1 ปัจจัยที่ทำให้ความสัมพันธ์คู่รักประสบความสำเร็จ จากการศึกษาคู่รักกว่า 40,000 คู่ [part 1/2]
ดอกเตอร์ จอห์น ก็อตแมน (Dr. John Gottman) และ ดอกเตอร์ จูลี ก็อตแมน (Julie Gottman) เป็นนักจิตวิทยาที่ทำงานร่วมกับคู่รักกว่า 40,000 คู่ตลอด 50 ปีของการทำ “Couple Therapy” หรือ “บำบัดคู่สมรส”
ทั้งคู่แต่งงานอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอด 35 ปี ถ้าจะบอกว่าพวกเขาพอจะรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคู่ครองที่ประสบความสำเร็จก็คงไม่ผิดนัก
ในการทดลองครั้งหนึ่งพวกเขาสามารถคาดเดาได้อย่างแม่นยำกว่า 94% ว่าคู่สมรสคู่ไหนจะอยู่ด้วยกันตลอดรอดฝั่งและคู่ไหนจะหย่าร้างกันในที่สุด ด้วยการสังเกตุคู่รักคู่นั้นเพียง 15 นาทีเท่านั้น และปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดที่จะบ่งบอกว่าคู่รักจะอยู่ด้วยกันรอดไหมคือสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “Turning Toward” หรือ “การหันเข้าหากัน” แทนที่จะเป็น “Turning Away” หรือ “การหันคนละทาง” นั่นเอง
Turning Toward คือการตอบสนองต่อ ‘การเรียกร้องความสนใจของอีกฝ่าย’ ซึ่งเป็นอะไรที่สำคัญมาก ๆ เลย เป็นได้ตั้งแต่เรื่องเล็ก ๆ อย่างเช่นการเรียกกัน ไปจนถึงการขอความช่วยเหลือในเรื่องที่ลำบากใจ
คู่รักที่อยู่ด้วยกันแล้วประสบความสำเร็จคือคู่ที่เข้าใจเมื่ออีกฝ่ายกำลังเรียกร้องความสนใจอยู่และถ้าจำเป็นก็จะวางสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้วเข้าไปหาทันที
ยกตัวอย่างเช่นแฟนอาจจะกำลังเลื่อนมือถืออยู่แล้วบอกว่า “นี่…บทความนี้น่าสนใจนะเนี้ย” ซึ่งก็เป็นตัวอย่างของการเรียกร้องความสนใจเหมือนกัน
คุณอาจจะตอบสนองได้ 3 แบบคือ
- Turning Toward – รับรู้และเข้าไปหาเพื่อจะเชื่อมโยงกับสิ่งอีกฝ่ายกำลังสนใจ “เหรอ ๆ เกี่ยวกับอะไรหล่ะ?”
- Turning Away – ไม่รับรู้ ไม่สนใจ ทำหูทวนลม ไม่ใส่ใจ “พิมพ์งานต่อไป หรือเล่นเกมต่อไปโดยไม่สนใจ”
- Turning Against – แสดงท่าทีรำคาญ โมโห และหยุดตัดการเรียกร้องความสนใจของอีกฝั่งไปเลย “ไม่เห็นเหรอว่าทำงานอยู่เนี้ย อะไรนักหนา!”
การหันหน้าเข้าหาและรับรู้ความต้องการของอีกฝ่ายนั้นสร้างสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง เป็นทีมเดียวกัน สร้างรากฐานที่มั่นคงของความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน
ดอกเตอร์ จอห์น และ จูลี บอกว่าแน่นอนมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะสนใจอีกฝ่ายตลอดเวลา แต่ว่าจากการสังเกตุของพวกเขาคู่รักที่อยู่ด้วยกันเป็นระยะเวลานานจะ Turning Toward กว่า 86% และคนที่หย่าร้างและแยกทางกันทำแค่ 33% เท่านั้น
เอาหล่ะเมื่อวานเราอ่านกันถึงเรื่องปัจจัยที่ทำให้คู่รักประสบความสำเร็จนั่นก็คือ ‘Turning Toward’ หรือ ’การหันเข้าหากัน’ เมื่ออีกฝ่ายต้องการความสนใจ

แต่ถ้าคุณกำลังรู้สึกว่าตอนนี้มันยากจังเลยที่จะทำอย่างนั้นหรือบางทีความสัมพันธ์ตรงนี้มันหายไปแล้วรึเปล่า สายไปแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงไหม ดอกเตอร์ จอห์น และ จูลี บอกว่า “ไม่ต้องห่วง มันเหมือนกับการปรับทิศทางของเรือลำใหญ่นั่นแหละ ตอนแรก ๆ ก็จะช้าหน่อยถ้าต้องการเปลี่ยนเส้นทาง แต่สิ่งที่สำคัญคือเริ่มทำตอนนี้เลย”
หมุนพวงมาลัยทีละนิด ๆ ไม่นานเดี๋ยวทุกอย่างจะเริ่มเข้ารูปเข้ารอยเอง และนี่เป็นเทคนิคสามอย่างที่ ดอกเตอร์ จอห์น และ จูลี แชร์เพื่อให้การหันเข้าหากันเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
- Check-in 10 นาที
