ถ้า Passion มันไม่พอ : ไปต่อก็ไม่ไหว ขอหยุดตรงนี้มันดู ‘ขี้แพ้’ ไปรึเปล่า
‘ไม่’ ครับ คุณไม่ได้เป็นพวกขี้แพ้
ข้อพิสูจน์อย่างแรกเลยคืออย่างน้อยคุณยังอ่านบทความนี้ ในหัวคุณตั้งคำถามตรงนี้แสดงว่าที่ผ่านมาคุณได้ลงมือทำอะไรไปแล้วบางอย่างแหละ เพียงแต่ว่ามันอาจไม่ได้ออกมาอย่างที่คาดหวังเท่านั้น
ยุคสมัยที่เต็มล้นไปด้วย ‘Passion’ มันดูเยอะไปซะหมด หันไปทางไหนก็ได้ยินคนบอกว่า “อย่าลืมว่าแพชชั่นของคุณ!” “อย่าปล่อยให้แพชชั่นตาย” “ให้แพชชั่นนำทาง” “งานนี้สำเร็จได้ ใส่แพชชั่นให้เต็มที่เลย!”
แพชชั่นกลายเป็นคำสวยหรูศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ว่าจะทำงาน ทำธุรกิจ หรืออะไรก็ตามก็ต้องมี ตอนที่เราเริ่มอะไรบางอย่าง เราเชื่อมั่นและอยากทำออกมาให้ได้อย่างดีที่สุด เชื่อมั่นด้วยจิตใจที่แรงกล้า บางทีมันก็เวิร์ค
ถ้าเกิดคำถามแบบนี้เราควรทำยังไงดีหล่ะ?
- ซื่อสัตย์กับตัวเองครับ
แทนที่จะพยายามวิ่งตามแพชชั่นมาเพิ่ม หยุดก่อนครับ นั่งลงแล้วคุยกับตัวเองอีกสักรอบว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พร้อมแค่ไหนที่จะหาหนทางทำให้มันสำเร็จได้ ถ้าคุณยังไม่เชื่อว่าตัวเองทำได้ ไม่ว่าจะมีแพชชั่นมากขนาดไหนมันก็ยากที่จะสำเร็จ
พอผลลัพธ์ไม่ได้ออกมาเป็นอย่างที่คิด อย่าเพิ่งโทษแพชชั่น ลองหยุดแล้วมองภาพกว้าง ๆ ก่อนครับ ซื่อสัตย์กับตัวเองว่าอะไรกันแน่ที่ขาดไป เรามีความรู้ไม่พอเหรอ ทีมยังไม่แกร่งพอเหรอ เรายังทุ่มเทไม่พอเหรอ เราไม่พร้อมจะเรียนรู้จากคนอื่นเหรอ?
