั่นใจและเชื่อไปเลยว่าที่คุณโดนด่าเพราะคุณ ‘สมควร’ โดนด่าเพราะคุณมันไม่ได้เรื่อง เหมือนที่พ่อแม่ด่าจริง ๆ เป็นเรื่องที่เลวร้ายมากเลยในภายหลัง สร้างรอยด่างและเส้นทางชีวิตที่ทำให้คุณเป๋ไปเลย ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างคนรัก หน้าที่การงาน หรือแม้แต่ครอบครัว
3. ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ
รู้สึกไหมครับว่าความสัมพันธ์ของคุณนั้นเหมือนโดนคำสาป? ชีวิตครอบครัวแม่งห่วยแตก? เลือกคนห่วย ๆ มาเป็นคู่ชีวิตอยู่เสมอ? สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญนะครับ รากมันอยู่ลึกกว่านั้น เพราะความสัมพันธ์ที่คุณกำลังเผชิญอยู่คือสัญญาณบ่งบอกอย่างหนึ่งว่าคุณอาจจะเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่ปกติก็ได้
ถ้าคุณคอยสร้างความสัมพันธ์ที่เป็นรักข้างเดียว, มากเกินไป, ไม่สมดุลย์, toxic, บ่อนทำร้าย หรือชิบหายวายป่วงอยู่ตลอด ก็เป็นเพราะว่านั่นคือส่ิงที่คุณเห็นเป็นตัวอย่างตอนเป็นเด็ก คือมันไม่ใช่ว่าคุณมีแฟนที่นิสัยเหมือน ‘พ่อหรือแม่’ นะ มันมากกว่านั้น อารมณ์จะประมาณว่าคุณเลือกความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิง เพราะเติบโตมาในครอบครัวที่ยุ่งเหยิงแบบนี้ เลือกคนที่มาเป็นพาร์ทเนอร์ชีวิตที่มาทำร้ายคุณเหมือนที่คุณโดนทำร้ายตอนเป็นเด็ก
4. เลือกทำร้าย/ทำลายตัวเอง
ชีวิตบางทีกำลังไปได้สวย แต่คุณกลับเลือกที่จะเตะตัดขาตัวเอง มีคนรักที่ดี แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเขา หรือบางทีมีงานที่ดี กลับคิดว่าตัวเองโง่เกินไปสำหรับงานนี้ คนที่เติบโตมาในครอบครัวที่ abusive จะรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับสิ่งที่ดี จะพยายามทำให้ชีวิตล่มเพราะคิดว่าตัวเองคู่ควร ต้องเจ็บปวดถึงจะถูก ซึ่งตรงนี้แก้ไม่ง่ายเลยเพราะต้องใช้ความกล้าอย่างมหาศาลที่จะเชื่อว่าคุณคู่ควรกับสิ่งที่ดี ๆ ในชีวิต คู่ควรกับความสุขที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้
5. สภาวะทางอารมณ์ที่ปั่นป่วน
การถูกเลี้ยงมาในครอบครัวที่ abusive ส่งผลต่อสภาพอารมณ์และจิตใจในระยะยาว ทำลายสมองและระบบประสาทตั้งแต่เรายังเป็นเด็ก ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวล บางคนมีการ panic หายใจไม่ออก เครียด สิ้นหวัง ซึมเศร้า ตลอดเวลา ซึ่งอาการเหล่านี้ต้องรับการปรึกษาจากแพทย์และดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย
6. ไร้ความสำเร็จในชีวิต
คนที่เติบโตมาในครอบครัวที่ abusive นั้นมีโอกาสน้อยมาก ๆ ที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต จริงอยู่ที่ว่าเราต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง รับผิดชอบชีวิตตัวเอง แต่ต้องเข้าใจว่าการตัดสินใจที่เราทำได้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถทำมันได้แค่ไหนด้วย คิดดูว่าเด็กที่อยู่ในครอบครัวที่ abusive ที่คิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับความสุขจะสามารถตัดสินใจอะไรได้ดีมากแค่ไหน การจะประสบความสำเร็จ (ในรูปแบบของแต่ละคน) ต้องอาศัยความกล้า ความมั่นใจ ต้องมีภาพในหัวที่ชัดเจนและลงมือทำ ซึ่งเป็นสิ่งที่การเลี้ยงดูในวัยเด็กนั้นมีส่วนทั้งสิ้น
ไม่ได้บอกว่าเด็กที่เติบโตมาในครอบครัวที่ abusive จะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ เพียงแต่มันยากมาก ๆ
7. อาการปวด เจ็บป่วย
ใช่ครับอาการปวดเรื้อรังที่ไม่มีสาเหตุหรืออาการป่วยที่จู่ ๆ ก็เกิดขึ้นนั้นอาจจะมาจากการถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวที่ abusive เช่นเดียวกัน มีการศึกษาหลายชิ้นที่สนับสนุนเรื่องนี้ด้วย ในหนังสือ The Deepest Well ผู้เขียนบอกว่า
“คนส่วนใหญ่ไม่ได้เฉลียวใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกเขาในวัยเด็กมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคเลือดสมอง โรคหัวใจ หรือโรคมะเร็ง […] งานวิจัยทางการแพทย์ในช่วง 20 ปีเผยเห็นว่าเหตุการณ์เลวร้ายในวัยเด็กแทรกซึมเข้าสู่เนื้อหนังของเราอย่างแท้จริง พร้อมกับก่อความเปลี่ยนแปลงในร่างกายผู้คน ซึ่งอาจคงอยู่เป็นเวลานานนานหลายทศวรรษ มันอาจเปลี่ยนแปลงทิศทางพัฒนาการของเด็กคนหนึ่งและส่งผลต่อลักษณะทางสรีรวิทยา มันอาจกระตุ้นการอักเสบเรื้อรังและการเปลี่ยนแปลงด้านฮอร์โมนที่ดำเนินไปตลอดชีวิต มันอาจเปลี่ยนรูปแบบการอ่านดีเอ็นเอและจำลองตัวเองของเซลล์ นอกจากนี้ ยังอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง โรคเบาหวานและแม้กระทั่งโรคอัลไซเมอร์ได้อย่างมากอีกด้วย”
นาดีน เบิร์ก แฮร์ริส
วิธีที่จะออกจากวังวนตรงนี้คือการยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นก่อน วางเป้าหมายให้กับชีวิตตัวเองใหม่ เรียนรู้ว่าตัวเองเป็นใคร ต้องการอะไร สร้างเส้นทางที่คุณจะมีความสุขในแบบของคุณเอง ห้อมล้อมตัวเองด้วยคนที่ไว้ใจได้ ค่อย ๆ ก้าวออกมาจากกรอบที่ขังตัวเองไว้ ดึงความกล้าออกมาเพื่อยืนหยัดในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ อย่าลืมว่าเป้าหมายของตัวเองคืออะไร และที่สำคัญที่สุดให้ลองหาคุณค่าของตัวเอง สิ่งที่ตัวคุณเป็น
เชื่อว่าคุณคู่ควรที่จะมีความสุข ไม่ใช่แค่ตอนนี้ แต่ตั้งแต่เกิดมาลืมตาดูโลกใบนี้ จนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตเลย
===========
อ้างอิง