ความพยายามของอเมริกาที่จะชะลอการเติบโตของ Huawei ก็เริ่มส่งผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในเดือนเมษายน, Huawei รายงานผลประกอบการยอดขายที่เติบโตกว่า 39% ภายในไตรมาสแรกจากปีก่อน แม้ว่ารัฐบาลของอเมริกาจะชักชวนหลายๆฝ่ายไม่ให้ทำธุรกิจกับบริษัทแห่งนี้ แต่ตอนนี้ CEO ของ Huawei, Ren Zhengfei คาดการณ์ว่ารายได้ของพวกเขาน่าจะลดลง 7 พันล้านเหรียญในปีนี้
แน่นอนว่า Ren พูดถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ว่าเป็นผลมาจากการที่อเมริกาแบน Huawei ไม่ให้ทำการค้าขายกับบริษัทที่มีฐานผลิตอยู่ในอเมริกา ทั้งซอฟร์ทแวร์และฮาร์ทแวร์สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของพวกเขา ถ้ารวมไปถึงปีหน้าด้วยความเสียหายอาจจะมากถึง 30,000 ล้านเหรียญ หรือตีกลมๆเป็นเงินไทยก็เกือบล้านล้านบาทเลยทีเดียว Ren ยังคอนเฟิร์มรายงานจาก Bloomberg ที่บอกว่ายอดขายของสมาร์ทโฟน Huawei ในต่างประเทศนั้นตกลงไปกว่า 40% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา
นอกจากเรื่องรายได้และความเสียหายที่เกิดขึ้นกับธุรกิจของ Huawei แล้ว Ren พูดต่อไปถึงความรู้สึกตกใจกับความรุนแรงในการตัดสินใจของรัฐบาลอเมริกา และช่วงสองปีต่อจากนี้พวกเขาต้องพยายามทุ่มเทพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเอง (ทั้ง OS และชิพ) เขาเน้นย้ำว่ายังอยากต้องการใช้เทคโนโลยีของอเมริกาต่อไป ไม่ได้กล่าวโทษบริษัทเหล่านั้น แต่เหล่านักการเมืองทั้งหลายต่างหาก
“เราไม่กลัวที่จะทำงานกับบริษัทอเมริกาหรือส่วนประกอบต่างๆที่มาจากอเมริกา”
แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าบริษัทสัญชาติอื่นจะคิดเช่นเดียวกันกับเขา เพราะตอนนี้เราได้เห็นแล้วว่าอาจจะมีความเสี่ยงในการทำงานร่วมกับบริษัทจากอเมริกา เกิดวันใดวันหนึ่งถูกตัดเทคโนโลยีแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นกับ Huawei ขึ้นมาอาจจะถึงขั้นล้มละลายได้เลยทีเดียว
หลายๆฝ่ายกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็น “ความผิดพลาด” และส่งผลเสียต่อการพัฒนาเทคโนโลยีไปข้างหน้า การแชร์ความรู้และการแข่งขันจะช่วยผลักดันให้บริษัทต่างๆเร่งทำงานและผลิตนวัตกรรมใหม่ๆออกมาสู่ท้องตลาด การต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่แล้วในตลาดจะไม่เกิดขึ้น
(แต่เมื่อ Ren ถูกถามเกี่ยวกับสิ่งที่ประเทศจีนต้องเปลี่ยน อย่างการเปิดให้บริการของ Google ให้ใช้ได้ในประเทศจีน เขากลับไม่มีความเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย)
กลับมาอีกด้านทางบริษัทของอเมริกาเองก็เสียหายพอสมควร จากรายงาน Huawei ใช้เงินกว่า 11,000 ล้านเหรียญในการช้อปปิ้งเทคโนโลยีจากอเมริกาในปีที่แล้ว บริษัท Broadcom ผู้ผลิตชิพรายหนึ่งบอกว่าการแบนครั้งนี้น่าจะส่งผลเสียต่อบริษัทประมาณ 2 พันล้านเหรียญในปีนี้ บริษัททำชิพหลายๆเจ้าพยายามรวมตัวกันเพื่อให้รัฐบาลผ่อนผันหรือยืดหยุ่นการแบนครั้งนี้ด้วย การเข้าถึงบริษัทสัญชาติจีนนั้นเป็นเรื่องที่ลำบากอยู่แล้ว และการขาด Huawei ไปอีกหนึ่งก็จะทำให้เสียรายได้ไปอีกไม่น้อยเลยทีเดียว
=====
อ้างอิง