แม้ไม่ได้อย่างที่ฝัน อาจไม่แย่อย่างที่คิด : อย่าปล่อยให้ความผิดหวังทำลายตัวตนและคุณค่าของเราเอง
เชื่อว่าในการเติบโตของเราทุกคนไม่มีใครได้สิ่งที่ตัวเองต้องการทุกอย่าง แม้จะมีเป้าหมายชัดเจนและพยายามอย่างหนักมาโดยตลอด บางทีเจออุปสรรคและเส้นทางชีวิตที่เป็นเหมือนทางแยกต้องตัดสินใจ ต้องวางสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้ลงก่อนและไปทำอย่างอื่น โดยไม่มีทางรู้เลยว่าจะเป็นยังไงต่อไป
ครั้งหนึ่งผมระหว่างที่ผมฝึกงานเป็นโปรแกรมเมอร์อยู่ที่บริษัท Intel ช่วงปี 4 ที่รัฐแอริโซนา ประเทศอเมริกา มีความฝันอยู่อย่างเดียวครับในตอนนั้นคือการหางานที่เขาสามารถออกวีซ่าทำงานให้ได้หลังจากเรียนจบ เพราะไม่งั้นถ้าหางานไม่ได้ภายในสามเดือนจะต้องถูกส่งกลับประเทศเพราะวีซ่าหมด
หลังจากพยายามมานานเป็นปี ทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำเพื่อให้บริษัทอยากจ้างงาน สุดท้ายพอหมดสัญญาฝึกงานหนึ่งปีเขาก็บอกว่าคุณวุฒิผมยังไม่เพียงพอ แม้จะชื่นชอบในตัวผมแต่ไม่สามารถออกวีซ่าทำงานให้ได้เพราะต้องจบปริญญาโทเป็นอย่างน้อย
ตอนนั้นเครียดมาก เทอมสุดท้ายแล้วแต่ยังหางานไม่ได้เลย กลับมาเรียนต่อโดยคิดว่า…อาจจะต้องกลับบ้านแบบนี้ซะแล้ว แต่ก็ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียน สมัครงานที่ต่าง ๆ อย่างน้อยก็พยายามจนวินาทีสุดท้าย แล้วผมกลับได้สัมภาษณ์งานกับ Microsoft แล้วผ่านเข้าไปทำงานที่นั้นถึง 5 ปี ชีวิตบางทีมันก็เล่นตลกกับเราแบบนี้
ทุกคนน่าจะรู้จัก Michael Jordan นักบาสฯที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ เขาเติบโตมาโดยมี Adidas เป็นแบรนด์ในดวงใจมาโดยตลอด แต่ทำไมเขาถึงได้ไปอยู่กับ Nike หล่ะ?
ตอนที่จอร์แดนถูกดราฟต์เพื่อเข้ามาเล่นใน NBA ปี 1984 นั้น เขาเริ่มมีชื่อเสียงอยู่บ้างแล้วจากการเล่นให้ทีมมหาวิทยาลัย ซึ่งถึงตอนนี้เขายังไม่เคยใส่รองเท้าไนกี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ รองเท้าที่อยู่ในใจเขามาโดยตลอดก็คือ Adidas
ไนกี้นัดเจอกับจอร์แดนและอยากให้เขามาเป็นพรีเซนเตอร์ให้ ยอมทุ่มเงินจำนวนมาก ทั้งให้จอร์แดนนั้นเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบด้วย แต่หลังจากนั้นจอร์แดนโทรไปหา Adidas เพราะอยากทำงานกับแบรนด์ที่ตัวเองรัก ยอมลดข้อเสนอให้ด้วย ไม่ต้องเท่าไนกี้ก็ได้
ติดปัญหาอยู่ที่เดียวคือ ผู้จัดการชั้นผู้ใหญ่ของ Adidas นั้นไม่ได้คิดว่าจอร์แดนมีมูลค่าสูงเหมือนที่สื่อพยายามปั้น แถมไม่พอจอร์แดนสูงแค่ 6 ฟุต 6 นิ้ว (ประมาณ 198 CM) ซึ่งสำหรับพวกเขาแล้วดูเตี้ยจนเกินไป อยากได้นักบาสเกตบอลตำแหน่งเซนเตอร์ที่ตัวสูงกว่านี้ที่จะมาเป็นดาวดวงใหม่ของพวกเขา (อย่าง Kareem Abdul-Jabbar ที่สูงกว่า 218 cm) จอร์แดนพยายามติดต่อไปอีกครั้งแต่สุดท้ายคำตอบก็ยังเหมือนเดิม
สุดท้ายไนกี้ก็ได้ลายเซ็นของจอร์แดนไป โดยไนกี้เองก็พยายามกำหนดเงื่อนไขเพื่อลดความเสี่ยงลงโดยบอกว่าเขาต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่งในสามอย่างนี้คือ ติดทีม All-Star, รองเท้าต้องขายได้ไม่ต่ำกว่า 4 ล้านเหรียญ หรือ ต้องทำให้ได้เฉลี่ย 20 แต้มต่อเกม จอร์แดนทำได้ทั้งสามอย่างและรองเท้าของเขาสร้างรายได้มากกว่า 100 ล้านเหรียญภายในปีนั้น เลยกลายเป็นว่าไนกี้และจอร์แดนก็ทำงานร่วมกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ชีวิตก็เป็นแบบนี้ ผมไม่ได้หมายความว่าตัวเองเก่งเหมือนจอร์แดนหรืออะไร เพียงแค่อยากชี้ให้เห็นว่าแม้แต่จอร์แดนที่ประสบความสำเร็จมากมายขนาดนี้ยังไม่ได้เซ็นสัญญากับแบรนด์ที่ตัวเองรัก แต่เขาก็ยังกลายเป็นนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งได้ แม้ไม่ได้อย่างที่ฝัน เส้นทางชีวิตอาจไม่แย่อย่างที่คิดก็ได้ เพียงอย่างให้ความผิดหวังนั้นมาทำลายตัวตนและคุณค่าของเราก็พอ เชื่อมั่นในสิ่งที่ทำและวางใจชีวิตว่ามันจะพาเราไปยังจุดที่ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน