วีรศักดิ์โฮมสเตย์ – ทุ่งนาขั้นบันได บ้านป่าบงเปียง
สักเมื่อกลางๆเดือนกันยายนที่ผ่านมามีน้องที่สนิทกันคนหนึ่งโพสต์ภาพวิวดอยนาขั้นบันไดที่เขียวชะอุ่มแล้วแทค “วีรศักดิ์โฮมสเตย์ บ้านป่าบงเปียง” ลงบนเฟสบุ๊คส์ มันเป็นช่วงเวลาที่ผมกำลังกรำงานหนักกับธุรกิจใหม่ที่กำลังเริ่มปล่อยออกสู่ตลาดพอดี เห็นแล้วก็แอบรู้สึกอิจฉาไม่ได้ว่ามันคงจะดีมากถ้าได้ไปนอนพักเห็นวิวแบบนี้สักคืนหนึ่ง ผมเลยทักไปหาน้องแล้วสอบถามข้อมูลการจองที่พัก ไม่นานน้องก็กลับมาพร้อมไลน์และเบอร์ติดต่อเจ้าของโฮมสเตย์แห่งนี้
ผมทักไปหาเขาช่วงเย็นๆ สอบถามว่าช่วงนี้มีห้องพักบ้างไหม? เขาตอบกลับมาในเช้าอีกวันหนึ่งว่าตอนนี้มีห้องพักว่างแค่ช่วงปลายเดือนตุลาคมเท่านั้นแค่สองวัน จังหวะนั้นไม่รอช้าบอกขอจองก่อนแล้วมัดจำเงินโอนไปให้เรียบร้อยเพราะกลัวห้องหลุด ยังไงก็อยากไปให้ได้ประมาณนั้น
หลังจากจองไปเสร็จก็กลับมานั่งดูรายละเอียด…เอิ่มมม….ที่นี่ไม่มีน้ำอุ่น ไฟฟ้าคือพลังงานที่เก็บมาจากแผงโซล่าเซลล์เท่านั้น (ถ้าวันไหนแดดน้อยก็ใช้ได้นิดหน่อยตอนกลางคืน) ไปที่นี่คือธรรมชาติสุดละ หันหน้าไปหาเมีย เมียทำหน้าตกใจเล็กน้อยกับการต้องอาบน้ำเย็น 5555 แต่ในใจตอนนี้เป็นห่วงลูกมากกว่า
…เวลาผ่านมาถึงวันเดือนทาง ครอบครัวเราตื่นเต้นมาก ก่อนเดินทางเราไปซื้อขนมที่ซุปเปอร์ฯมาหลายสิบอย่าง อาหารแห้ง มาม่า สเปรย์กันยุง ฯลฯ คือถ้าดูผ่านๆอาจจะนึกว่าเรากำลังจะเดินทางไปสนามรบมากกว่าไปนอนโฮมสเตย์
เช้าวันเดินทางเราออกจากเชียงใหม่ประมาณ 12:30 ค่อยๆขับรถกันไปทางเส้นขึ้นดอยอินทนนท์ ถนนไม่โหดร้ายเท่าไหร่ ขับได้เรื่อยๆ มีจังหวะที่ต้องใส่เกียร์ต่ำบ้างเล็กน้อย สำหรับคนที่จะไปขอให้ปักหมุดที่ “น้ำตกแม่ปาน” หรือ “น้ำตกห้วยทรายเหลือง” นะครับผม เพราะถ้าไปตาม GPS มันจะพาขับอ้อมไปไกลมาก ถ้าตั้งหมุดไปที่น้ำตก ใน GPS ถนนมันจะขาดประมาณ 2 กิโลเมตร แต่ความจริงคือถนนเสร็จแล้วนะครับผม ขับไปตามทางก็จะเจอเต้นท์ที่มีเจ้าหน้าที่เก็บค่าบำรุงรักษาสถานที่ทางซ้ายมือแล้วเลี้ยวขวาก็จะถึงบ้านป่าบงเปียงเลย มีโฮมสเตย์แถวนี้หลายเจ้าอยู่ครับผมลองหากันได้
หลังจากจอดรถปุ๊บก็เดินเข้าที่พักได้เลย ปลายเดือนตุลาคมต้นข้าวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง วันที่เรามาฝนตกเล็กน้อย พายุกำลังเข้า ต้นข้าวล้มกันไปบ้าง ชาวบ้านต้องเริ่มเกี่ยวข้าวกันแล้วไม่งั้นจะล้มตายกันหมด โชคยังดีที่เราไปเห็นช่วงที่เขากำลังจะเริ่มเกี่ยวข้าวพอดี
