20 บทเรียนจากนักจิตบำบัดที่จะช่วยให้ชีวิตดีขึ้น
พอดีผมไปผ่านบทความหนึ่งบน Buzzfeed ที่สรุปเอาบทเรียนที่หลายคนไปเจอนักจิตบำบัดแล้วรู้สึกว่าเป็นบทเรียนที่มีคุณค่าและติดอยู่กับตัวมาหลายสิบปี เลยอยากเอามาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกันครับ
- จิตแพทย์บอกกับฉันว่าการเรียนรู้ทักษะหรือความรู้ใหม่หรือการสร้างนิสัยใหม่ ๆ คือการสร้างเส้นทางใหม่ให้กับระบบประสาทในสมอง มันเหมือนกับการสร้างเส้นทางใหม่ในป่ารก ต้องใช้เวลา ความพยายาม พลังงานกว่าจะไปถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ แต่ทุกครั้งที่ฝึกทักษะนั้นหรือทำนิสัยนั้นซ้ำ ๆ คุณก็เหมือนย้ำไปที่เส้นทางของเส้นประสาทนั้นอีกครั้ง ยิ่งย้ำมากเท่าไหร่ ยิ่งง่ายขึ้นเท่านั้น ป่ายังคงรกอยู่ แต่เส้นทางนั้นจะง่ายขึ้นในการเดินจากการที่คุณเริ่มลงมือทำเมื่อวาน และที่สำคัญคือชัดเจนขึ้นด้วย ท้ายที่สุดแล้วนิสัยนั้นก็จะเกิดขึ้นแบบอัตโนมัติและไม่ต้องใช้ความพยายามเลย การเปรียบเทียบนี้ช่วยให้ฉันหยุดสูบบุหรี่ อ่านหนังสือสอบ และออกไปเดินข้างนอกได้ตอนที่กำลังเป็นซึมเศร้าและไม่อยากขยับตัวเลย
- เมื่อคุณคาดหวังกับใครบางคนโดยไม่ได้แสดงออกว่าคุณคาดหวังอะไร คุณคือคนที่กำลังวางตัวเองไว้สำหรับความผิดหวังที่จะเกิดขึ้น
- ไม่ใช่ทุกสิ่งที่ ‘ดี’ หรือ ‘ไม่ดี’ แต่มีหลายอย่างที่เป็นกลาง ตัวอย่างเช่น การพูดว่า ‘ไม่’ กับคำขอร้องของใครสักคนหนึ่ง มันเป็นเพียงความเป็นกลาง สำหรับบางคนอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับฉันไม่ใช่เลย ฉันเคยชินกับการมองทุกอย่างเป็นขาวดำจนไม่เคยนึกถึงสิ่งนี้ด้วยซ้ำ
- ไม่มีใครเห็นคุณในแบบที่คุณเห็นตัวเอง
- บางครั้ง เมื่อเราผัดวันประกันพรุ่ง เราทำเช่นนั้นเพราะต้องการรู้สึกว่ามีอำนาจที่จะควบคุมบางอย่างในชีวิต (แม้ว่าสิ่งเดียวที่เราควบคุมได้คือการเลือกที่จะไม่ทำบางสิ่ง และแม้ว่าสิ่งนั้นจะทำให้สถานการณ์แย่ลงก็ตาม) ฉันใช้เวลาหลายปีกว่าจะเข้าใจเรื่องนี้เลย
- เราทุกคนมีภาระถ่วงตัวเองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และมันไม่คุ้มที่จะทุบตีตัวเองว่าเป็นตัวประหลาด การยอมรับตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับฉันเลยทีเดียว
- สมองของมนุษย์ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้เรามีความสุข มันถูกออกแบบมาเพื่อให้เรามีชีวิตรอด
- ให้ลองคิดถึงเรื่องน่าอายที่สุดที่เกิดขึ้นกับคุณสักเรื่องหนึ่ง อย่าคิดนานหรือยากเกินไป ตอนนี้ ให้นึกถึงคนใกล้ชิดในชีวิตของคุณ และจินตนาการถึงสิ่งที่น่าอายที่สุดที่เกิดขึ้นกับพวกเขา แบบที่สองใช้เวลานานกว่ามากเลยใช่ไหมหล่ะครับ การทดลองทางความคิดนี้แสดงให้เห็นว่าเราทุกคนคิดถึงตัวเองและวิจารณ์ตัวเองมากกว่าที่เราคิดกับคนอื่นอย่างชัดเจน
- คุณไม่สามารถควบคุมวิธีที่คนอื่นปฏิบัติต่อคุณได้ แต่คุณสามารถควบคุมวิธีที่คุณโต้ตอบกับพวกเขาได้ นี่เป็นบทเรียนที่ฉันได้เรียนรู้และตอนนี้ก็เอามาสอนลูกวัย 9 และ 6 ขวบและมันก็ได้ผลมากเลยทีเดียว
