Biguri
Biguri – ร้านโดนัทเล็กๆที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่น เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามีลูกค้าประจำของต่ายคนหนึ่งทักมาหลังไมค์บอกว่าอยากให้ต่ายไปซื้อโดนัทร้าน “Biguri” ให้หน่อย, ชื่อไม่คุ้นหูเลย น่าจะเป็นร้านใหม่ เปิดในเพจของร้านดู มันอยู่ติดกับร้าน Mai Bakery เลย ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก ก็คงเป็นร้านขนมเปิดใหม่อีกร้านทั่วๆไปแหละ ส่งเมสเซนเจอร์ไปที่ร้าน พอน้องส่งรูปขนมมาเท่านั้นแหละ ต่ายรู้เลยว่าไดเอทที่ผ่านมานั้นกำลังจะแตกก็วันนี้แหละ
ต่ายขับรถไปจอดที่หน้าร้านแบบเงียบๆ สั่งขนมมาทานกับภรรยาและลูกน้อยประมาณ 4 ชิ้น (นมฮอกไกโด, ดาร์คชอคฯ, เลมอน และ แกงกะหรี่) เพื่อลองชิม เรามาพูดถึงรสชาติของแต่ละตัวก่อนละกัน ขอพูดถึงแป้งโดนัทของร้านก่อนนะครับ กัดเข้าไปคำแรกแล้วมัน “งุ้บบบบ” เข้าไปเลย คือตัวแป้งนุ่มมมมมมมสุดมาก กัดอีกคำ….”งุ้บบบบบ” โอ๊ยยยยมันดี แล้วตัวครีมนมฮอกไกโด โอ้โหนี่สวรรค์หรือว่าอะไรที่อยู่ในปาก มันจะละมุนลิ้นอะไรขนาดน้านนนน ตัวครีมนุ่ม ไม่เลี่ยน หอมนม คือนมแบบนมจริงๆ ไม่ใช่แบบนมปรุงแต่ง หวานน้อยๆ กินกับตัวแป้ง เข้ากันมาก หายเกลี้ยงเลยหนึ่งลูก
มาเจอตัวเลมอน ตัวครีมด้านบน มีความหวานตัดความเปรี้ยว หอมเลมอนขึ้นจมูก สดชื่น ตัวนี้ถ้าได้ชาร้อนๆสักแก้วจะสุดมาก.ดาร์คช็อคฯตัวนี้ก็เด็ด ทีแรกนึกว่าจะมีแค่ราดซอสด้านบน แต่กัดเข้าไป “เฮ้ย…มีครีมข้างในด้วย” แล้วมันไม่ใช่ช็อคโกแลตตัวเดียวกันนะ ด้านบนเป็นช็อคนมที่มีความนุ่มหวานนิดๆ ข้างในเป็นครีมดาร์คช็อคฯที่ขมติดเปรี้ยวนิดๆตามแบบฉบับช็อคเจ้มจ้น กัดไปพร้อมกับตัวแป้งนี่นัวหนุบหนับ งุ้ยดีย์!
