ตัวคุณคือศัตรู : เมื่ออีโก้จากความสำเร็จมันโตเกินตัว
ศัตรูตัวฉกาจของคุณไม่ได้อยู่ข้างนอก ไม่ใช่ความโชคร้าย หัวหน้า เพื่อนที่ทำงาน สถานการณ์รอบด้าน หรือแม้แต่พ่อแม่ครอบครัวที่ไม่ดี ไม่ใช่คู่แข่งหรือระบบทุนนิยมอะไร แต่ศัตรูที่เก่งและอันตรายต่อตัวคุณเองที่สุดอยู่ข้างในตัวคุณซึ่งมีชื่อเรียกว่า ‘อีโก้’ หรือ อัตตา ถือตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลและสำคัญที่สุดในทุกกรณี (ซึ่งแตกต่างจาก Ego ที่เป็นในเชิงจิตวิทยาและคำนิยามของซิกมันด์ ฟรอยด์นะครับ)
คนที่มีอีโก้ (ego) คือคนที่มีความทะเยอทะยานแบบเห็นแก่ตัว ความเย่อหยิ่งจองหองแบบไม่สนใจใครหน้าไหน
หนังสือ “Ego is the Enemy” โดย Ryan Holiday (แปลไทย ‘ตัวคุณคือศัตรู’) ได้เขียนถึงวิธีจัดการและยับยั้งอีโก้ก่อนที่มันจะกลายเป็นนิสัยแย่ ๆ ไว้อย่างน่าสนใจโดยเฉพาะในส่วนของการประสบความสำเร็จ (สามส่วนมี Aspire (ตั้งปณิธาน), Success (ความสำเร็จ) และ Failure (ความล้มเหลว) ซึ่งแต่ละส่วนก็จะมีวิธีรับมือกับอีโก้ที่เกิดขึ้นได้ ถ้าสนใจลองหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านครับดีมาก)
1. จงเป็นนักเรียนอยู่เสมอ
อัตตาเต็มไปด้วยความนับถือตนเอง มันจะบอกคุณว่าคุณเก่งแล้ว ฉลาดแล้ว เป็นผู้เชี่ยวชาญแล้ว เมื่อมีความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้น สามารถงัดกับอัตตาด้วยการเตือนตัวเองว่าโลกนี้ยังมีอะไรให้เรียนรู้อยู่เสมอ
ดูตัวอย่าง เคิร์ก แฮมเมตต์ ก็ได้ ในปี 1983 เมื่ออายุได้เพียง 20 ปี ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อวงร็อค Metallica ชวนเขามาเป็นมือกีตาร์ แฮมเมตต์เป็นนักดนตรีที่เก่งอยู่แล้ว ไม่งั้นวงร็อคที่โด่งดังที่สุดวงหนึ่งก็คงไม่มาชวน แต่เขาก็รู้ว่าเขายังมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะมาก ดังนั้นแฮมเมตต์จึงไปเรียนกับ โจ ซาเตรียนี่ ครูสอนกีตาร์ผู้เก่งกาจ ซาเตรียนี่ขึ้นชื่อว่าเป็นคุณครูที่เข้มงวดกับนักเรียนมาก นักเรียนเหล่านี้ก็อีโก้สูงทั้งสิ้น ส่วนใหญ่แล้วก็ทิ้งกลางทางเพราะรู้สึกว่าตัวเองเก่งแล้ว ไม่ทำตามที่สอน แต่แฮมเมตต์เรียนครับ ฝึกอย่างหนักโดยตลอด จนกระทั่ง 20 ปีต่อมา ในปี 2003 เขาได้รับการจัดอันดับให้เป็นนักกีตาร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลอันดับที่ 11 โดยโรลลิงสโตนเลย