- หาเวลาให้ตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานหรือนักธุรกิจ เรามักรู้สึกผิดเมื่อมีเวลาว่าง ยกตัวอย่างตอนที่ผมเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง รู้สึกผิดมากที่หยุดงานก่อนสองทุ่ม ทั้ง ๆ ที่ทำงานมาตั้งแต่ 7 โมงเช้าแล้ว หยุดเสาร์อาทิตย์ไม่อยากหยุดเพราะคิดว่า “คนจะประสบความสำเร็จจะสบายไม่ได้”
เอาหล่ะ ผมไม่ได้บอกว่าเราไม่ควรทำงานหนัก แต่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิต ร่างกายต้องพัก ไม่ว่ารวยหรือจน ก็ต้องมีเวลาพักร่างและสมองทั้งสิ้น
ถ้ารู้สึกไฟมอด แพชชั่นหดหาย นี่อาจจะเป็นสิ่งที่คุณต้องการก็ได้ ถ้าเรายังรักในสิ่งที่ทำ หลงใหลกับมัน แต่ทำไมทุกอย่างดูยุ่งเหยิงไปหมด ลองช้าลงครับ ชะลอสักนิด ไปหาเวลาพักสักหน่อย สมองอาจจะโล่งและเติมแพชชั่นให้กลับมาอีกครั้งก็ได้
- อย่าลืมจุดแข็งของตัวเอง
การเริ่มต้นทำอะไรบางอย่างแพชชั่นอย่างเดียวไม่เพียงพอ เราทุกคนต้องมีจุดแข็ง มีความสามารถบางอย่าง การทุ่มเท ความรู้บางอย่าง ความมุมานะที่จะทำให้มันเกิดขึ้น หลายต่อหลายอย่างทำให้เรามาถึงจุดนี้ได้ ผมเพิ่งดูสัมภาษณ์ของคุณเก๋ไก๋ที่คุยกับพี่วูดดี้เรื่องเกี่ยวกับความเชื่อมั่นในตนเองที่หายไป พี่วู้ดดี้บอกว่าเรามาถึงจุดนี้ได้เพราะ ‘ทุกอย่างในจักรวาล’ ไม่ใช่เพราะอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงเท่านั้น จงจำเอาไว้เรามีจุดแข็งตรงไหน
เมื่อแพชชั่นมันหาย อย่าเพิ่งให้มันมาบดบังสิ่งอื่น ๆ ที่คุณทำได้ดีมาโดยตลอด ดึงเอาพลังแห่งความพยายาม ความสามารถ และความทุ่มเทของคุณออกมาให้เต็มที่ คุณมีจุดแข็งของตัวเองอยู่ครับ
- เบี่ยงเบนมุมมอง
การเบี่ยงเบนไม่ใช่ความฟุ้งซ่านนะครับ มันคล้ายกับการที่เราจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ แล้วตามันล้า เบื่อ เหนื่อย พอได้พักหันไปมองต้นไม้ ออกไปเดินเล่นสัก 15 นาทีแล้วกลับมาทำงานใหม่มันจะโฟกัสได้ดีขึ้น ในระหว่างนั้นมันอาจคิดเรื่อยเปื่อยก็ปล่อยไป ลองคิดถึงโปรเจ็กต์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ งานเขียน หนังสือ ฯลฯ อาจจะได้อะไรใหม่ ๆ กลับมาด้วย - ปล่อยมันไป
นี่อาจจะเป็นสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดแต่จำเป็นที่สุดเช่นกัน มันเจ็บปวดแน่นอนอยู่แล้วโดยเฉพาะถ้ามันเป็นสิ่งที่คุณเริ่มต้นทำด้วยแพชชั่นอย่างเต็มที่ ไม่มีใครอยากจะทิ้งมันไว้ข้างหลัง แต่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวได้เก่ง แกร่ง และเรียนรู้จากความผิดพลาด
เชื่อว่าทุกคนรู้จัก Walt Disney ผู้สร้างตัวละคร ‘Mickey Mouse’ เป็นอย่างดี ก่อนที่เขาจะประสบความสำเร็จ ก่อนหน้านั้นเขามีตัวละครอีกตัวหนึ่งชื่อว่า ‘Oswald the Lucky Rabbit’ ที่ประสบความสำเร็จมากเช่นกัน แต่เขาต้องตัดสินใจทิ้งไปเพราะเงื่อนไขทางกฎหมายที่เขาไม่สามารถเอาชนะได้ แม้จะเสียใจและผิดหวัง แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้และสร้างตัวละครที่โด่งดังมากกว่าขึ้นมาภายหลังได้
เราไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น แพชชั่นมันอาจไม่เพียงพอ เราต้องฟังเสียงข้างในของตัวเองด้วย ถ้าเราทำอย่างหนัก ทุ่มเทอย่างสุดตัว ทำทุกวิถีทาง ทุ่มเงิน ทุ่มเวลา แต่มันก็ยังไม่เวิร์ค มันก็อาจจะเป็นสัญญาณว่าต้องปล่อยแล้วรึเปล่า