SOPON’S BLOG
2 เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จด้านการเงิน
November 28, 2022
สูตรลดน้ำหนัก 4 กิโล ใน 4 สัปดาห์ : ไม่ต้องพึ่งยา แถมยังไปกินชาบูอีกต่างหาก
November 26, 2022
ฟีดแบคที่ดี ไม่ได้ดีเสมอไป : รับมือยังไงเมื่อเจอฟีดแบคหนัก ๆ ตรง ๆ และต้องปรับตัว
November 24, 2022
ปีใหม่ คนเก่า : จะเปลี่ยนตัวเองได้ ต้องรับตัวเองที่ไม่สมบูรณ์ให้ได้ก่อน
November 21, 2022
20 บทเรียนจากนักจิตบำบัดที่จะช่วยให้ชีวิตดีขึ้น
November 20, 2022
Facebook Twitter Youtube Instagram Medium Bootstrap
SOPON’S BLOG

Type and hit Enter to search

  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Tech
    • Business
    • Thoughts
    • Science
    • Startups
    • Lifehack
    • People
    • Travel
    • Inspiration
  • Podcast
  • About
  • Contact
  • Follow
    • Facebook
    • Twitter
    • Instagram
    • Blockdit
    • Telegram
RelationshipSelf-Improvement

1 ปัจจัยที่ทำให้ความสัมพันธ์คู่รักประสบความสำเร็จ จากการศึกษาคู่รักกว่า 40,000 คู่ [part 1/2]

sopons
November 30, 2022 2 Mins Read
158 Views
0 Comments

ดอกเตอร์ จอห์น ก็อตแมน​ (Dr. John Gottman) และ ดอกเตอร์ จูลี ก็อตแมน (Julie Gottman) เป็นนักจิตวิทยาที่ทำงานร่วมกับคู่รักกว่า 40,000 คู่ตลอด 50 ปีของการทำ “Couple Therapy” หรือ “บำบัดคู่สมรส”

ทั้งคู่แต่งงานอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอด 35 ปี ถ้าจะบอกว่าพวกเขาพอจะรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคู่ครองที่ประสบความสำเร็จก็คงไม่ผิดนัก

ในการทดลองครั้งหนึ่งพวกเขาสามารถคาดเดาได้อย่างแม่นยำกว่า 94% ว่าคู่สมรสคู่ไหนจะอยู่ด้วยกันตลอดรอดฝั่งและคู่ไหนจะหย่าร้างกันในที่สุด ด้วยการสังเกตุคู่รักคู่นั้นเพียง 15 นาทีเท่านั้น และปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดที่จะบ่งบอกว่าคู่รักจะอยู่ด้วยกันรอดไหมคือสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “Turning Toward” หรือ “การหันเข้าหากัน” แทนที่จะเป็น “Turning Away” หรือ “การหันคนละทาง” นั่นเอง

Turning Toward คือการตอบสนองต่อ ‘การเรียกร้องความสนใจของอีกฝ่าย’ ซึ่งเป็นอะไรที่สำคัญมาก ๆ เลย เป็นได้ตั้งแต่เรื่องเล็ก ๆ อย่างเช่นการเรียกกัน ไปจนถึงการขอความช่วยเหลือในเรื่องที่ลำบากใจ

คู่รักที่อยู่ด้วยกันแล้วประสบความสำเร็จคือคู่ที่เข้าใจเมื่ออีกฝ่ายกำลังเรียกร้องความสนใจอยู่และถ้าจำเป็นก็จะวางสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้วเข้าไปหาทันที

ยกตัวอย่างเช่นแฟนอาจจะกำลังเลื่อนมือถืออยู่แล้วบอกว่า “นี่…บทความนี้น่าสนใจนะเนี้ย” ซึ่งก็เป็นตัวอย่างของการเรียกร้องความสนใจเหมือนกัน

คุณอาจจะตอบสนองได้ 3 แบบคือ

  1. Turning Toward – รับรู้และเข้าไปหาเพื่อจะเชื่อมโยงกับสิ่งอีกฝ่ายกำลังสนใจ “เหรอ ๆ เกี่ยวกับอะไรหล่ะ?”
  2. Turning Away – ไม่รับรู้ ไม่สนใจ ทำหูทวนลม ไม่ใส่ใจ “พิมพ์งานต่อไป หรือเล่นเกมต่อไปโดยไม่สนใจ”
  3. Turning Against – แสดงท่าทีรำคาญ​ โมโห และหยุดตัดการเรียกร้องความสนใจของอีกฝั่งไปเลย “ไม่เห็นเหรอว่าทำงานอยู่เนี้ย อะไรนักหนา!”