ถ้าคุณมีผลงานที่เด่นดังสักอย่าง บางคนเป็นนักกีฬาระดับโลก สถิติยอดเยี่ยม มันจะยิ่งยากขึ้นเรื่อย ๆ ที่จะถ่อมตัว ที่จะต่อต้านการบอกตัวเองว่าผลงานที่ทำมานั้นยอดเยี่ยมขนาดไหน ป้อนคำพูดสวยหรูให้กับอีโก้ของตัวเองให้พองใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แฮมเมตต์ถือว่าเป็นโปรแล้วตอนที่ไปร่วมวง แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้เขาหยุดพัฒนา ไม่ได้ทำให้ความภาคภูมิใจใจตัวเองหยุดการเรียนรู้ที่จะไปต่อข้างหน้าได้
คิดดูว่าถ้า สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) พึงพอใจกับสิ่งที่ตัวเองสร้างที่ประสบความสำเร็จอย่าง Apple II แล้วก็พูดอยู่แต่เรื่องนี้ไม่ยอมพัฒนาไปเรื่อย ๆ เราก็คงไม่มี iPhone หรือ iPad ใช้กันตอนนี้
ความภาคภูมิใจและอัตตาไม่ใช่สิ่งเดียวกัน แต่มันก็มาด้วยกัน ความภูมิใจทำให้เราคิดว่าอัตตาเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ทำให้มองว่าความสำเร็จอันหนึ่งคือสิ่งที่บ่งบอกว่าตัวเอง ‘พิเศษ’ เหนือคนอื่น เราวุ่นอยู่กับการชูหางตัวเองโดยไม่มองเลยว่ายังสามารถพัฒนาตรงไหนได้อีก ทำสิ่งที่ดีกว่านี้ได้อีก
วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับอีโก้คือการเป็นนักเรียนอยู่เสมอ แม้คุณจะประสบความสำเร็จแล้วก็ยังต้องคงแนวคิดของการเป็นนักเรียนไว้เสมอ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ไม่ว่าวิชาชีพหรืองานทำมากี่สิบปี มันมีสิ่งที่คุณเรียนรู้ได้เสมอ
2. ความรู้สึกว่าตัวเองมีสิทธิ์ ความอยากควบคุม และความหวาดระแวง
ระหว่างที่เซิร์กซีสจักรพรรดิแห่งเปอร์เซียกำลังนำทัพข้ามช่องแคบเฮลเลสปอนต์เพื่อบุกประเทศกรีซนั้น ระดับน้ำได้สูงขึ้นอย่างฉับพลันจนทำลายสะพานที่สร้างโดยวิศวกรของเขาที่ใช้เวลาหลายวันจนหมดสิ้น เขาโยนโซ่ลงในน้ำ แล้วสั่งให้ทหารลงไปในทะเลแล้วหยิบโซ่มาโบยน้ำสามร้อยครั้ง เอาเหล็กที่เผาไฟจนแดงมานาบน้ำ พร้อมกันนั้นสั่งให้ทหารด่าสายน้ำขณะที่ลงทัณฑ์ทะเลอีกด้วย “สายน้ำที่เค็มและขม นายของเจ้าลงทัณฑ์เจ้าที่ทำร้ายเขาซึ่งไม่เคยทำร้ายเจ้า” และสุดท้ายสั่งตัดหัววิศวกรที่สร้างสะพานทิ้งจนหมดเลย
ความสำเร็จของเซิร์กซีสที่มาในแง่ของพลังอำนาจ มักตามมาพร้อมกับอีโก้อันยิ่งใหญ่ที่รู้สึกว่าตัวเองมีสิทธิ์ อยากควบคุมและหวาดระแวง
ความรู้สึกว่าตัวเองมีสิทธิ์น้นทำให้เราทึกทักเอาเองว่า นี่เป็นของฉัน ฉันควรได้รับสิ่งนี้ คิดเล็กคิดน้อยกับคนอื่น เพราะไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเวลาของคนอื่นก็มีค่าเท่ากับของตัวเอง ด่าว่าและออกความเห็นกับทุกเรื่อง ทำให้คนที่ทำงานด้วยนั้นเหนื่อยใจไปตาม ๆ กัน
