หลังจากข่าวของ Bitcoin ค่อยๆจางหายไปจากกระแสของสื่อได้สักพักใหญ่ๆ ดูเหมือนกับว่ามันกำลังค่อยๆตายลงอย่างช้าๆและเงียบเชียบ
จู่ๆก็มีเมื่อกลางดึกวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ราคาของ Bitcoin จากที่นิ่งๆอยู่แถวๆ 4,100 USD ก็มีการขยับเพิ่มขึ้นอย่างแรง ทวิตเตอร์ก็เริ่มประทุเต็มไปด้วยคำถาม?
“เกิดอะไรขึ้นกับ Bitcoin?”
ราคาไต่ขึ้นไป 8% แล้วก็ 13% แล้วก็ยังขึ้นไปอีกเกือบถึง 20% ภายในเวลาชั่วโมงเดียว จนมาหยุดที่ราวๆ 4,900 USD / BTC (ณ จุดนั้นทำให้เกิดความโลภขึ้นมาข้างในว่าหรือมันกำลังกลับมาแล้วกันนะ?)
แต่ก็นับว่าเป็นโชคดีของตัวเองที่ไม่ได้เป็นนักฉวยโอกาสแบบนี้ อาจจะเพราะรู้ดีว่าไม่สามารถควบคุมอารมณ์และความรู้สึกได้ดีเท่าไหร่นัก จึงไม่ค่อยรู้สึกเสียดายเท่าไหร่ที่ไม่ได้กระโจนลงไปเล่นรถไฟเหาะกับคนอื่นๆ แต่สิ่งที่ผมกลับสนใจในเวลานั้นคือมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เช้าวันต่อมาหลังจากที่พายุ (เหมือน) ได้ผ่านพ้นไป…
กราฟของราคาดีดขึ้นไป ตามมาด้วยการเทขายของคนที่พอใจกับกำไรที่ได้แล้ว ราคาร่วงกลับลงมาอยู่ที่ราวๆ 4,700 USD / BTC หรือประมาณ 14% จากวันก่อนหน้า การพุ่งขึ้นครั้งนี้เป็นการขยับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพราะราคาของบิทคอยน์นั้นนิ่งมาหลายเดือนแล้ว
แต่สิ่งที่แปลกคือมันเกิดขึ้นในเวลาเพียงแค่ชั่วโมงเดียวนี้สิ นี่เป็นโอกาสดีที่จะหาคำตอบว่าสภาพคล่องของบิทคอยน์นั้นซื้อขายมีความเชื่อมโยงกับราคาของมันยังไงบ้าง? พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือว่าการเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์มาจากคนที่ต้องการซื้อ-ขายมากขนาดไหน? (ไม่นับรวมคนที่ถือระยะยาว)
มูลค่าทางตลาดของบิทคอยน์ก่อนราคากระโดดอยู่ที่ราวๆ 71,000 ล้านเหรียญ และตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 83,000 ล้านเหรียญ
บิทคอยน์นั้นมีกฎ supply และ demand ที่ชัดเจน เพราะมันมีจำนวนจำกัด 21 ล้านบิทคอยน์ เมื่อถูกขุดจนหมดแล้วก็จะไม่มีอีกต่อไป ตอนนี้ถูกขุดไปแล้วประมาณ 17.6 ล้านบิทคอยน์ (วิธีการขุดจะไม่ได้อธิบายไว้ในนี้นะครับ ลองหาอ่านได้ตามอินเตอร์เน็ตนะครับผมถ้าสนใจ)
มาลองคำนวณเลขกันเล่นดีกว่า
ในช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมงนั้นมีจำนวนบิทคอยน์เพิ่มขึ้นประมาณ 5 blocks หรือ 62.5 บิทคอยน์ ซึ่งถ้าเทียบกับ 17 ล้านที่มีอยู่แล้วนั้นถือว่าเป็นเศษผงเลยก็ว่าได้
เพราะฉะนั้นมูลค่าที่เพิ่มขึ้น 12,000 ล้านเหรียญนั้นสามารถพูดได้ว่ามันเกิดขึ้นจากบิทคอยน์ที่มีอยู่ในท้องตลาดอยู่แล้ว (โอเคๆ อันนี้เข้าใจง่าย เร็วๆเข้าเรื่องซะที)
คำถามคือต้องมีการขายบิทคอยน์เท่าไหร่ถึงจะดันราคาขึ้นไปขนาดนี้ได้? จากการประเมินของ BCB Group’s Oliver von Landsberg-Sadie แรงผลักครั้งนี้เกิดจากออเดอร์การซื้อบิทคอยน์ประมาณ 21,000 บิทคอยน์บนท้องตลาด