ที่จริงเรื่องนี้ไม่ยากเลยแถมยังเป็นอะไรที่มีประสิทธิภาพมากด้วย เลือกเวลาที่จะนั่งคุยกับคู่ครองหรือแฟนวันละ (อย่างน้อย) 10 นาที เป็นเวลาที่ทั้งคู่ไม่ต้องรีบทำอะไร (ไม่ใช่ว่าเลือกเวลาที่ต้องรีบไปส่งลูกไปโรงเรียนอันนี้อย่าหาทำ) อาจจะเป็นตอนเช้าที่นั่งดื่มกาแฟกัน หรือเป็นตอนเย็นที่กลับมาจากที่ทำงาน หรือหลังอาบน้ำสบาย ๆ หรือหลังลูกนอน เลือกมาครับ ตกลงกัน 10 นาที นั่งคุยกัน ทั่วไปครับ “เป็นไงบ้างวันนี้ เหนื่อยไหม มีอะไรให้ช่วยรึเปล่า ฯลฯ”
มันจะช่วยทำให้อีกฝ่ายเห็นว่าเราอยู่ตรงนี้นะถ้าต้องการ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเราก็ช่วยกัน และถ้าเขาขอให้ช่วยอะไร ถ้าทำได้จงทำครับ ถ้าสัญญาแล้วจงทำ เพราะถามอย่างเดียวแล้วไม่ทำมีหัวแตกได้ (พูดเล่น…แต่อันตรายจริง) แต่ถ้าอันไหนที่ทำไม่ได้จริง ๆ ก็ต้องคุยกันครับว่ามีทางออกอย่างอื่นอีกไหม
- เก็บเล็กผสมน้อย มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท
เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่แหละสำคัญนัก เพราะการเชื่อมต่อความสัมพันธ์หรือการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้ความสัมพันธ์นั้นไม่ใช่การทำเรื่องใหญ่ ๆ แค่ครั้งเดียว แต่เป็นการทำอยู่เรื่อย ๆ ตลอดเวลา สังเกตสัญญาณเหล่านี้ไว้ให้ดี
- สบตา
- ยิ้ม
- ถอนหายใจ
- ถามให้ช่วย
- ทักทายตอนเช้าหรือก่อนนอน
- ขออะไรอย่างสิ
- พูดว่า “นี่…อันนี้น่าสนใจ…”
- ชี้ “นั่นไง ดูนี่สิ”
- เรียกชื่อเราจากอีกห้องหนึ่ง
- ดูเนือย ๆ เหนื่อย ๆ
- พยายามถือของหนัก ๆ คนเดียว
- ดูหงุดหงิดงุ่นง่าน
สิ่งเหล่านี้คือการเรียกร้องความสนใจที่เราสามารถเข้าไปถามได้ว่ามีอะไรเหรอ มีอะไรให้ช่วยรึเปล่า เป็นอะไร? ถามด้วยความจริงใจนะ อย่าถามส่ง ๆ ไม่งั้นขิต (พูดเล่น…แต่อาจขิตจริง)
- อย่าเพิ่งล้มเลิกง่าย ๆ
อย่างที่ ดอกเตอร์ จอห์น และ จูลี บอกครับว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกที่เราจะตอบสนองความต้องการเมื่ออีกฝั่งเรียกร้องได้ทั้งหมด แต่มันยังมีวิธีผ่อนหนักให้เป็นเบาได้
- เมื่อเขาต้องการความสนใจแต่เรายังทำไม่ได้ – บอกเลยอย่าเมินเฉย แต่อธิบายครับว่าตอนนี้มีเรื่องที่ทำค้างอยู่แล้วมันสำคัญมาก ๆ “อ่าาา โอเค อยากฟังต่อนะ แต่ว่าตอนนี้ต้องทำ xxx ก่อน เดี๋ยวคุยกันหลังประชุมจบได้ไหม อีก 30 นาที?”
- เมื่อเราต้องการความสนใจแต่อีกฝั่งไม่ตอบสนอง – ถ้าอีกฝั่งไม่ตอบสนองต่อความต้องการของเราทำยังไง ก็ลองทำอีกครั้ง แต่ถ้ายังไม่สนใจ คุยเลยครับ “พอดีพยายามจะคุยด้วยแต่ไม่สนใจเลย เกิดอะไรขึ้น? มีอะไรรึเปล่าที่ทำให้เป็นแบบนี้?” (ซึ่งอีกฝั่งก็อาจจะกำลังเครียดหรือหงุดหงิดอะไรก็ได้ เราไม่มีทางรู้)
- เมื่อการเรียกร้องความสนใจมาพร้อมความประชดประชันเชิงลบ – โอ้วววว…เราเคยผ่านกันมาแล้ว ไม่มากก็น้อย เหมือนอีกฝ่ายพร้อมไฟว้ “นี่ไม่คิดจะช่วยกันเก็บบ้านหน่อยเหรอ?” “ทำอาหารเย็นสักครั้งจะตายไหมหะ?” “ผ้าก็ต้องซัก ลูกก็ต้องดู ผัวมัวแต่เล่นเกม วัน ๆ ไม่คิดทำอะไรหรอก” ฯลฯ เราเจอกันมาแล้วทั้งนั้น บอกเลยครับ…ให้เอาน้ำเย็นลูบหัวแล้วก็หยิบประโยคนั้นมาลบคำประชดประชันออกไป เพราะดึก ๆ แล้วภายใต้คำพูดที่พร้อมจะไฟว้เหล่านั้นคือการเรียกร้องความสนใจ อยากให้เราช่วยบ้าง สิ่งที่ดีที่สุดในเวลาแบบนี้คือการใจเย็น ๆ ครับ พยายามเข้าใจเขาให้มากที่สุด “ขอโทษนะช่วงนี้ยุ่ง ๆ เข้าใจว่าเหนื่อยและเครียดด้วย เดี๋ยวช่วยเอาผ้าไปซักนะ เดี๋ยวตอนเย็นออกไปทานข้าวข้างนอกกันไหม” ฯลฯ
ผ่อนหนักให้เป็นเบา รู้หลบเป็นปีกรู้หลีก…ไม่ตายครับ