นอกจากนั้นยังทำให้เรารู้สึกว่ามีความสามารถมากเกินจริง ประเมินศักยภาพของตัวเองอย่างสวยหรู และสร้างความคาดหวังอย่างไร้เหตุผลด้วย รู้สึกหวาดระแวงเชื่อใจใครไม่ได้ ต้องทำสิ่งนี้ด้วยตัวเองเพื่อตัวเอง คิดว่าตัวเองถูกรายล้อมไปด้วยคนโง่เขลา การทำงานของตัวเองนั้นไม่พอ ต้องคอยชักใยอยู่เบื้องหลังเพื่อให้สามารถจัดการกับคนอื่นได้ก่อนที่พวกเขาจะจัดการฉัน รวมถึงเพื่อแก้แค้นตอนที่รู้สึกว่าตัวเองโดนดูถูกด้วย
ใครเป็นอยู่ หยุดเถอะครับ คนอื่นเหนื่อยจริง ๆ ที่จะอยู่กับคนแบบนี้
3. ตรวจสอบอีโก้ของตัวเองอยู่เสมอ มอบหมายงานและเชื่อใจในทีมของตัวเอง
รู้สึกว่าไม่วางใจให้ทีมทำงานรึเปล่า? ไม่เชื่อใจคนอื่นเพราะคิดว่าไม่สามารถทำงานได้ดีเท่าที่คุณทำ? ลองเช็คดูอีโก้ของตัวเองจากจุดนี้ก็ได้ครับ
เมื่อคุณประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานหรือสายอาชีพไหนก็ตาม คุณต้องทำงานกับคนอื่น ๆ มากขึ้น อาจจะเห็นหัวหน้าทีมหรือลูกพี่ที่ดูแลลูกน้อง วันหนึ่งคุณจะต้องเผชิญหน้ากับอีโก้ของตัวเองครับ ที่ผ่านมาคุณอาจได้รับคำชมเชยจากงานที่ทำ แต่ตอนนี้ไม่ได้รับเครดิตของตัวเองแล้ว แต่เป็นของทีม หรือของคนในทีมซะมากกว่า
พยายามสู้กับอีโก้ข้างในตัวเอง เชื่อใจเพื่อนในทีม เสียงข้างในหัวที่มันบอกว่า “นายคือคนพิเศษ นายคือคนสำคัญที่สุด นายเท่านั้นที่จะเปลี่ยนแปลงตรงนี้ให้ดีขึ้นได้” นั่นแหละอีโก้ตัวพ่อตัวแม่เลย พยายามสู้กับมันครับ ถ่ายงานให้คนอื่นในทีม เชื่อใจคนอื่น และขอบคุณที่ทุกคนได้ทำงานร่วมกัน คุณจะเห็นเลยว่าคนอื่นก็ทำงานได้ดีไม่แพ้กัน อาจจะดีกว่าคุณด้วยซ้ำ
เชื่อใจ เคารพ และใช้เวลาที่มีให้เกิดประโยชน์กับทีมให้มากที่สุด
ในปี 1973 จอห์น เดโลรียน์ เชื่อว่าเขารู้ทุกอย่างดีเกี่ยวกับอุตสาหกรรมรถยนต์และลาออกจากบริษัท GM มาสร้าง DeLorean Motor Company ปัญหาคือเขาไม่มีทั้งความเชี่ยวชาญเรื่องการบริหารเลย ไม่มีการวางโครงสร้างบริษัท การตัดสินใจทุกอย่างต้องทำเองตลอด เขาจะเป็นคนตัดสินใจว่าอันไหนโอเคหรือทิ้ง ไม่เชื่อใจทีมที่ทำงานด้วย สุดท้ายธุรกิจไปไม่รอดและล้มละลายในที่สุด
หนังสือเล่มนี้ช่วยให้เราเห็นอย่างชัดเจนครับว่าตัวคุณคือศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของตัวเอง โดยเฉพาะเมื่ออีโก้มันพองโตเกินตัวจนไม่สามารถอยู่ที่ไหนได้ ไม่สามารถเห็นทางข้างหน้า ทุกอย่างต้องของฉัน ฉันคือคนสำคัญ ความสำเร็จที่ได้มาฉันเป็นคนสร้างเอง คนที่ประสบความสำเร็จจะเผชิญกับอีโก้ทุกคน แต่วิธีจัดการกับอีโก้ของแต่ละคนจะแยกระหว่างตำนานตลอดกาลกับคนที่ครั้งหนึ่งเคยประสบความสำเร็จอย่างมากแล้วก็ถูกอีโก้ของตัวเองกลืนกิน
โทนี อดัมส์ (Tony Adams) ผู้จัดการทีมและอดีตนักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษเคยกล่าวเอาไว้ว่า