สิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับโบนัสยอดขาย 11.11 ของอาลีบาบาจนถึงตอนนี้
วันที่ 11.11 (วันคนโสด) มาถึงแล้ว เมื่อปีที่แล้ว Alibaba’s อีคอมเมิร์ซชื่อดังสามารถสร้างรายได้รวมประมาณ 74,100 ล้านเหรียญในวันที่ 1 ถึง 11 พฤศจิกายน
- ถ้าลองเปรียบเทียบ ยอดขายออนไลน์ของสหรัฐฯ สำหรับวันขอบคุณพระเจ้า Black Friday และ Cyber Monday มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 25,000 ล้านเหรียญในปีที่แล้ว
- รวมจาก 250,000 แบรนด์ที่เข้าร่วมในวันคนโสดของอาลีบาบาในปี 2020 มีประมาณ 31,000 แบรนด์ที่เป็นสากล บริษัทในสหรัฐฯ มียอดขายสูงสุดรองจากจีน
ในปีนี้ มีแบรนด์จำนวน 290,000 แบรนด์ที่เข้าร่วมกิจกรรม 11.11 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุด โดย Tmall (Taobao Mall ร้านค้าออนไลน์แบบ B2C ภายใต้เครือของ Alibaba) คาดการณ์ว่าจะมีดีลมากกว่า 14 ล้านรายการสำหรับผู้บริโภคชาวจีน 900 ล้านคน
Tmall ย้ำว่าในปีนี้ จะมีส่วนลดเฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ประหยัดพลังงาน(energy-efficient and low-impact products) ตลอดจนการออกบัตรกำนัล “สีเขียว” มูลค่า 15 ล้านเหรียญ (100 ล้านหยวน) เพื่อสร้างแรงจูงใจในการตัดสินใจซื้อของ ตัวอย่างเช่น ผู้ซื้อสามารถรับส่วนลด ~$15 (100 หยวน) หลังจากซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าประหยัดพลังงาน
- นอกจากนี้ Tmall ยังทำงานร่วมกับแบรนด์ต่างๆ เพื่อส่งเสริมการบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำใหม่ๆ ด้วย อีกทั้งแบรนด์ Unilever ยังได้คิดบรรจุภัณฑ์รีไซเคิลที่ปลอดพลาสติกร่วมกับ L’Oréal ด้วย
Cainiao Network แผนกโลจิสติกส์ของอาลีบาบากำลังจะเปิดตัวบรรจุภัณฑ์รีไซเคิลบรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่ ที่บริษัทขนส่ง(ไปรษณีย์) อีก 10,000 แห่งใน 20 เมือง เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของเทศกาล
ในช่วงเวลานี้ พวกเขาคาดว่าเหล่า livestreams ต่าง ๆ จะเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับวันคนโสด โดยแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ของ Alibaba และ Taobao Live เริ่มการประชุมในเดือนตุลาคมที่ผ่าน มีการคาดกันว่าจะมี key opinion leaders 700 คน รวมทั้ง เหล่าเซเลบบิตี้ และตัวแทนแบรนด์ เข้าร่วม
- Li Jiaqi (หรือที่รู้จักในชื่อ Lipstick King) สตรีมเมอร์ชั้นนำของจีน ทำยอดขายทะลุ 1.7 พันล้านดอลลาร์ (~10 พันล้านหยวน) ในช่วงกิจกรรมโปรโมตครั้งแรก
Josh Ghaim ซีอีโอของ Nuria Beauty แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับวีแกนในสหรัฐฯ เข้าร่วม 11.11 เป็นครั้งที่สอง เขากล่าวว่าแบรนด์ดังกล่าวมีการสตรีมแบบ “ต่อเนื่อง” ในเดือนที่แล้วเพื่อเตรียมพร้อม
Small gains (กำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ)
งานในปีนี้จะทำให้แบรนด์เกิดใหม่ได้รับความสนใจมากขึ้นกว่าเดิม โดยที่อาลีบาบาและทีมอลล์จะนำเทศกาลเสนอขายของบริษัทในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และไอร์แลนด์กลับมาอีกครั้ง

“เป้าหมายของ Pitch Fest คือการระบุและบ่มเพาะแบรนด์เล็ก ๆ ที่เกิดใหม่ เพื่อให้พวกเขามีส่วนร่วมใน 11:11 และสร้างความสนใจ รวมถึงทำให้แบรนด์ถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง” Tony Shan, หัวหน้า Tmall Global สาขาอเมริกากล่าวกับ Retail Brew ว่า “เราต้องการช่วยให้แบรนด์สหรัฐกำหนดเป้าหมายและสามารถสร้างการเติบโตในตลาดของจีน”
“การสร้างโมเมนตัมและการปรับขนาดให้กลายเป็นยอดขายถล่มทลายในสหรัฐฯ ยังคงเป็นโอกาสที่คงอยู่” Vivek Pandya ผู้จัดการอาวุโสด้านดิจิทัลเชิงลึกของ Adobe กล่าวเสริม
ถึงกระนั้นก็ตาม Deborah Weinswig ซีอีโอของ Coresight Research กล่าวว่าการตระหนักรู้เกี่ยวกับ Singles Day (11.11) ในสหรัฐอเมริกายังคงมีอยู่อย่างจำกัด แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นปัจจัยหนุนมูลค่าที่ชัดเจนก็ตาม เมื่อเทียบกับ Black Friday แต่จากการศึกษาพบว่า สินค้าด้านสุขภาพ ความงาม และwellness ได้กลายเป็นหมวดหมู่ที่สำคัญสำหรับผู้บริโภคชาวจีน โดย Weinswig กล่าวว่า นี่จะทำให้เราเล็งเห็นโอกาสที่เหนือกว่าความหรูหราสำหรับแบรนด์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบรนด์อินดี้ได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากมีความรู้สึกพิเศษเฉพาะตัว
Weinswig กล่าวว่า “เราได้เห็นการพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบ ที่ผู้คนให้ความสนใจในแบรนด์อินดี้และความงามที่สะอาด” “โดยแบรนด์อิสระเหล่านี้ ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าพวกเขากำลังค้นพบบางสิ่ง ผู้บริโภคมีความสนใจในธุรกิจขนาดเล็กอย่าง มันเหมือนกับว่า ‘ฉันค้นพบแล้ว และฉันเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนี้เหมือนคนพิเศษในคลับ’”
ความอยากลองนั้นมีความสำคัญอย่างในตลาดของสินค้าเสริมความงามที่ค่อนข้างอิ่มตัว
โดยส่วนตัวแล้วฉันคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ช่วยให้แบรนด์อินดี้อยู่รอดในสถานการณ์ที่มีการแข่งขันสูง เพราะผู้บริโภคชาวจีนค้นหาสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ เมื่อพวกเขาพบแบรนด์อินดี้เหล่านั้น พวกเขาจะคุยโม้กับเพื่อนๆ เจอสิ่งที่น่าสนใจเยอะแยะเลย”
Ghaim กล่าว
ที่มา : https://www.morningbrew.com/retail/stories/2021/11/01/what-we-know-about-11-11-china-s-sales-bonanza-so-far