ปริทัศน์ IN TIME : เวลา ชีวิต ความเท่าเทียม
เมื่อมนุษย์ถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้มีอายุได้ถึง 25 ปี และหลังจากนั้นจะมีเวลาต่อไปอีกแค่ 1 ปี หน้าที่ของเราก็คือต้องหาเวลามาเพิ่มถ้าอยากมีจะชีวิตอยู่ต่อ เราต้องหาเวลาและใช้มันอย่างชาญฉลาดเพราะเวลาหมายถึงชีวิต
“เมื่อมนุษย์จะไม่มีวันแก่ และเวลากลายเป็นเงินตรา” คือกรอบและคำบรรยายสังคมของภาพยนต์เรื่อง IN TIME ซึ่งเป็นหนังแนว Scifi ที่ถูกพูดถึงและเป็นที่โด่งดัง เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นสัญชาติอเมริกัน ฉายทั่วโลกในปี 2011 ที่เขียน กำกับและอำนวยการสร้างโดย Andrew Nicco,l Amanda Seyfried และ Justin Timberlake โดยมีตัวละครเอกคือเจ้าชายแห่งวงการเพลงป๊อบอย่าง Justin Timberlake และ Amanda Seyfried มาแสดงนำ ด้วยเนื้อหาและฝีมือการแสดงของทั้งสองคน ทำให้อินไทม์กลายเป็นหนึ่งในภาพยนต์แนววิทยาศาสตร์ที่สนุก ดูได้หลายรอบ และ มีเนื้อหาที่ไร้กาลเวลา(timeless)
ในช่วงต้นของหนัง เราจะพบว่าการมีเวลามากมายอยู่ในมือมันน่ากลัวยิ่งกว่าการมีทรัพย์สินในตอนนี้เสียอีก ก็แน่นอนสิ ใคร ๆ ก็เห็นสิ่งที่มีค่าทั้งหมดของเรา เพียงแค่เราถลกแขนเสื้อขึ้น ไม่แปลกเลยที่ในหนังเรื่องนี้เราจะเห็นอาชญกรรมมากมายไปหมดในเมืองที่ทุกคนไม่ได้ร่ำรวย
วิล ซาลาส
“ทุกคนจะฆ่าคุณ เพียงเพราะคุณมีเวลาในข้อมือเกินหนึ่งเดือน”
ชีวิตของหนุ่มโรงงานยากจนไม่มีอะไรให้น่าพูดถึง จนกระทั่งเขากลายเป็น วิล ซาลาส ชายหนุ่มอายุ 28 ปี(ตามเวลาจริง) ได้ช่วยชีวิต เฮนรี แฮมิลตัน เศรษฐีเวลาที่มีเวลาอยู่ในมือหนึ่งศตวรรษ และมีอายุมาแล้ว 105 ปี (มีการเปิดเผยเนื้อหา) หลังจากที่วิลช่วยเขา เฮนรีก็ให้เวลาทั้งหมดแก่วิล
เศรษฐีที่ร่ำรวยมอบเวลาทั้งชีวิตให้กับวิล ทำให้ตัวละครของวิลโดดเด่นขึ้นมาทันที และการที่คนคนหนึ่งอยู่ ๆ ก็เป็นมหาเศรษฐี เป็นเรื่องที่มนุษย์ในระบบทุนนิยมอย่างเราชอบ แต่ว่าก่อนที่วิลจะได้รับทั้งหมด เขาพยายามปปฏิเสธที่จะรับเวลาจากเฮนรี และรับฟังสิ่งที่เขาพูดถึงความจริงเกี่ยวกับเวลา ซึ่งคนอย่างเขา แทบจะไม่เคยคิดถึงมันเลย
“เพื่อให้คนสองสามคนเป็นอมตะ คนมากมายต้องตาย” — เฮนรี พูดประโยคนี้เพื่อจะให้วิล ได้เห็นภาพความเหลือล้ำในสังคมที่เขามองเห็นมันมาทั้งชีวิตแล้ว ซึ่งเรื่องนี้มันยังแอบสะกิดให้เรานึกถึงประเด็นในโลกของเรา ที่ว่าจะมีคนบนโลกเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้นที่จะเป็นมหาเศรษฐี