แต่!!! ที่เด็ดสุดๆเห็นจะเป็นเจ้าขนมปังแกงกะหรี่ เป็นขนมปังแบบคาวของทางร้าน ที่ต้องอบมาให้ก่อนเสิร์ฟ ด้านบนโรยด้วยชีสที่เยิ้มๆมาเลย เนื้อขนมปังด้านนอกจะมีความกรอบเล็กน้อยเหมือนขนมปังอบ กัดไปด้านในยังคงนุ่มเหมือนเดิม และสิ่งที่น่าตกใจก็คือความอุ่นของแกงกะหรี่และชีสที่อยู่ข้างใน ผสมผสานเข้ากันได้เป็นอย่างดี (ระวังแกงกะหรี่ย้อยด้วยนะครับ ณ จุดนี้) กัดไปอีกคำ “เฮ้ยยยย…เชี้ยยย…มีไข่ออนเซนอยู่ข้างในด้วยยยยย” ความฟินระดับสิบ คือต่ายเป็นคนชอบทานแกงกะหรี่อยู่แล้ว รสชาติของแกงกะหรี่ทางร้านเป็นคนทำเอง หาสูตรอยู่เป็นเดือนๆ มันไม่เผ็ดมาก กลมกล่อม กำลังดี และเข้ากับตัวขนมปังได้เป็นอย่างดี
ต่ายมีโอกาสได้พุดคุยกับคุณบิ๊กถึงความเป็นมาของทางร้าน คำว่า Biguri ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า “ตกใจ” (เล่นกับชื่อของคุณ big เจ้าของร้านด้วย) เฉกเช่นเดียวกับต่ายที่กัดโดนัทร้านนี้ปุ๊บก็ตกกะใจในความนุ่มของแป้งบันสไตล์โดนัทที่ทำโดย “คุณบิ๊ก” ปั๊บ.ต้องบอกนะครับว่าบันโดนัทร้านนี้เปิดมาได้ไม่นาน แต่ไม่ถึงขั้นกับเป็นร้านน้องใหม่ร้านนี้เป็นที่เดียวกับร้าน Mai Bakery In Garden ซึ่งเป็นร้านของคุณแม่คุณบิ๊กที่เปิดมานานถึง 11 ปีร้านที่ครองใจคนรักขนมเค้กในเชียงใหม่มายาวนาน
พอมาปี 2019 นี้คุณบิ๊กก็มาเปิดร้านบันโดนัทใกล้เพื่อหวังครองใจคนรักโดนัทสไตล์ญี่ปุ่น โดยก่อนที่คุณบิ๊กจะตัดสินใจมาทำร้านนี้คุณบิ๊กก็ได้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ญี่ปุ่นเกือบ 4 ปี คุณบิ๊กเล่าให้ต่ายฟังว่าตัวเขาเรียนจบด้าน Graphic Design ที่ มช. จากนั้นก็ไปทำงานสายตรงที่กรุงเทพฯ แล้วก็ซุ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวเอง 1 ปีก่อนจะบินไปซัปโปโร เมืองหลวงของภูมิภาคฮอกไกโด เพื่อเรียนภาษาญี่ปุ่น พอเรียนจบรู้สึกว่ายังอยากจะทำงานหาประสบการณ์ที่นั้นต่อ เลยพยายามสมัครงานที่ร้านเบเกอร์รี่ในซัปโปโร แต่ทุกร้านที่เขาไปกลับบอกปฎิเสธหมดเลยเพราะว่าเขารับแต่คนญี่ปุ่น แต่คุณบิ๊กก็ไม่ย่อท้อ สมัครๆๆๆไปเรื่อยๆ จนมาเจอร้านหนึ่งเหมือนโชคชะตาเข้าข้าง เจ้าของร้านมีความผูกพันกับเมืองไทย ชอบมาออกบูทขนมที่นี่
“ตอนนั้นผมก็สมัครงานไปเรื่อยๆ จนมาเจอกับร้านหนึ่งที่เจ้าของร้านชอบเมืองไทย เขาถามผมว่าเป็นคนไทยเหรอ แค่นั้นแล้วเขาก็ให้ผมเริ่มงานเลย รู้สึกตัวเองโชคดีมาก”
คุณบิ๊กเล่าให้ต่ายฟังว่าร้านขนมที่คุณบิ๊กไปทำนั้นมีสองสาขาเปิดขายแถวๆ ย่านท่องเที่ยวตอนกลางคืน เขาเริ่มตั้งแต่เป็นเด็กเช็ดถาดตัวเล็กๆ ทำไปเรื่อยๆหลายเดือน จนเจ้าของร้านเริ่มไว้ใจ ก็เริ่มให้เขาลองมาทำขนมตั้งแต่ลองขึ้นรูป จนได้ลองทำเกือบทุกกระบวนการ.
