Happy 38th
นี่เราจะอายุ 38 แล้วจริงๆเหรอเนี้ย?
คำถามนี้ผุดขึ้นมาในหัวตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมาเพราะเข้าใกล้วันคล้ายวันเกิดของตัวเองอีกครั้งหนึ่งแล้ว มันเป็นคำถามที่ชวนตื่นเต้นและใจหายในเวลาเดียวกัน
ตื่นเต้นเพราะรู้สึกว่า “มีอะไรอีกมากมายที่อยากทำ“
ใจหายเพราะรู้สึกเช่นเดียวกันว่า “มีอะไรอีกมากมายที่อยากทำ“
ช่วงเวลาที่ผ่านมาตลอด 38 ปีมีทั้งดีและแย่ปะปนกันไปเหมือนกับทุกคนนั้นแหละ แม้อาจจะโชคดีหน่อยที่มีดีมากกว่าแย่ ต้องขอบคุณเตี่ย แม่ พี่สาว ภรรยา ลูกสาว เพื่อน เพื่อนที่ทำงาน ไม่ว่าจะที่บริษัทหรือคนที่ทำงานด้วยกันออนไลน๋ คนที่อยู่รอบข้างทุกคนที่ทำให้ช่วงที่ผ่านมานั้นเป็นความทรงจำที่ดีเสมอมา
ปีนี้ผมเห็นการเติบโตของตัวเองอย่างหนึ่งที่ชัดเจนขึ้นก็คือเรื่องของ “การไม่ยึดติด” กับความล้มเหลวมากมายเหมือนสมัยก่อน อาจจะเป็นเพราะการทำธุรกิจนั้นเราได้เจออุปสรรคมากมาย มากกว่าทุกช่วงชีวิตที่ผ่านมา การได้ยินคำว่า “no” หรือ “ยังไม่ดีพอ” อยู่บ่อยๆนั้นกลายเป็นสิ่งที่ไม่ได้ทำให้จิตใจว้าวุ่นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถ้ายังเป็นวัยรุ่นหรือตอนที่เริ่มทำงานใหม่ๆ ถ้าเจอเหตุการณ์คล้ายคลึงกัน อย่างเจออาจารย์บอกว่างานยังไม่ดีพอ หรือ หัวหน้างานบอกให้แก้งานใหม่ครั้งแล้วครั้งเเล่า ก็คงจะนอยและดาวน์ไปพักใหญ่ๆ แต่สำหรับตอนนี้มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นแล้ว
ไม่ได้หมายความว่าไม่เสียใจนะ, แต่แค่รู้สึกว่าเราไม่มีมีเวลามาเสียใจอะไรมากมาย อย่างที่บอกว่า “มีอะไรอีกมากมายที่อยากทำ” แล้วถ้ามัวแต่มานั่งเสียใจเพราะโดนปฎิเสธ สู้เอาเวลาที่เสียใจนั้นไปทำอย่างอื่น ไปแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือแม้แต่คิดอะไรใหม่ๆออกมาดีกว่าไหม?
เลยกลายเป็นความรุ้สึกที่ไม่ค่อยยึดติดกับการโดนปฎิเสธไปแล้ว จะ “no” ก็โอเค จะ “yes” ก็ยินดี ก็ทำของเราให้ดีที่สุด
ระหว่างที่เราแก่ตัวลง เราเห็นลูกสาวที่กำลังเติบโตขึ้น เขาทำให้ผมเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะการเป็นพ่อคน
ผมบอกได้เลยว่าผมไม่ใช่พ่อที่ดีที่สุดในโลก, ไม่ใกล้เคียงเลยด้วยซ้ำ
ผมยังคงบกพร่องในหลายๆเรื่อง อารมณ์เสียง่าย ขี้รำคาญ ไม่ชอบเสียงดัง ฯลฯ การได้อยู่กับลูกในหลายๆครั้งเขาก็จะมีความสามารถในการจี้จุดเหล่านี้ได้แบบไม่ต้องพยายามมาก เหมือนรู้ว่าเราจะอารมณ์เสียถ้าทำแบบนี้ ก็ทำเลยดีกว่า
ย้อนกลับไปดูตัวเอง, เราก็เคยเป็นแบบเดียวกัน
เตี่ยบอกอย่าทำ, ทำ
แม่บอกอย่าไป, ไป
พี่บอกอย่ายุ่ง, ยุ่ง
ลูกมันได้เรามาหมดเลย ไอ้นิสัยกวนตีนได้โล่ห์คือที่หนึ่ง อยู่กับลูกคือการฝึกความอดทนอย่างมหาศาลเลยทีเดียว
แต่เมื่อเป็นแบบนั้น, เรายิ่งต้องระวัง เมื่อเราเห็นแล้วว่าเขาเรียนรู้จากการกระทำของเรา นิสัยต่างๆที่เรากำลังแสดงออกให้ลูกเห็น การรำคาญ การทำเสียงดุ การพูดจากระแทกแดกดัน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เขาเรียนรู้จากเรา และถ้าไม่ระวังเขาก็จะไปทำกับคนอื่นต่อ
หลังๆมาพออยู่กับลูกก็จะได้ถอนหายใจยาวๆหลายๆครั้งแล้วคิดว่า “เอาหน่า…มีอะไรอีกมากมายที่อยากทำ” จะมานั่งเสียเวลาอารมณ์เสียไปทำไม ใช้เวลากับเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ดีกว่า แค่นั้น
สิ่งที่เรียนรู้อีกอย่างในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคือเรื่องของการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ซึ่งเมื่อก่อนบอกได้เลยว่าผมจะพยายามพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น เพียงแค่ให้ได้เก่งกว่าคนอื่นๆที่ผมตั้งเป้าเอาไว้ เหมือนเป็นหมุดหมายที่พอเอาชนะได้ ก็จะไปอีกอันหนึ่งแล้วก็อีกอันหนึ่ง
วิธีนี้เหนื่อย…เหนื่อยมาก เพราะเราจะเทียบตัวเองกับคนอื่นเสมอ เขาทำแบบนี้ได้ เขาทำแบบนู้นได้ เขามีบ้าน เขามีรถ เขามีคอนโด เขามีบริษัทหลายร้อยหลายพันล้าน…
มันไม่มีทางสิ้นสุด มันไม่มีทางรู้เลยว่าเราจะไปหยุดตรงไหน ตรงไหนเหรอที่เราคิดว่าเราพอใจ มันไม่มี เหมือนม้าที่พยายามวิ่งไล่ตามแครอทที่ห้อยต่องแต่งอยู่ตรงหน้า แต่ไม่มีว่าวิ่งให้ตายยังไงก็ไไม่มีวันที่จะได้แครอทชิ้นนั้น
รู้ตัวก็ตอนเหนื่อย รู้ตัวก็ตอนที่ burn out ร่างกายมันบอกเลยว่ามึงไม่ไหวแล้ว มึงจะใช้ชีวิตแบบนี้อีกต่อไปไม่ได้แล้วนะ เพราะฉะนั้นมึงหยุดแล้วปรับเปลี่ยนวิธีคิดของมึงเดี๋ยวนี้
มึงอยากเก่ง มึงแค่เก่งกว่าตัวเองเมื่อวานก็พอแล้ว “มีอะไรอีกมากมายที่อยากทำ” เรายังเติบโตได้อีกเรื่อยๆ อย่าไปเทียบกับคนอื่น แค่นั้นจริงๆ
Happy 38th, มีอะไรอีกมากมายที่อยากทำ