และเรื่องก็ดำเนินให้เราคิดกันแบบเจ็บแสบว่า
“เรื่องมันควรจะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เพราะว่าคนทั้งโลกไม่ควรที่จะเท่าเทียมกันในการมีชีวิตอยู่ ภาษีต้องแพง ค่าครองชีพต้องขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าจะต้องมีคนตาย ทั้ง ๆ ที่มันมีเวลามากพอที่คนจะอยู่ได้จนกว่าจะถึงเวลาตายของพวกเขา” ซึ่งพอฟังถึงประโยคนี้ อย่างวิเคราะห์ก็คิดได้ว่า กลไกธรรมชาติในตอนนี้ดีอยู่แล้วที่คนเราจะต้อง “เกิด แก่ เจ็บ ตาย”
เพราะต่อให้เราหยุดยั้งความแก่ได้ เราก็ควรต้องตายอยู่ดีเพราะโลกนี้มีที่ไม่กว้างพอที่จะให้ทุกคนมีชีวิต
ในเช้าถัดมา เฮนรีมอบเวลาทั้งหมดให้กับวิล แล้วบอกเขา “อย่าใช้เวลาของเขาอย่างไร้ค่านะ”
ก่อนที่จะให้เวลากับวิล เฮนรี่ถามเขาว่าเขาจะใช้เป็นศตวรรษทำอะไร วิลก็แค่บอกว่าจะใช้มันให้เป็นประโยชน์และเลิกมองดูมัน ฟังดูแล้วเหมือนกับว่าเขาก็จะแค่ใช้ชีวิตเพื่อทำอะไรที่เขาอยากจะทำโดยไม่ต้องกังวลอะไร แต่เมื่อเขาได้เวลานั้นมาจริง ๆ มันกลายเป็นเรื่องเป็นราว
“เขาพยายามจะพาแม่ย้ายไปอยู่ในที่ที่ดีกว่า ในเมืองที่ชื่อว่านิวกรีนิช ที่แห่งนั้นเป็นที่ที่การมีเวลาเป็นร้อยปีบนข้อมือเป็นเรื่องปกติ — แต่เหมือนจุดเริ่มต้นของฮีโร่หลาย ๆ เรื่อง คนเป็นแม่เสียชีวิตด้วยกลไกเวลาก่อนที่ตัวเอกของเราจะมีชีวิตที่มีความสุขกับแม่ของเขา”
วิลเดินทางไปที่นิวกรีนิ ซเพื่อจะให้พวกที่ร่ำรวยต้องชดใช้ที่เขาเสียแม่ไปจากกลไกเวลาที่คนจากศูนย์กลางตั้งขึ้น
ฟิลิปส์ ไวส์ ชายที่ร่ำรวยมาก ๆ เขามีเวลาอยู่ในข้อมือเป็นพันปีกล่าวกับวิล ซาลาส เพื่อนใหม่ที่พึ่งเจอกันบนโต๊ะโป๊กเกอร์ว่า
“วิวัฒนาการมันไม่ยุติธรรมอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
ดูก็รู้ว่ามันง่ายดายแค่ไหนสำหรับผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของวิวัฒนการจะพูดว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาที่การมีเวลามันไม่เท่าเทียม
ซิลเวีย ไวส์
“มีเวลา แต่ไม่มีชีวิต”
ซิลเวีย ไวส์ ลูกสาวของฟิลิปส์ ไวส์ เธอเกิดมาในนิวกรีนิซ มีพ่อผู้มั่งคั่ง เธอแปลกใจกับการวิ่งของวิล เพราะในเมืองที่ทุกคนมีเวลาอย่างมากมาย “ในนิวกรีนิซไม่มีใครรีบ” ซิลเวียและวิลตกหลุมรักกันแทบจะในทันทีที่ทั้งคู่ทำความรู้จัก ก่อนที่ลีออน ผู้รักษาเวลา(ตำรวจเวลา) ตามมาจับวิล ซาลาสในงานปาร์ตี้
