SOPON’S BLOG
2 เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จด้านการเงิน
November 28, 2022
สูตรลดน้ำหนัก 4 กิโล ใน 4 สัปดาห์ : ไม่ต้องพึ่งยา แถมยังไปกินชาบูอีกต่างหาก
November 26, 2022
ฟีดแบคที่ดี ไม่ได้ดีเสมอไป : รับมือยังไงเมื่อเจอฟีดแบคหนัก ๆ ตรง ๆ และต้องปรับตัว
November 24, 2022
ปีใหม่ คนเก่า : จะเปลี่ยนตัวเองได้ ต้องรับตัวเองที่ไม่สมบูรณ์ให้ได้ก่อน
November 21, 2022
20 บทเรียนจากนักจิตบำบัดที่จะช่วยให้ชีวิตดีขึ้น
November 20, 2022
Facebook Twitter Youtube Instagram Medium Bootstrap
SOPON’S BLOG

Type and hit Enter to search

  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Tech
    • Business
    • Thoughts
    • Science
    • Startups
    • Lifehack
    • People
    • Travel
    • Inspiration
  • Podcast
  • About
  • Contact
  • Follow
    • Facebook
    • Twitter
    • Instagram
    • Blockdit
    • Telegram
FeaturedTechThoughts

ถ้า Facebook จะตายหายไปจากโลกนี้?

sopons
October 23, 2020 2 Mins Read
98 Views
0 Comments

Facebook เป็นบริษัทที่ใหญ่มาก ทั้งในเรื่องของมูลค่าทางตลาดและการเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้ใช้งานทั่วโลก ถ้าเปรียบโลกใบนี้เป็นมหาสมุทร จะบอกว่าพวกเขาเป็นวาฬสีน้ำเงิน สิ่งมีชีวิตที่ขนาดใหญ่ที่สุดในนี้ก็ไม่ผิดอะไรนัก และถึงแม้จะมีศัตรูอยู่บางในบริเวณใกล้เคียง แต่ก็แทบจะไม่มีนักล่าคนไหนที่สามารถทำอันตรายมันได้เลย ซึ่งถ้าใครเคยอ่านนิทาน Pinocchio คุณผมเราท่านที่ใช้งานกว่า 2.3 พันล้านคนทั่วโลกก็เหมือนนั่งอยู่ในท้องวาฬตัวนี้ เขาอยากพาไปไหนก็ต้องไปด้วยกันนี้แหละ

แต่ช่วงที่ผ่านมาวาฬตัวนี้ก็เหมือนกำลังว่ายผ่านมหาสมุทรที่คลื่นลมพายุหนักหน่วง ลูกแรกเจอเรื่อง Cambridge Analytica ที่ไปมีส่วนพัวพันกับรัสเซียและการเลือกตั้งของอเมริกาครั้งล่าสุด หุ้นร่วงกรูด หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยการลบบัญชีกว่า 600 บัญชีที่ส่อพฤติกรรมแปลกๆ “inauthentic behavior” ต่อด้วยการที่จะโดนฟ้องร้องเรื่องความเสียหายต่อการเปิดเผยข้อมูลบัญชีอีก 50 ล้านคน แถมท้ายโรยผักชีด้วยผู้ก่อตั้ง Instagram และ WhatsApp ออกจากตำแหน่ง

เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในปีที่แล้วเพียงปีเดียว

แล้วจำได้ไหมตอนช่วง 2016 ที่พวกเขาบอกข้อมูล analytics ที่ไม่ถูกต้องให้กับเหล่าบริษัทโฆษณาทั้งหลาย? ที่จริงประวัติพวกเขาก็ไม่ค่อยสวยหรูเท่าไหร่นัก

และทุกครั้งที่ข่าวฉาวเหล่านี้เกิดขึ้นก็จะมีบทความเขียนขึ้นมาประมาณว่า “หรือนี่คือจุดจบของ Facebook?” (ก็อารมณ์คล้ายๆแบบที่อ่านอยู่นี้แหละ) แต่สุดท้ายปลาวาฬตัวนี้ก็ยังอยู่ว่ายน้ำอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน แต่คำถามต่อมาคือจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนต่างหาก?