การหันหน้าเข้าหาและรับรู้ความต้องการของอีกฝ่ายนั้นสร้างสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง เป็นทีมเดียวกัน สร้างรากฐานที่มั่นคงของความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน

ดอกเตอร์ จอห์น และ จูลี บอกว่าแน่นอนมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะสนใจอีกฝ่ายตลอดเวลา แต่ว่าจากการสังเกตุของพวกเขาคู่รักที่อยู่ด้วยกันเป็นระยะเวลานานจะ Turning Toward กว่า 86% และคนที่หย่าร้างและแยกทางกันทำแค่ 33% เท่านั้น

เอาหล่ะเมื่อวานเราอ่านกันถึงเรื่องปัจจัยที่ทำให้คู่รักประสบความสำเร็จนั่นก็คือ ‘Turning Toward’ หรือ ’การหันเข้าหากัน’ เมื่ออีกฝ่ายต้องการความสนใจ

แต่ถ้าคุณกำลังรู้สึกว่าตอนนี้มันยากจังเลยที่จะทำอย่างนั้นหรือบางทีความสัมพันธ์ตรงนี้มันหายไปแล้วรึเปล่า สายไปแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงไหม ดอกเตอร์ จอห์น และ จูลี บอกว่า “ไม่ต้องห่วง มันเหมือนกับการปรับทิศทางของเรือลำใหญ่นั่นแหละ ตอนแรก ๆ ก็จะช้าหน่อยถ้าต้องการเปลี่ยนเส้นทาง แต่สิ่งที่สำคัญคือเริ่มทำตอนนี้เลย”


หมุนพวงมาลัยทีละนิด ๆ ไม่นานเดี๋ยวทุกอย่างจะเริ่มเข้ารูปเข้ารอยเอง และนี่เป็นเทคนิคสามอย่างที่ ดอกเตอร์ จอห์น และ จูลี แชร์เพื่อให้การหันเข้าหากันเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น

  1. Check-in 10 นาที

ที่จริงเรื่องนี้ไม่ยากเลยแถมยังเป็นอะไรที่มีประสิทธิภาพมากด้วย เลือกเวลาที่จะนั่งคุยกับคู่ครองหรือแฟนวันละ (อย่างน้อย) 10 นาที เป็นเวลาที่ทั้งคู่ไม่ต้องรีบทำอะไร (ไม่ใช่ว่าเลือกเวลาที่ต้องรีบไปส่งลูกไปโรงเรียนอันนี้อย่าหาทำ) อาจจะเป็นตอนเช้าที่นั่งดื่มกาแฟกัน หรือเป็นตอนเย็นที่กลับมาจากที่ทำงาน หรือหลังอาบน้ำสบาย ๆ หรือหลังลูกนอน เลือกมาครับ ตกลงกัน 10 นาที นั่งคุยกัน ทั่วไปครับ “เป็นไงบ้างวันนี้ เหนื่อยไหม มีอะไรให้ช่วยรึเปล่า ฯลฯ”

มันจะช่วยทำให้อีกฝ่ายเห็นว่าเราอยู่ตรงนี้นะถ้าต้องการ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเราก็ช่วยกัน และถ้าเขาขอให้ช่วยอะไร ถ้าทำได้จงทำครับ ถ้าสัญญาแล้วจงทำ เพราะถามอย่างเดียวแล้วไม่ทำมีหัวแตกได้ (พูดเล่น…แต่อันตรายจริง) แต่ถ้าอันไหนที่ทำไม่ได้จริง ๆ ก็ต้องคุยกันครับว่ามีทางออกอย่างอื่นอีกไหม


  1. เก็บเล็กผสมน้อย มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท

เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่แหละสำคัญนัก เพราะการเชื่อมต่อความสัมพันธ์หรือการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้ความสัมพันธ์นั้นไม่ใช่การทำเรื่องใหญ่ ๆ แค่ครั้งเดียว แต่เป็นการทำอยู่เรื่อย ๆ ตลอดเวลา สังเกตสัญญาณเหล่านี้ไว้ให้ดี

  • สบตา
  • ยิ้ม
  • ถอนหายใจ
  • ถามให้ช่วย
  • ทักทายตอนเช้าหรือก่อนนอน
  • ขออะไรอย่างสิ
  • พูดว่า “นี่…อันนี้น่าสนใจ…”
  • ชี้ “นั่นไง ดูนี่สิ”
  • เรียกชื่อเราจากอีกห้องหนึ่ง
  • ดูเนือย ๆ เหนื่อย ๆ
  • พยายามถือของหนัก ๆ คนเดียว
  • ดูหงุดหงิดงุ่นง่าน

สิ่งเหล่านี้คือการเรียกร้องความสนใจที่เราสามารถเข้าไปถามได้ว่ามีอะไรเหรอ มีอะไรให้ช่วยรึเปล่า เป็นอะไร? ถามด้วยความจริงใจนะ อย่าถามส่ง ๆ ไม่งั้นขิต (พูดเล่น…แต่อาจขิตจริง)


  1. อย่าเพิ่งล้มเลิกง่าย ๆ

อย่างที่ ดอกเตอร์ จอห์น และ จูลี บอกครับว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกที่เราจะตอบสนองความต้องการเมื่ออีกฝั่งเรียกร้องได้ทั้งหมด แต่มันยังมีวิธีผ่อนหนักให้เป็นเบาได้