เหตุผลที่มีการซื้อเยอะขนาดนี้ยังเป็นข้อสงสัยที่หลายๆคนพยายามค้นหา แต่หลายๆคนคาดว่าสาเหตุเกิดจากสิ่งที่เรียกว่า “short squeeze” ซึ่งเกิดขึ้นจากที่นักลงทุนที่เปิดออเดอร์ “short” บนบิทคอยน์ต้องพยายามปิดออเดอร์ของตัวเองเพื่อป้องกันการขาดทุนเมื่อราคาเพิ่มสูงขึ้น เมื่อไม่มีคนที่อยากขายมากเท่าคนซื้อ ราคาก็พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าเรายึดเอาตัวเลขจากด้านบนเป็นหลักว่ามีการซื้อขาย 21,000 และดันราคาจาก 4,100 USD ไปเป็น 4,900 USD (ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 4,500 USD/BTC) นั้นหมายความว่าเงินที่ใช้ซื้อนั้นเท่ากับ 4,500 x 21,000 = 94.5 ล้าน USD เท่านั้นเอง
นี่แหละที่แปลก
เงิน 95 ล้านเหรียญที่ใช้ซื้อบิทคอยน์ แต่มูลค่าของตลาดพุ่งไป 12,000 ล้านเหรียญ
ผมอาจจะไม่ได้เรียนบัญชีมา แต่ตัวเลขเหล่านี้ทำให้คิดว่า “เกิดอะไรขึ้นเนี้ย?” ตัวเลขที่เกิดขึ้นกับตัวเลขที่เราเห็นมันต่างกันร้อยกว่าเท่าเลยนะ
การกระโดดของราคาแบบนี้เกิดขึ้นได้จากสภาพคล่องที่ต่ำของบิทคอยน์ในตลาด ซึ่งเชื่อกันว่าใน 17.6 ล้านบิทคอยน์นั้น มีประมาณ 3-4 ล้านบิทคอยน์ที่หายสาบสูญไปแล้ว เพราะเจ้าของนั้นหา “keys” ไม่เจอ
นั้นหมายถึงว่าที่จริงแล้วในตลาดมีอยู่แค่ประมาณ 14 ล้านบิทคอยน์สำหรับการซื้อขาย
และถ้าเรานับเป็น % แล้ว 21,000 บิทคอยน์ ถือเป็น 0.15% ของทั้งตลาด ซึ่งมีคนต้องการซื้อจำนวนนี้ภายในเวลาชั่วโมงเดียว – สิ่งที่เกิดขึ้นค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว เพราะถ้าเป็นสินทรัพย์อย่างอื่น…มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย
สมมุติว่ามหาอำนาจจีนต้องการกว้านซื้อข้าวจากทั่วโลกเป็นปริมาณ 0.15% แม้ว่าพวกเขาจะมีเงินมากขนาดไหนก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต่อรองราคา ตัดสินใจ และขนส่งได้ภายในหนึ่งชั่วโมง
ลองกลับมานึกถึงตลาดซื้อขายบิทคอยน์ที่สภาพคล่องต่ำ ราคาพุ่งสูงอย่างรวดเร็วก็เพราะว่าคนไม่ค่อยอยากขาย แต่คนที่ขายก็สามารถขายที่ราคาบวกพรีเมียมได้เช่นเดียวกัน แถมยังไม่พอบิทคอยน์ที่หลายคนมีก็ไม่ได้อยู่ในตลาด exchange ที่การซื้อขายครั้งนี้เกิดขึ้น จึงกลายเป็นว่าคนที่กว้านซื้อ ต้องซื้อจากคนที่ถือบิทคอยน์ที่เอาบิทคอยน์ของตัวเองไว้ในตลาดเวลานั้นและพร้อมจะขาย จึงกลายเป็นซับเซ็ตที่ไม่มาก
กลับมาคิดเลขกันต่อ (อันนี้ถ้าเกิดขึ้นสนุกแน่)
ยึดเอาราคาที่เคลื่อนไหวในคืนวันที่ 2 เป็นฐาน ถ้ามีคนต้องการซื้อ 445,000 บิทคอยน์ ซึ่งเป็นปริมาณแค่ 2.5% ของที่มีทั้งหมด ราคาของมันจะกลับขึ้นไปทำนิวไฮน์ที่ 20,000 USD/BTC ในทันที
กลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้งหนึ่ง : เราอาจจะเห็นราคาของบิทคอยน์ลดต่ำลงในช่วงเวลาต่อจากนี้ (อันนี้คงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่) แต่สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ครั้งนี้ก็คือว่า ถ้าเกิดว่ามีประเทศที่ร่ำรวย มาเฟีย หรือแม้แต่กองทุนอะไรสักอย่างคิดว่ามูลค่าของบิทคอยน์นั้นต่ำเกินความเป็นจริงแล้วกว้านซื้อ 2.5% ของทั้งตลาด ราคาในวันนี้จะเพิ่มขึ้นไปเกือบ 4 เท่าตัว แล้วถ้าต่อจากนั้นมีอีกคนที่ไม่อยากเสียโอกาสกว้านซื้ออีก 1% และ 1% และ 1% และ….
โว้ววววว….กดเครื่องคิดเลขกันไม่ทันเลยทีเดียว