- เราทำสิ่งที่เรารู้ – และเมื่อเรารู้ดีกว่าเดิม เราก็ทำได้ดีกว่าเดิม
- ถ้าคุณไม่เชื่อในเรื่องที่ดีที่เกิดขึ้นในชีวิต ทำไมคุณไม่เชื่อแบบเดียวกันกับเรื่องแย่ ๆ บ้างหล่ะ มันเกิดขึ้น รับรู้ แล้วก็ปล่อยมันไปเถอะ
- เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมเริ่มพูดถึงตัวเองในแง่ลบ ผมจะแสร้งทำเป็นว่ากำลังคุยกับลูกชายวัย 5 ขวบที่น่ารักและแสนดีของตัวเอง ผมไม่สามารถพูดสิ่งที่กำลังพูดกับตัวเองกับลูกชายของตัวเองได้เลย นักบำบัดบอกให้จินตนาการว่ามีคนมาพูดกับลูกชายของผมเหมือนกับที่ผมพูดอะไรกับตัวเองและผมจะตอบสนองอย่างไร? มันทำให้ผมเห็นเลยว่าเราคือศัตรูที่ร้ายกายที่สุดของตัวเองเลย
- นักบำบัดสอนเกี่ยวกับ ‘หลักการของหน้ากากออกซิเจน’ โดยพื้นฐานแล้ว คุณต้องสวมหน้ากากออกซิเจนของตัวเองก่อน โดยการปรับปรุงสุขภาพจิตและทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณก่อนที่จะสามารถช่วยเหลือชีวิตผู้อื่นได้ สิ่งนี้ทำให้ผมถอยห่างจากการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาของคนอื่น เพราะปัญหาเหล่านั้นจะไม่ส่งผลดีต่อตัวเองหรือสุขภาพจิตของผมเลย
- คุณสามารถดูคนอื่นนั่งบนรถไฟเหาะได้ แต่คุณไม่จำเป็นต้องไปนั่งกับพวกเขานะ สิ่งนี้ใช้ได้กับคนและความสัมพันธ์ทุกอย่างที่นำดราม่ามาสู่ชีวิตของคุณ นักบำบัดบอกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และถึงตอนนี้ก็ยังคงคิดถึงเรื่องนี้ตลอดเวลา มันช่วยปรับมุมมองในหลาย ๆ เรื่องเลย
- อนุญาตให้ตัวเองเศร้าโศก ไม่ใช่แค่การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก แต่รวมถึงทุกสิ่งที่ทำให้คุณเศร้าใจด้วย
- ไม่ต้องพยายามจัดการกับทุกความรู้สึกเชิงลบที่เกิดขึ้น บางครั้งก็เป็นเรื่องปกติที่จะพูดว่า ‘โอ้ เฮ้ ความเศร้า ว่าไง เจอกันอีกแล้วนะ’ หรือ ‘เอาล่ะ ความตื่นตระหนก มาอีกแล้วเหรอ ขอทำที่กำลังทำอยู่ให้เสร็จก่อนนะค่อยว่าการ’ การบำบัดด้วยการยอมรับ (Acceptance therapy) เป็นสิ่งที่ทรงพลังที่สุดที่เคยทำเลย
- ความบอบช้ำในอดีตและการเลี้ยงดูของฉันไม่ควรเป็นข้อแก้ตัวสำหรับพฤติกรรมอันเลวร้ายของตัวเอง ฉันคือคนเดียวที่สามารถทำให้ตัวเองหลุดออกมาได้
- อย่าตัดสินความรู้สึกของคุณ แค่พยายามเข้าใจว่ามันมาจากไหน จงตัดสินการกระทำของคุณหลังจากนั้นมากกว่า
- ไม่ใช่ทุกความสัมพันธ์ที่ควรค่าที่จะรักษาไว้
- คุณมีพลังงานและเวลาจำกัดในแต่ละวัน — และคุณสามารถเลือกได้ว่าจะเอาพลังงานนั้นไปใช้ตรงไหน คิดว่ามันเหมือนกับชิปที่โต๊ะรูเล็ต เมื่อรู้สึกโกรธตอนอ่านบทความข่าว ได้ยินความคิดเห็นที่ไม่เห็นด้วย เจอคนบ้าขับรถบนทางด่วน…สิ่งเหล่านี้ล้วนใช้พลังงานทั้งสิ้น ชิปทางอารมณ์ซึ่งเป็นทรัพยากรที่จำกัด จงตัดสินใจให้ดีว่าจะเอาชิปของคุณวางที่ไหน ตอนนี้ฉันหยุดตัวเองหลายครั้งในวันหนึ่งเพื่อไม่ให้ใช้เรื่อยเปื่อย และก็มีความสุขมากขึ้นเยอะเลย