  • เมื่อเขาต้องการความสนใจแต่เรายังทำไม่ได้ – บอกเลยอย่าเมินเฉย แต่อธิบายครับว่าตอนนี้มีเรื่องที่ทำค้างอยู่แล้วมันสำคัญมาก ๆ “อ่าาา โอเค อยากฟังต่อนะ แต่ว่าตอนนี้ต้องทำ xxx ก่อน เดี๋ยวคุยกันหลังประชุมจบได้ไหม อีก 30 นาที?”
  • เมื่อเราต้องการความสนใจแต่อีกฝั่งไม่ตอบสนอง – ถ้าอีกฝั่งไม่ตอบสนองต่อความต้องการของเราทำยังไง ก็ลองทำอีกครั้ง แต่ถ้ายังไม่สนใจ คุยเลยครับ “พอดีพยายามจะคุยด้วยแต่ไม่สนใจเลย เกิดอะไรขึ้น? มีอะไรรึเปล่าที่ทำให้เป็นแบบนี้?” (ซึ่งอีกฝั่งก็อาจจะกำลังเครียดหรือหงุดหงิดอะไรก็ได้ เราไม่มีทางรู้)
  • เมื่อการเรียกร้องความสนใจมาพร้อมความประชดประชันเชิงลบ – โอ้วววว…เราเคยผ่านกันมาแล้ว ไม่มากก็น้อย เหมือนอีกฝ่ายพร้อมไฟว้ “นี่ไม่คิดจะช่วยกันเก็บบ้านหน่อยเหรอ?” “ทำอาหารเย็นสักครั้งจะตายไหมหะ?” “ผ้าก็ต้องซัก ลูกก็ต้องดู ผัวมัวแต่เล่นเกม วัน ๆ ไม่คิดทำอะไรหรอก” ฯลฯ เราเจอกันมาแล้วทั้งนั้น บอกเลยครับ…ให้เอาน้ำเย็นลูบหัวแล้วก็หยิบประโยคนั้นมาลบคำประชดประชันออกไป เพราะดึก ๆ แล้วภายใต้คำพูดที่พร้อมจะไฟว้เหล่านั้นคือการเรียกร้องความสนใจ อยากให้เราช่วยบ้าง สิ่งที่ดีที่สุดในเวลาแบบนี้คือการใจเย็น ๆ ครับ พยายามเข้าใจเขาให้มากที่สุด “ขอโทษนะช่วงนี้ยุ่ง ๆ เข้าใจว่าเหนื่อยและเครียดด้วย เดี๋ยวช่วยเอาผ้าไปซักนะ เดี๋ยวตอนเย็นออกไปทานข้าวข้างนอกกันไหม” ฯลฯ

ผ่อนหนักให้เป็นเบา รู้หลบเป็นปีกรู้หลีก…ไม่ตายครับ

https://www.cnbc.com/2022/11/11/the-no-relationship-hack-according-to-psychologists-who-have-been-married-for-35-years.html

Tags:

relationshipTurning Towardความสัมพันธ์คู่ชีวิตทำยังไงถึงจะมีความสัมพันธ์ที่ดีบทควาพัฒนาตนเองบทความสำหรับคนทำงานบทความสำหรับครอบครัวเคล็ดลับความสัมพันธ์เคล็ดลับความสุขโสภณชวนอ่าน

Share Article

Follow Me Written By

sopons

Writer / Columnist (Salmon Books, 101.world, The Matter, Beartai, The People, a day Bulletin, CapitalRead, GQ, Billion Brands)

Other Articles

Previous

2 เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จด้านการเงิน

Previews
November 28, 2022

2 เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จด้านการเงิน

No Comment! Be the first one.

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Related Posts

ปฏิเสธทุกอย่างก็ไม่ได้ ตกลงทุกอย่างก็ไม่ดี – ลองใช้เทคนิค ‘Tomorrow Rule’ เพื่อจัดสมดุลย์ให้ชีวิตจดจ่อและไม่ปิดกั้นโอกาสใหม่

by sopons
October 26, 2022

จำกัดสิ่งสำคัญที่สุด 3 อย่างต่อวัน : เทคนิคลดความยุ่งเหยิงในชีวิต ให้กลับมามีโฟกัสอีกครั้ง

by sopons
August 9, 2022

สิ่งที่ควบคุม (ไม่) ได้ : ทางเลือกและสงครามที่ไม่มีวันชนะ

by sopons
October 23, 2022

อ่านตรงนี้ถ้าเป้าหมายปีนี้ไปไม่ถึง : จบปีนี้ให้สวยได้ยังไง เตรียมตัวสำหรับปี 2023 ให้สำเร็จยิ่งขึ้น

by sopons
November 9, 2022

Subscribe to our newsletter and stay updated.

SOPON’S BLOG

© 2021, All Rights Reserved.

Quick Links

  • Contact
  • About
  • Billion Brands
  • Blockdit

Category

  • Self-Improvement
  • Technology
  • Business
  • Thoughts
  • Travel

Follow Us

Facebook Twitter Youtube Instagram
  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Business
    • Technology
    • Inspiration
    • Books
    • Life Style
    • Startups
    • Thoughts
    • Travel
  • About
  • Contact