“ตอนทำงานที่ญี่ปุ่นก็จะมีความคิดของคนไทยและของคนญี่ปุ่นที่ต่างกันบ้าง ที่นั้นเขาจะเข้มงวดมาก อย่างบางครั้งเราทำลัดขั้นตอนนิดเดียวเขาก็จะรู้เลย พวกเขาละเอียดมาก แมลงวันตอมขนมนี่คือทิ้งขยะเลยนะครับ ไม่ใช่เอามือปัดๆออก มาตรฐานสูงมากจริงๆจนเราตกใจ ซึ่งมันเป็นเรื่องดีเพราะหลังจากทำที่นั้นหลายปี ก็กลายเป็นนิสัย พอมาอยู่ที่ไทยเราก็อยากทำให้ร้านเดิมของแม่และร้านของผมเป็นแบบนั้นด้วย”
เริ่มตั้งแต่โลโก้ร้านจนถึงการตกแต่ง คุณบิ๊กบอกกับเราว่าตัวร้าน Biguri และ Mai Bakery in garden ล้วนเป็นการร่วมมือร่วมใจของทุกคนในบ้าน
“ตอนผมทำร้านผมตื่นเต้นมากเลยแต่ก็ดีนะครับที่มีคนคอยซัพพอร์ตผมเยอะ — อย่างพี่สาวก็จะดูแลความสวยงามของร้าน มุมถ่ายรูป โทนสีของร้าน ส่วนน้องสาวก็ช่วยออกแบบโลโก้ซึ่งผมไม่แน่ใจนะว่าน้องสาวเอาต้นแบบมาจากผมรึเปล่า แต่เวลามีคนมาทักว่าโลโก้เหมือนผมเลย ผมก็ยอมรับนะ ละก็มีเพื่อนๆญาติๆที่ช่วยผมชิมขนม ส่วนตัวผมก็ดูแลและทำผลิตภัณฑ์ให้อร่อย”
ด้วยความที่คุณแม่ของคุณบิ๊กเปิดร้านขนมเค้กมา ก่อนที่จะเพิ่มเมนูต่างๆขึ้นมาเป็นร้านวันนี้ ตัวคุณบิ๊กเองก็ได้มีโอกาสช่วยคุณแม่ทำ ช่วยคุณแม่ชิมอยู่นาน จนบางคอร์สก็ไปลงเรียนกับคุณแม่ ต่ายก็เลยสงสัยว่าเอ๊ะ และเจ้าขนมปังกับเค้กนี้มันต่างกันไหมคุณบิ๊กก็เล่าให้ฟังว่า
“ตัวขนมปังถ้าเทียบกับเค้กจะมีกระบวนการที่เยอะกว่า เหมือนกับว่าเราเล่นกับสิ่งมีชีวิต แป้งจะเป็นยังไงก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ เวลาทำในแต่ละวันก็เลยไม่เท่ากัน อย่างวันนี้ฝนตกก็แบบหนึ่ง แดดออกก็แบบหนึ่ง วันนี้ต้องเตรียมแป้งตอนกี่โมง ตื่นตั้งแต่ตีสี่เพื่อพยายามเปิดร้านให้ทัน คือมันเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยาก แต่ผมกลับรักมันนะ”
ละต่ายก็สงสัยต่อว่าทำไมต้องเป็นโดนัท
“คุณแม่ชอบทานขนมปังครับ ประกอบกับตอนนั้นผมก็คิดว่าอยากทำโดนัทเพราะว่าน่าจะทำถูกปากคนไทย แล้วที่ร้านเค้กคุณแม่ก็จะมีไส้ต่างๆที่เป็นสูตรของคุณแม่เองเราก็เลยอยากจะมาปรับใช้ เพราะร้านตรงนี้จะมีฐานลูกค้าที่ชอบทานเค้กของคุณแม เราก็เลยคิดอยากจะต่อยอดจากตรงนี้อยากที่จะทำให้ร้านของคุณแม่กลับมาคึกคัก — ส่วนที่โดนัทของเราไม่เจาะรูตรงกลางส่วนหนึ่งก็เพราะผมคิดว่าขนมปังของผมจุดเด่นคือแป้งที่นุ่ม ถ้าตัดออกก็คงไม่ดีเท่าไหร่”