“คุณคิดว่าคนที่มีชีวิตที่แทบจะเป็นอมตะได้ อยากตายอย่างนั้นเหรอ?” นั่นคือสิ่งที่ผู้รักษาเวลาคิด และทำให้วิลถูกตั้งข้อหาโจรกรรม แม้ว่าผู้รักษาเวลาจะยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าวิลได้เวลามาอย่างสุจริตหรือไม่ เขาก็ไม่สนใจ เขาสนใจแค่เวลานั้นมันอยู่ถูกมือ
วิลถูกริบเวลาที่เขาได้มาเหลือเพียงสองชั่วโมง และระหว่างนั้น เขาก็พาซิลเวียหนีการจับกุม ในตอนแรกซิลเวียไม่เห็นด้วยและคิดว่าเขาคือคนที่ฆ่า เฮนรี จริง ๆ และขอให้วิลพาเขากลับบ้าน แต่วิลไม่ยอมเพราะสำหรับเขา เขาต้องการให้ซิลเวียเป็นตัวประกันเพื่อจะให้เขาได้มีชีวิตอยู่ต่อ
และสิ่งแรกที่วิลต่อรองเพื่อแลกกับตัวของซิลเวียก็คือ
“เวลา 1,000 ปีฟรี ๆ บริจาคให้กับคนในสลัม” เวลาหนึ่งพันปีเป็นอะไรที่เล็กน้อยมาก ๆ สำหรับครอบครัวไวส์ แต่ฟิลิปส์ผู้เป็นพ่อกับคิดว่ามันมากเกินไปสำหรับคนอื่นที่ไม่ใช่คนในนิวกรีนิซ
เรื่องราวดำเนินต่อไป วิลกับซิลเวียใกล้ชิดกันมากขึ้น ในขณะที่วิลรออย่างมีความหวังว่าฟิลิปส์จะบริจาคเวลาให้กับ แต่เขาก็ต้องผิดหวังฟิลิปส์ไม่ยอมบริจาคเวลาหนึ่งพันปีให้กับคนในสลัม ซิลเวียเริ่มเห็นใจคนที่ใช้ชีวิตแบบวันต่อวันมากขึ้น และยิ่งงงกับความเท่ของตัวละครวิลที่ไปให้เวลากับผู้รักษาเวลาที่เกือบจะฆ่าเขา ระหว่างที่เขากำลังปล่อยตัวซิลเวีย
แล้วมันก็เปลี่ยนเป็นหนังนักปฏิวัติ
ซิลเวียถูกออกหมายจับเพราะช่วยเหลือวิล ในขณะเดียวกันการที่มีคนพยายามจะปลดปล่อยผู้คนจากการ “อดยากเวลา” ทำให้ฟิลิปส์และผู้ร่วมลงทุนกับตลาดเวลาวุ่นวายใจมากขึ้นเพราะว่านั่นจะทำให้ “ตลาดล่มสลาย”
เพื่อช่วยเหลือซิลเวียให้ออกมาจากสถานะตัวประกัน ฟิลิปส์พยายามจะให้มีการช่วยเหลือ แต่ไม่ทันแล้วซิลเวียตกลงที่จะร่วมมือกับวิลในการทำลายตลาดเวลา และนั่นทำให้เธอถูกออกหมายจับ แม้ฟิลิปส์จะพยายามติดสินบน ลีออนก็ไม่ยอม
เมื่อควบคุมสถานการณ์ไม่ได้วิลกับซิลเวียก็เริ่มทำการโจรกรรมครั้งใหญ่ขึ้น นั่นก็คือปล้นรถของธนาคารเพื่อพุ่งชนธนาคารและแจกจ่ายเวลาให้กับทุกคน การแจกจ่ายเวลาให้คนในสลัมของวิลและซิลเวียทำให้ผู้คนในสลัมมีความหวัง แต่มันก็ทำให้วิลและซินเวียต้องเป็นศัตรูกับทุกกลุ่มอำนาจ เจ้าของธนาคารเวลา(ฟิลิปส์ ไวส์) ผู้รักษาเวลา (ลีออน เรย์มอน) และกลุ่มอันธพาล (กลุ่มที่จะฆ่าเฮนรี แฮมิลตัน)
