ปี 2022 มีแนวโน้มเป็นอย่างไร กับคำทำนาย 10 ข้อจาก The Economist’s
ในปี 2020 การระบาดของโควิด 19 ทำให้โลกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รวมไปถึงความปกติแบบเก่าก็หายด้วย แล้วในปี 2022 ล่ะ?
ในปี 2021 ดูเหมือนว่าจะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งการการฉีดวัคซีนทั่วโลกที่ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่ในการต่อสู้กับการระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัส
ผู้คนต้องคิดใหม่เกี่ยวกับตัวเอง งาน สุขภาพ เงินและเป้าหมายในชีวิต
มาเรียนรู้ ปรับตัว และสร้างตัวเองใหม่ในปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงกัน!
ใครคือ The Economist?
The Economist เป็นสื่ออังกฤษรายสัปดาห์ มีออฟฟิศหลักตั้งอยู่ในลอนดอน เนื้อหาข่าวของพวกเขาจะเล่าถึงเหตุการณ์ปัจจุบันในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและเศรษฐศาสตร์จากมุมมองระดับโลก
ฉบับแรกตีพิมพ์เมื่อวันที่ 2 กันยายน 1843 ภายใต้กองบรรณาธิการของเจมส์ วิลสัน (James Wilson) ในตอนแรกพวกเขานิยามตนเองว่าเป็นสื่อหนังสือพิมพ์ แต่ในปัจจุบัน The Economist เปลี่ยนรูปแบบให้เป็นนิตยสาร
สิ่งพิมพ์นี้เป็นเจ้าของโดย The Economist Group ซึ่งเป็นบริษัทสำนักพิมพ์ 50% ที่ควบคุมโดยครอบครัว Rothschild และ Agnelli ส่วนที่เหลืออีก 50% เป็นของนักลงทุนเอกชน รวมถึงพนักงานของนิตยสารด้วย
นักเขียนของ The Economist ประกอบด้วยนักข่าวมากกว่า 75 คนจากห้าทวีป กองบรรณาธิการมีหน้าที่เลือกหัวหน้าบรรณาธิการซึ่งไม่สามารถถูกไล่ออกได้หากไม่ได้รับความยินยอม
และนี่คือแนวโน้ม 10 ประการที่อาจถูกกำหนดเป็นวาระระดับโลกในปี 2022
- 1. การเสื่อมถอยของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกแตกแยกโดยสิ้นเชิง
สหรัฐอเมริกาและจีนกำลังแข่งขันกันเพื่อเป็น Global Influence
เศรษฐกิจจีนจะยังคงพุ่งทะยานขึ้น แม้จะอยู่ห่างไกลจากการเป็นสมาชิกของกลุ่มเสรีประชาธิปไตยที่ครอบงำเศรษฐกิจและกระดานหมากรุกทางภูมิรัฐศาสตร์ ในขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ พยายามโน้มน้าวให้ประเทศต่างๆ ที่ยึดถือค่านิยมที่คล้ายคลึงกันร่วมมือกันเพื่อกดดันจีน
แรงกดดันเหล่านี้รวมถึงการจำกัดการค้า เทคโนโลยี การเงิน และการลงทุน พร้อมกับการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ บังคับให้บางตลาด (และบริษัท) เลือกข้าง โดยมีแนวโน้มเป็นอย่างมากว่าการแข่งขันและการกดดันนี้จะเกิดขึ้นในเวทีเทคโนโลยี แต่ก็มีความเสี่ยงที่กลยุทธ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรมหรือผู้บริโภค
ในสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ อาจส่งผลให้ทุกประเทศต้องจุดยืนที่ชัดเจน เนื่องจากการอยู่เฉยๆ อาจมีผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ร้ายแรง
โลกจะถูกแบ่งแยกระหว่างเศรษฐกิจที่สนับสนุนจีนและที่สนับสนุนสหรัฐอเมริกา การแยกตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่สมบูรณ์จะบังคับให้บริษัทต่างๆ ดำเนินการซัพพลายเชนสองแห่ง และจะมีมาตรฐานทางเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน
การปรับใช้เครือข่ายโทรคมนาคม 5G ห้าเครือข่ายอาจถูกเลื่อนออกไปในบางประเทศ และการคว่ำบาตรของจีนจะทวีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการค้าและการลงทุนทั่วโลก
- 2. จากการระบาดใหญ่สู่โรคเฉพาะถิ่น
ยาต้านไวรัสชนิดใหม่ การรักษาแอนติบอดีที่ได้รับการปรับปรุง และวัคซีนอื่นๆ กำลังจะมา ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันโรคในประเทศที่พัฒนาแล้วจะไม่มองว่าไวรัสเป็นภัยคุกคามร้ายแรงอีกต่อไป
แต่มันจะยังคงเกิดอันตรายร้ายแรงในประเทศกำลังพัฒนา
เว้นแต่วัคซีนจะขยายขนาดได้ โควิด-19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นที่เกิดกับคนจนแต่ไม่ใช่คนรวย
- 3. ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ
การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นได้ผลักดันราคาให้สูงขึ้น
ธนาคารกลางกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งชั่วคราว แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อ
สหราชอาณาจักรมีความเสี่ยงเป็นพิเศษที่จะเกิดการซบเซาทางเศรษฐกิจ เนื่องจากการขาดแคลนแรงงานหลัง Brexit และการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติที่มีราคาแพง
- 4. การทำงานในอนาคต
มีฉันทามติในวงกว้างว่างานในอนาคตจะเป็น “ไฮบริด” และผู้คนจำนวนมากจะใช้เวลาทำงานจากที่บ้านมากขึ้น อย่างไรก็ตามมันมีช่องว่างมากมายสำหรับในรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ต้องทำงานกี่วัน และมันจะยุติธรรมหรือไม่
การถกเถียงนี้ยังครอบคลุมไปถึงกฎภาษีและการติดตามคนทำงานจากระยะไกล
- 5. Techlash ใหม่
หน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐอเมริกาและยุโรปพยายามที่จะควบคุมยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีมาหลายปี แต่ยังไม่เห็นการเติบโตหรือผลกำไรของพวกเขา
ตอนนี้จีนได้เป็นผู้นำโดยมุ่งเป้าไปที่บริษัทเทคโนโลยีของตนในการปราบปรามอย่างโหดเหี้ยม
ประธานาธิบดี Xi Jinping ต้องการมุ่งเน้นไปที่การพัฒนา “เทคโนโลยีขั้นสูง” ที่จะสร้างความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ที่ไม่ใช่แค่สิ่งเหลาะแหละ เช่น การเล่นเกม และการช็อปปิ้ง
แต่สิ่งนี้จะส่งเสริมนวัตกรรมของจีนหรือยับยั้งพลวัตของอุตสาหกรรมกันแน่?
- 6. Crypto กำลังเติบโต
เช่นเดียวกับเทคโนโลยีทั้งหมด cryptocurrencies จะเชื่องลง เมื่อหน่วยงานกำกับดูแลเข้มงวดกฏ ขณะนี้ธนาคารกลางกำลังมองหาวิธีที่จะเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลแบบรวมศูนย์
ผลที่ได้คือการต่อสู้ 3 ทางเพื่ออนาคตทางการเงิน ระหว่างกลุ่ม crypto-blockchain-DeFi บริษัทเทคโนโลยีแบบดั้งเดิม และธนาคารกลางที่จะเข้มข้นขึ้นในปี 2022
- 7. Climate crisis
แม้ว่าจะเกิดไฟป่า คลื่นความร้อน และน้ำท่วมจะเพิ่มความถี่ขึ้นในทุกพื้นที่ของโลก แต่พวกเรากลับทำทุกอย่างราวกับว่าปัญหาความแปรปวนนี้ไม่ได้มีความเร่งด่วน โดยเฉพาะในหมู่ผู้กำหนดนโยบายที่ชักช้าในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ยิ่งไปกว่านั้น การลดการปล่อยคาร์บอนยังต้องการให้ตะวันตกและจีนร่วมมือกัน เนื่องจากการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ของพวกเขายิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
- 8. ปัญหาการเดินทาง
กิจกรรมต่าง ๆ กำลังฟื้นตัวเมื่อเศรษฐกิจกลับมาเปิดใหม่ แต่ประเทศต่างๆ ที่ดำเนินตามยุทธศาสตร์ “ปราบปราม” โควิด-19 เช่น ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ยังคงต้องเผชิญกับงานที่ยากลำบากในการจัดการการเปลี่ยนผ่านสู่โลกที่ไวรัสแพร่ระบาด
ในขณะเดียวกัน เกือบครึ่งหนึ่งของการเดินทางเพื่อธุรกิจทั้งหมดหายไป
นั่นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับโลก แต่ไม่ดีสำหรับนักท่องเที่ยวและทำให้การธุรกิจมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นและดำเนินการช้าลงกว่าเดิม
- 9. อาชีพในอวกาศ
ปี 2022 จะเป็นปีแรกที่ผู้คนเข้าสู่อวกาศได้ด้วยการจ่ายเงินให้กับบริษัทท่องเที่ยวอวกาศ จีนจะสร้างสถานีอวกาศแห่งใหม่ ผู้สร้างภาพยนตร์กำลังแข่งกันสร้างภาพยนตร์ในสภาวะไร้น้ำหนัก
นาซ่าจะพุ่งยานอวกาศเข้าไปในดาวเคราะห์น้อยในภารกิจเพื่อใช้ชีวิตที่ดาวใหม่เหมือนที่เราเคยเห็นในหนังฮอลลีวูด
- 10. ฟุตบอลและการเมือง
โอลิมปิกฤดูหนาวที่ปักกิ่งและฟุตบอลโลกในกาตาร์จะเป็นเครื่องเตือนใจว่ากีฬาจะหลอมรวมโลกใบนี้ได้อย่างไร
การแข่งขันกีฬาสำคัญๆ มักจะจบลงด้วยฟุตบอลการเมือง การประท้วงที่มุ่งเป้าไปที่ทั้งสองประเทศนั้นคาดว่าจะเกิดขึ้น แม้ว่าการคว่ำบาตรทีมชาติจะดูไม่น่าเป็นไปได้
ที่มา : https://medium.com/the-rebel-clam/the-economists-shocking-2022-prophecies-73f9bf6987cf