“ร้านที่ผมไปทำงานเมนูที่ขายดีที่สุดของที่นั้นจะเป็นขนมปังโรยเกลือ คนญี่ปุ่นจะชอบทานตัวแป้ง ส่วนพอมาที่ไทยคนไทยจะชอบเป็นครีมมากกว่า ละก็จากที่เปิดร้านมาสิบปีเนี่ย ผมสังเกตเห็นว่าคนไทยกินหวานน้อยลง ไส้หลายๆอย่างที่ผมได้ไอเดียมาจากญี่ปุ่นก็ต้องมาปรับ — ตัวไส้แกงกะหรี่ที่ญี่ปุ่น ตัวด้านในจะใส่หัวมันเป็นลูกๆเลย เพราะที่ฮอกไกโดเขาขึ้นชื่อเรื่องหัวมัน พอทำไส้แกงกะหรี่ที่ญี่ปุ่นก็เลยต้องมีมันอยู่ในขนมปังแต่พอมาทำที่ไทย คนไทยจะชอบอะไรเยิ้มๆผมก็เลยลองใส่ไข่เข้าไปและตัวไส้แกงกะหรี่ผมลองทำมาเป็นเดือนเลยกว่าจะลงตัว ส่วนตัวครีมนมฮอกไกโดใครที่เคยไปญี่ปุ่นก็จะรู้ว่าครีมสดญี่ปุ่นอร่อยมาก ผมก็เลยจำรสชาติตรงนั้นมาจากนั้นก็มาช่วยกันทำคุณแม่เอาให้รสชาติใกล้เคียงที่สุด วัตถุดิบต่างๆแม้จะต่างกันไปบ้างผมก็จะหาที่ใกล้เคียงที่สุด บางไส้ผมบินกลับไปชิมด้วยนะ”.แอบดูนาฬิกาก็รบกวนคุณบิ๊กมาสักพัก ต่ายก็เลยแอบถามคุณบิ๊กว่ามีแผนยังไงในอนาคตบ้าง อย่างหลายๆร้านที่ต่ายไปมาหลายเจ้าก็จะคิดถึงการขยับขยาย พัฒนาสูตรให้ดียิ่งขึ้นและคุณบิ๊กก็เจอคำถามนี้เช่นเดียวกัน
“ร้านนี้คุณแม่ก็สร้างฐานมานานแล้วครับ เราก็อยากจะต่อยอดและทำให้มันดีขึ้นค่อยๆขยายไป ตอนนี้ผมก็โฟกัสที่คุณภาพของขนมและความคงที่ ก็คงจะพัฒนาไปเรื่อยๆเพราะอย่างที่รู้กันว่าลูกค้าจะเข้าๆออกๆ ส่วนตัวผมและคุณแม่ก็ชอบเรียนรู้และไม่หยุดพัฒนาอยู่แล้ว อาจจะเรียนทำขนมเพิ่มนะครับ เพราะผมชอบทางด้านนี้อยู่แล้ว ไม่อยากหยุดเรียนรู้”.สุดท้ายแล้วต่ายก็ได้ถามคุณบิ๊กว่าการที่มาเปิดร้านนี้ ขั้นตอนไหนยากที่สุด.“สิ่งที่ยากที่สุด ผมว่ามันคือกระบวนการคิดยากครับ ยากที่สุด ความท้าทาย การฉีกรูปแบบในการทำไส้ผมว่ามันบยาก กว่าจะได้รสชาติที่โอเคต้องลองให้เพื่อนๆญาติๆชิมกันเยอะเลย”.
โดนัทของร้าน Biguri มีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นแฝงตัวอยู่ในรายละเอียดมากมาย ทั้งเรื่องรสชาติของครีมนมที่นุ่มหอมและไม่หวานจัด ความแป้งที่ละเอียดเนียนลิ้นจนอยากกัดคำแล้วคำเล่า เชื่อเลยว่าเรื่องวัตถุดิบและขั้นตอนการทำทุกอย่างถูกดูแลและพิถีพิถันอย่างแน่นอน อยากแนะนำให้ลองแวะมานะครับผม อร่อยจริงจังจนตอนที่เขียนบทความนี้นั่งกลืนน้ำลายไปด้วยเพราะดูรูป.ร้านนี้หาไม่ยากครับสามารถปักหมุดที่ Mai Bakery In Garden ได้เลย แต่ถ้าใครไม่สะดวกจะออกมา กลัวฝนตกรถติดก็เรียกใช้บริการ Busy Rabbit ได้เลยนะครับผม
ปล.มีคนถามมาหลังไมค์อยู่เสมอว่าต่ายรับเงินไหมในการรีวิว? ตอบเลยว่าไม่ได้รับครับผม
ช่องทางการติดต่อ
Facebook Fanpage : Biguri
เบอร์โทรศัพท์ : 098 329 7673
โลเคชั่น : https://goo.gl/maps/F3BbXXj8w3zmtMuR6