ในช่วงหนึ่งการแจกจ่ายเวลาให้กับผู้คนอย่างเท่าเทียมเหมือนจะเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่มีเวลา แล้วจะใช้เวลาได้อย่างชาญฉลาด บางครั้งเวลาก็ไม่ได้รับประกันว่าเราจะมีชีวิต เพื่อนของวิล บาโรลได้รับเวลาจากวิลไป 10 ปี ตอบแทนที่เป็นเพื่อนกันมา และบาโรลใช้เวลานั้นไปดื่มในบาร์ จนกระทั่งเขาตาย ทั้ง ๆ ที่ข้อมือมีเวลาเหลืออยู่ 9 ปี
“ถ้าเราไม่ใช่ชีวิตโง่ ๆ เราก็คงอยู่ได้เป็นอมตะ”
ในที่สุดกลุ่มอันธพาลก็หาตัววิลและซิลเวียจนพบ หัวหน้าแก๊งค์ท้าวิลให้ต่อสู้ซึ่งสุดท้าย วิลชนะและแก๊งค์นั้นทั้งแก๊งค์ตาย แต่ก่อนจะตายเขาได้พูดประโยคหนึ่งที่น่าสนใจ
“ที่ตำรวจไม่ยุ่งกับฉัน เพราะฉันขโมยเวลาจากคนของฉัน — หลังจากที่ฉันจัดการกับนาย ฉันจะจัดการเธอ(ซิลเวีย) และไปรับรางวัลสำหรับการทำสิ่งที่ถูกต้อง”
ย้อนไปเมื่อ 20 ปีก่อน พ่อของวิลเป็นนักสู้ โดยวิธีการเล่นของเขาก็คือการเล่นงัดข้อ พ่อของเขาต่างกับนักสู้คนอื่นก็คือเมื่อเขาชนะ เขาจะนำเวลามาแจกจ่ายให้กับคนอื่น วิลเชื่อว่าสิ่งที่ทำให้พ่อเขาตายไม่ใช่การต่อสู้ แต่คือการฆาตกรรม เพราะพ่อของเขา “ไม่ได้สู้เพื่อเอาเวลา แต่สู้เพื่อเอาเวลาไปแจกจ่ายคนอื่น” เช่นเดียวกับวิล เขาอยากจะปลดแอกโครงสร้างแบบนี้
และเมื่อเวลากระจายไปอยู่ในมือคนในสลัมมากขึ้น ไวส์ก็ต้องคิดที่จะหามันคือโดยการขึ้นราคาสินค้าเป็นเท่าตัว วิล ซาลาส มองสิ่งที่เกิดขึ้นและพบว่าสิ่งที่เขาทำแทบจะไม่มีประโยชน์ เวลาที่เขาโจรกรรมมาแจกจ่ายเป็นเพียงแค่การกระทำฉาบฉวยที่ให้ผลลัพธ์เพียงน้อยนิด
ซิลเวียพาวิลกลับไปหาพ่อของเธอ (ฟิลิปส์ ไวส์) เพื่อจี้เอาเวลา 1 ล้านปี เขาเปิดตู้เซฟและเอาเวลา 1 ล้านปีมาได้สำเร็จ
“คุณรู้ไหมว่าหนึ่งล้านปีนี้มาสามารถทำประโยชน์อะไรได้บ้าง” วิลเอ่ยถามกับฟิลิปส์
“ผมรู้แค่ว่ามันทำอันตรายได้ขนาดไหน ถึงจะให้เวลาไปมากแค่ไหน มันก็แค่การยืดเวลาความเจ็บปวดให้กับพวกเขา”
ฟิลิปส์พยายามจะบอกทั้งสองคนว่าการกระจายเวลาหนึ่งล้านปีไปผิดเขต สามารถที่จะทำให้ระบบเวลาทั้งโลกล้มได้ แต่ก็เปลี่ยนใจไม่ได้เพราะนั่นคือสิ่งที่วิลและซิลเวียต้องการ
“เราไม่ได้มีชีวิตขึ้นมาเพื่อให้อยู่ตลอดไป พ่อเคยมีชีวิตจริงๆสักวันบ้างไหม?”