หลังจากจัดแจงเอาของใช้ต่างๆไว้ในห้องพัก (เขามีบ้านสองหลัง เล็กกับใหญ่ วันนี้เราพักบ้านหลังใหญ่ที่มีห้องพักสามห้อง มากันได้หลายคนอยู่ครับ) ก็เดินออกมาที่ระเบียงบ้าน บอกได้คำเดียวครับว่าวิวหลักล้านจริงๆ คือในรูปนี้ที่ว่าสวยแล้ว
ของจริงคือ…มันเกินไปกว่านี้จนเทียบไม่ติดเลย ถ่ายรูปไม่หวาดไม่ไหว
อากาศหลังฝนตกก็เย็นสบาย เดินลงไปถ่ายรูปในนาข้าวก็สนุก เลลาก็ชอบไหลลื่นตกคันนาหลายรอบแต่ก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากใหญ่ ที่น่าตื่นเต้นคือตอนอาบน้ำ คือสามคนพ่อแม่ลูกมายืนพร้อมกันข้างถังน้ำ อาบให้เลลาก่อน นางก็กรี๊ดใหญ่ หัวเราะ เต้นไปมา คือโชคดีที่เรารีบมาอาบหลังจากไปเดินถ่ายรูปมาเกือบชั่วโมงจึงไม่ค่อยหนาวมาก แต่น้ำก็ยังเย็นสุดๆไปเลย ตอนผมเอาน้ำราดหัวสระผมนี่แบบ….หูชา ตัวสั่น ตักอาบแบบ 30 วินาทีเสร็จเลยทีเดียว
เย็นมามีอาหารมาวางบนโตกให้นั่งทานพร้อมกับชมพระอาทิตย์ตกดิน คืนนั้นเป็นคืนที่พระจันทร์เกือบเต็มดวง ดาวในท้องฟ้าแม้จะไม่มากเท่าที่คิดเอาไว้แต่มันก็เยอะมาก มากชนิดที่ว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นเยอะขนาดนี้คือเมื่อไหร่ บอกให้เลลานับดาวจนเหนื่อยกันเลยทีเดียว
โชคดีที่บริเวณนี้ยังมี 4G, ผม ภรรยา และเลลา นั่งห่มผ้าดู The Little Mermaid กันแล้วก็ปิดไฟนอน…ตั้งแต่ประมาณทุ่มหนึ่ง
…
เราคิดเมื่อวานสวยแล้ว เช้าตื่นมาอีกวันเจอทะเลหมอก…คือ สวยจนลืมหายใจ ก็จะประมาณนี้แหละ เลลาลากตัวเองออกมาจากเตียงแล้วก็กระโดดเด้งดึ๋งๆตอนเห็นทะเลหมอกเป็นครั้งแรกในชีวิต
ก่อนกลับเราเดินลงไปถ่ายรูปกันอีกรอบแต่คราวนี้เดินตามทางลงไปถนนเพื่อจะไปดูเขาเกี่ยวข้าว แถวนี้มีลำธารเล็กๆ เลลาเลยได้โอกาสลงไปกระโดดเล่นน้ำจนตัวเปียกปอนหมดเลย แต่เธอก็ชอบมาก ถึงขั้นว่าตอนให้คะแนนที่นี่เลลาบอกให้หมื่นคะแนน 555
เราขับรถกลับบ้านด้วยความรู้สึกสดชื่น มันเป็นการพักผ่อนที่เหมือนไปชาร์จแบตพลังงานชีวิต
ที่นั้นทุกอย่างช้าลงจนเกิดเป็นคำถามตอนกลับมาว่าชีวิตเราเร่งรีบกันทุกวันเพราะอะไรกันแน่?
รายละเอียด
เพจ : https://www.facebook.com/weerasuk.homestay
เบอร์ติดต่อ : 093 074 2686
โลเคชั่น : https://goo.gl/maps/WZmg64483CJhvivN9