มีหลายๆปัจจัยที่ไม่อาจรู้ที่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพของบริษัทในอนาคต และการขยายฐานเข้าไปในธุรกิจอื่นๆก็ไม่ได้การันตีว่าจะประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก (อย่าง dating หรือ oculus)

แต่ถ้าเราจะลองปล่อยให้จินตนาการเตลิดเปิดเปิงแล้วคาดเดากันว่า “ถ้า” facebook จะตายจริงๆจะเกิดเพราะสาเหตุอะไร มีอะไรที่สามารถจะทำให้วาฬสีน้ำเงินตัวนี้ต้องยอมรับสภาพและพ่ายแพ้ไปในที่สุดบ้าง? (แต่นี้ก็เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวนะครับผม เอาสนุกๆดีกว่า)

มาดูกัน

  1. ผู้คนย้ายบ้านไปใช้โซเชียลมีเดียที่อื่น (ความเป็นไปได้ : น้อย)

จำ Google Plus, Ello หรือ Peach ได้ไหม? กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่คนพยายามติดป้ายว่านี่คือ “Facebook Killer”

มันยังไม่เกิดขึ้น และน่าจะเป็นไปได้ยาก เราจะปิด Facebook หรือ Instagram ของเราจริงๆเหรอ? เพียงเพื่อจะไปใช้สื่ออื่นที่ทำหน้าที่คล้ายๆกัน? แล้วต้องมานั่งเพิ่มเพื่อนใหม่อีกครั้ง? ส่วนตัวคิดว่าน่าจะไม่ทำ

เราใช้เวลานานหลายปีเพื่อสร้างบัญชี Facebook อันหนึ่งขึ้นมา ไหนจะรูปบนบัญชีนั้นอีกที่ไม่รู้แล้วว่าต้นฉบับไปอยู่ไหนแล้ว จะโยกทั้งหมดไปที่ใหม่คงเป็นเรื่องที่ลำบาก มันเหมือนกับว่าโซเชียลมีเดียต่างๆ ทั้ง MySpace, Hi5, Xanga และต่างๆได้ลงวิ่งแข่งมาหมดแล้ว ผู้ชนะก็คือ Facebook, Snapchat อาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะกวนใจ Facebook แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่อินกับมันสักเท่าไหร่ (ส่วนมากจะเป็นเด็กวัยรุ่นมากกว่า)

ส่วนปกติแล้วเมื่อใดก็ตามที่ผู้บริโภครู้สึกไม่ชอบผู้ให้บริการ พวกเขาก็ย้ายไปที่อื่น แต่ในเคสของ Facebook นั้นแทบเป็นไปไม่ได้ ถ้าพวกเขาไม่ซื้อคู่แข่งไปแล้ว ก็สามารถหาวิธีดึงฟีเจอร์มาเป็นของตัวเองได้ในที่สุด เรามีทางเลือกคือใช้หรือไม่ใช้แค่นั้น

  1. Amazon ซื้อ Facebook (ความเป็นไปได้ : มากขึ้นมาหน่อย)

คือ…ทำไมมันจะเป็นไปไม่ได้? เราเห็นการรวมตัวกันของธุรกิจที่คาดไม่ถึงในอดีตมามากมาย (โดยเฉพาะในในธุรกิจมีเดีย) แล้วจะมีอะไรมาการันตีว่าสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า? ลองจินตนาการดูว่า Facebook powered by Amazon จะเป็นยังไง? แล้ว Amazon จะสร้างเงินจากข้อมูลมากมายจาก Facebook ได้มากขนาดไหน?

  1. หุ้นร่วงลงเรื่อยๆและก็ตายไปในที่สุด (ความเป็นไปได้ : มากขึ้นกว่าเดิม)

ผมไม่ได้เป็นกูรูในเรื่องตลาดหุ้นหรือแม้แต่การวิเคราะห์มูลค่าของบริษัท แต่การเติบโตของหุ้น Facebook นั้นเริ่มต้นที่ $42 ไปไกลสุดที่ $209 ซึ่งการเติบโตนี้มาจากจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นและรายได้ที่เติบโตตามมาด้วย แต่ตอนนี้สิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญคือจำนวนผู้ใช้งานที่เริ่มคงที่ ไม่เติบโตเหมือนเมื่อก่อน และคนก็เริ่มกังวลกันมากขึ้นว่าจะเป็นยังไงต่อ

ถ้าผู้ใช้งานไม่เพิ่มขึ้น รายได้ก็ไม่เพิ่มขึ้น ราคาหุ้นจะไปทางไหนกัน?

สิ่งหนึ่งที่จะชี้วัดความเป็นความตายของพวกเขาคือ : นวัตกรรม ซึ่งก็ไม่มีใครรู้เลยว่าจะออกมาในรูปแบบไหน (อาจจะเป็น Blockchain ในรูปแบบของตัวเอง) และนักวิเคราะห์หลายคนบอกว่าภายในปี 2020 ราคาหุ้นจะกลับมาอยู่ที่ราวๆ $90

  1. ถูกรัฐบาลประกาศปิดการใช้งาน (ความเป็นไปได้ : น่าคิดเลยทีเดียว)