“ลูกอาจจะเปลี่ยนสมดุลชีวิตคนไปได้ รุ่นหรือสองรุ่น แต่สุดท้ายทุกอย่างมันก็จะเหมือนเดิม เพราะทุกคนอยากจะมีชีวิตตลอดไป และเพื่อให้คนสองสามคนมีชีวิตอยู่ตลอดไป คนจำนวนมากต้องตาย”
แต่วิลและซิลเวียไม่ได้สนใจคำพูดของไวส์ พวกเขามุ่งหน้าไปที่สลัมและคิดที่จะทำลายระบบเวลาในเขตอื่นด้วย เมื่อถึงเขตสลัม เขาก็ส่งเวลาไปแจกจ่ายได้สำเร็จ และทำให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับเรย์มอน และต้องขอติดสปอยตัวใหญ่ในช่วงเวลาที่ตัวละครที่มีความสำคัญเอาปืนจ่อหัว ผู้ชนะคือ “วิลและซิลเวีย”
ซิลเวียและวิลยังค้นถูกทางการตามล่าต่อไป และพวกเขาก็มีเป้าหมายที่จะปล้นธนาคารที่ใหญ่ขึ้น
นี่คือตัวอย่างของการทำลายระบบตลาดเวลาที่ปล้นเวลาจากคนรวย เพื่อมาแจกจ่ายให้แก่คนทุกคน (ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ถ้าวิลกับซินเวียทำอย่างนั้นคงโดนหมายจับจากทุกประเภทและการทรมานทรกรรมด้วยรูปแบบต่าง ๆ ดั่งที่เราเคยเห็นจากนักปฏิวัติ) อย่างไรก็ดีเรื่องนี้ทำให้เราเห็นว่าการปฏิวัติและระบบทุนมันเปราะบางเพียงใด
เราเห็นจุดเริ่มต้นของความเท่าเทียม จากการที่มีการเคลื่อนย้ายของคนจำนวนมากไปในเขตที่เจริญกว่า โรงงานต่าง ๆ ถูกปิดลง เพราะไม่มีคนมาทำงาน ผู้รักษาเวลาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกลับบ้าน
ภาพยนต์เรื่องนี้ปิดเรื่องโดยการให้ตัวเองของเรื่องประสบความสำเร็จในการแจกจ่ายเวลาให้คนทั่วโลก หนังจบแบบชื่นใจและทำให้เราได้เห็นโลกในมุมใหม่ที่ในที่สุดความเหลื่อมล้ำก็ถูกทำให้เท่าเทียม แต่ภาพยนต์เรื่องนี้ไม่สามารถตอบคำถามและทิ้งคำถามไว้ว่า
“ถ้าทุกคนเท่าเทียมกัน แล้วแต่ละคนจะใช้ชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร?”
ซึ่งผู้เขียนเดาว่านี่คือกรอบคิดของคนที่ใช้ชีวิตบนไม่ความเท่าเทียมมาตลอดชีวิตถึงจะคิดคำถามแบบนี้ออกมาได้ แต่ถ้าเรามีชีวิตที่เท่าเทียมเหมือนประชากรในภาพยนต์เรื่องอินไทม์ เราคงมีคำถามอื่นหรือตอบคำถามนี้ได้
แต่ก่อนที่เราจะรู้ว่าคนที่เกิดมาบนความเท่าเทียมจะคิดถึงอะไร ขณะนี้ความเหลื่อมล้ำเป็นปัญหาหลักที่รัฐบาลต่าง ๆ ควรให้ความสำคัญ และดำเนินนโยบายที่จะช่วยกระจายความมั่งคั่ง ส่งเสริมสิทธิแรงงานขั้นพื้นฐาน ดำเนินมาตราการค่าแรงให้สอดคล้องกับค่าครองชีพ รวมถึงแก้ปัญหาการเลือกปฏิบัติทางเพศ เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นทั่วโลก เพราะหากย้อนกลับมามองโลกจริงของเรา ดราม่าเรื่องความไม่เท่าเทียมมันมากเกินกว่าที่เราจะมองเห็นในหนังไซไฟได้
และ ในโลกที่เงินก็เป็นแค่กระดาษ — แน่นอนว่ามันไม่ได้มีความหมายถึงขั้นทำให้เราหยุดหายใจเหมือนเวลาสีเขียวในหนัง แต่มันควรที่จะมีคนที่ต้องอยู่อย่างอัตคัด ในขณะที่คนเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ใช้ชีวิตอย่างอู้ฟู่จริง ๆ เหรอ?