เมื่อ Zuckerberg ถูกเรียกเข้าไปให้ปากคำเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Facebook มันเหมือนกับพ่อแม่ที่พยายามเข้าใจลูกชายวัยรุ่นที่แตกต่างกันด้วย generation gap ความคิดต่างๆไม่มีทางเข้ากันได้และเอาจริงๆผมรู้สึกว่ากฎหมายต่างๆนั้นตามเทคโนโลยีไม่ทันแล้ว นี่ขนาดยังไม่ได้มีการปล่อยเทคโนโลยี blockchain ที่จะมาเป็นสกุลเงินของตัวเองออกมานะ

แต่มันก็มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะเข้ามาแทรกแซงและควบคุม Facebook โดยเฉพาะในเรื่องทัศนคติในการดูแลข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า รัฐบาลของหลายๆประเทศนั้นได้จับตาดูการใช้งานโซเชียลมีเดียอย่างใกล้ชิด และเราอาจจะได้เห็นความชัดเจนในเรื่องนี้สำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไปในอเมริกา เพราะถ้ามีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลอีกครั้ง ต่อไปอาจจะไม่มี Facebook แบบที่เรารู้จักกันแล้วก็ได้

มันเป็นไปได้อยู่แล้วที่จะมีนักการเมืองออกแคมเปญหาเสียงเพื่อรณรงค์ให้ปิด Facebook ไปเลย หรืออย่างน้อยก็ต้องมีการแสดงตัวด้วยหมายเลขบัตรประชาชนที่แท้จริงเพื่อไม่ให้เกิดการสร้างบัญชีปลอมขึ้นมาอีก


แล้วอะไรหล่ะที่จะเกิดขึ้น?

แน่นอนว่าไม่มีใครรู้คำตอบ ข่าวฉาวครั้งต่อไปของบริษัทจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ วันหนึ่ง Mark Zuckerberg อาจจะบอกว่าพอแล้วไม่ยุ่งแล้วพอกันที เอาเงินไปใช้ชีวิตสบายๆดีกว่า หรือบางอย่างอาจจะเกิดขึ้นและต้องขายบางส่วนของธุรกิจออกไป หรือบางทีถูกกักกันโดยรํบบาลและกฎหมายจนไม่สามารถทำอะไรได้แล้วก็ปิดไปเอง

ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นตอนไหน แน่นอนว่ามันจะกระทบผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล

Facebook ไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไป มีหลายบริษัทและธุรกิจหลายอย่างที่พึ่งพาอาศัยการเป็นอยู่ของพวกเขา (คิดถึงพ่อค้าออนไลน์) แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะยังเป็นวาฬยักษ์ขนาดมหึมาที่มีสัตว์น้ำต่างๆที่อยู่ล้อมรอบเพื่อรับผลประโยชน์ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันตาย? แน่นอนว่าคงมีงานเฉลิมฉลองเกิดขึ้นเพราะเราน่าจะเห็นคู่แข่งหน้าใหม่ๆเข้ามาแก่งแย่งพื้นที่ตรงนี้อย่างบ้าคลั่งแน่นอน

Tags:

close downdisappearfacebookfeaturedgonepossibilitiesความเป็นไปได้ปิดตัวเฟสบุ๊คส์

Share Article

Follow Me Written By

sopons

Writer / Columnist (Salmon Books, 101.world, The Matter, Beartai, The People, a day Bulletin, CapitalRead, GQ, Billion Brands)

Other Articles

Previous

ใครจะซื้อ Netflix ได้?

Next

ทำไม Amazon ถึงซื้อบริษัททำกริ่งประตู?

Next
October 23, 2020

ทำไม Amazon ถึงซื้อบริษัททำกริ่งประตู?

Previews
October 23, 2020

ใครจะซื้อ Netflix ได้?

No Comment! Be the first one.

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Related Posts

หรือเราไม่จำเป็นต้องมี “Social Media”?

by sopons
October 23, 2020

หลุมพรางแห่งการรวมตัวของ Instagram, WhatsApp และ Facebook Messenger

by sopons
October 23, 2020

When the Office is Dead – เมื่อออฟฟิศกำลังจะตาย ในโลกใหม่ของการทำงาน

by sopons
October 17, 2020

10 เทรนด์กลยุทธทางเทคโนโลยีแห่งปี 2020 ที่แนะนำโดย Gartner

by sopons
October 23, 2020

Subscribe to our newsletter and stay updated.

SOPON’S BLOG

© 2021, All Rights Reserved.

Quick Links

  • Contact
  • About
  • Billion Brands
  • Blockdit

Category

  • Self-Improvement
  • Technology
  • Business
  • Thoughts
  • Travel

Follow Us

Facebook Twitter Youtube Instagram
  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Business
    • Technology
    • Inspiration
    • Books
    • Life Style
    • Startups
    • Thoughts
    • Travel
  • About
  • Contact