SOPON’S BLOG
“สุขมากขึ้น ร่ำรวยขึ้น และสงบมากขึ้น” : เปิดประสบการณ์ ‘No Spend Year’ ของนักข่าวฟรีแลนซ์ที่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยกับปี 2024 ที่ตัดค่าใช้จ่ายเหลือแค่ที่จำเป็น
November 28, 2024
ด้านมืดของ ‘บริโภคนิยม’ จากสารคดี ‘Buy Now! The Shopping Conspiracy’ มนุษย์โหมบริโภค โลกจึงกลายเป็นกองขยะ
November 27, 2024
อย่าให้สังคมกำหนดว่าเรา ‘ต้องมีอะไร’ ถึงจะมีความสุข
November 27, 2024
แม้ไม่มีรายได้ แต่รายจ่ายมีทุกวัน : 5 อย่างที่ต้องเตรียมพร้อมด้านการเงิน เมื่อตลาดแรงงานไม่มั่นคง
November 27, 2024
กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว แต่วางหินวันละก้อน
November 26, 2024
Facebook Twitter Youtube Instagram Medium Bootstrap
SOPON’S BLOG

Type and hit Enter to search

  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Tech
    • Business
    • Thoughts
    • Science
    • Startups
    • Lifehack
    • People
    • Travel
    • Inspiration
  • Podcast
  • About
  • Contact
  • Follow
    • Facebook
    • Twitter
    • Instagram
    • Blockdit
    • Telegram

ไม่ว่าคุณจะเป็นใครในโลกใบนี้ – คนทั่วไป พนักงานประจำ หรือ เจ้าของธุรกิจเล็กใหญ่ – คงไม่มีใครปฏิเสธได้อีกต่อไปว่าอินเตอร์เน็ตนั้นมีความจำเป็นกับชีวิตประจำวันของเราไม่มากก็น้อย

สำหรับบุคคลทั่วไปแล้วในเวลานี้มีแพคเกจอินเตอร์เน็ตที่ติดบ้าน – Home Internet (หรือที่รู้จักโดยทั่วไปว่าเน็ตบ้าน) – ความเร็วสูงมาให้เลือกกันอย่างหลากหลาย แถมราคาก็ถูกลงเรื่อยๆ ถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากเมื่อเทียบกับสมัย 2-3 ปีก่อนหน้านี้

เจ้าของธุรกิจทั้งเล็กและใหญ่ต่างต้องการที่จะปกป้องเงินทุกบาททุกสตางค์ที่หามาได้อย่างยากลำบาก แต่สิ่งที่พวกเขามักมองข้ามคือการเลือกที่จะประหยัดเงินกับสิ่งที่ควรลงทุนอย่างอินเตอร์เน็ต เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่ใช่บริษัทที่ขนาดใหญ่ จะเลือกใช้เน็ตบ้านเพื่อให้บริษัทของพวกเขาเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ จริงอยู่ที่อินเตอร์เน็ตสำหรับบริษัท (corporate internet) มีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่ามาก แต่สิ่งที่ตามมาด้วยก็เป็นผลพลอยได้ที่คุ้มค่าอย่างการเชื่อมต่อที่เสถียร ฟีเจอร์ต่างๆที่เน็ตบ้านไม่ได้มีความจำเป็น และการดูแลที่ดีกว่าเมื่อต้องการความช่วยเหลือ

การตัดสินใจเพื่อชดเชยต้นทุนบางครั้งก็ทำให้คุณเสียประโยชน์ โดยเฉพาะเมื่อการกระทำนั้นทำให้งานที่ต้องทำอยู่ตลอดนั้นสะดุดและถึงเป้าหมายได้อย่างติดๆขัดๆ

สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจว่าจะไปทางไหนดี ยืนอยู่ตรงทางแยกว่าจะใช้เน็ตบ้านหรือเน็ตของบริษัทดี ประโยชน์ของมันจะเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงมากขึ้นรึเปล่า? ลองอ่านต่อไปเผื่อว่ามันอาจจะทำให้การตัดสินใจครั้งนี้ง่ายยิ่งขึ้น

เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมอินเตอร์เน็ตที่ใช้อยู่ถึงหน่วงๆ บางครั้งก็เชื่อมต่อได้แบบตะกุกตะกัก บางเวลาสัญญาณก็อาจจะหายไปดื้อๆ เหตุผลก็คือว่าเวลานั้นคุณอาจจะกำลังแชร์การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตกับลูกค้าเน็ตบ้านคนอื่นๆในละแวกนั้น และมันเป็นช่วงเวลาที่คนใช้อินเตอร์เน็ตกันเยอะๆ

เมื่อ bandwidth ถูกแชร์ มันก็จะทำให้ประสิทธิภาพของการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตลดลงไปด้วย ผู้ให้บริการจะเป็นคนกำหนดว่า connection อันหนึ่งจะมีคนร่วมแชร์ได้เท่าไหร่ ถ้าเห็นตัวเลขอย่าง 40:1 ก็หมายความว่า 40 จุดต่อหนึ่งการเชื่อมต่อ เมื่อมีคนใช้ช่วงพีคๆ ก็หมายความว่าทุกคนออนไลน์กันหมด เมื่อนั้น bandwidth ก็จะเริ่มติดขัด นี่คือเหตุผลว่าทำไมเน็ตบ้านถึงราคาถูกกว่ามากเพราะมันถูกแชร์ไปให้หลายที่ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ถ้าไม่ได้ใช้อินเตอร์เน็ตแบบหนักๆ หรือว่าแค่ดูหนังฟังเพลงไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว

แต่ถ้าเป็น corporate internet ปกติแล้วจะมีการเชื่อมต่อแบบ 1:1 ซึ่งหมายความว่าคุณคือผู้ใช้งานคนเดียว ซึ่งจะทำให้อินเตอร์เน็ตของบริษัทเสถียรมากกว่า เร็วไม่ตก ไม่ว่าเวลาไหนของวัน ถ้าตุณต้องการเรื่องความมั่นคงและแน่นอน สำหรับตัวบริษัทเองและลูกค้าที่ใช้งาน การอัพเกรดเป็นเน็ตบริษัทก็ถือว่าจำเป็นไม่น้อย

แทบทุกคนเวลาเลือก/เปรียบเทียบผู้ให้บริการทางอินเตอร์เน็ตจะนำตัวเลขความเร็วการอัพโหลด/ดาวน์โหลดจากหลายๆที่มาเทียบกันเพื่อหาดีลที่ดีที่สุด ตัวเลขเหล่านี้คือสิ่งที่บ่งบอกว่าในสถานการณ์ที่ “ดีที่สุด” มันจะเร็วได้ขนาดไหน (ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 1 Gbps)

สำหรับคนที่ใช่เน็ตตามบ้าน ความเร็วของการดาวโหลดจะมีความสำคัญกว่าอัพโหลดเพราะเราเป็นบุคคลที่เสพข้อมูล แต่สำหรับบริษัทที่ให้บริการออนไลน์ อย่าง webminar หรือสำหรับบริษัทที่มีการเก็บข้อมูลไว้บน cloud อยู่ตลอดเวลา ค่าอัพโหลดคือสิ่งที่จำเป็นไม่น้อยเลยทีเดียว

ปกติแล้ว corporate internet จะมาพร้อมกับสิ่งนี้ มีความเร็วและเชื่อมต่อโดยไม่ติดขัด ไม่ว่าจะเป็นการดาวน์โหลดที่ใช้สำหรับการโหลดคอนเทนท์/สตรีมมิ่งหรืออัพโหลดเก็บข้อมูลสำคัญบน cloud สำหรับการเรียกใช้ในอนาคต

เน็ตบ้านนั้นมักจะมีความเร็วในการโหลดสูงแต่อัพโหลดที่ต่ำกว่ามาก เพราะไม่มีความจำเป็นและลดค่าใช้จ่ายให้ถูกลง สำหรับอินเตอร์เน็ตของบริษัทส่วนใหญ่แล้วสองเลขจะมีค่าใกล้เคียงกัน ไม่ว่ากิจกรรมของพนักงานบริษัทจะเป็นแบบไหน หรือใช้เพื่อทำอะไร สิ่งนี้จะช่วยให้พวกเขาทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นไปด้วย


แล้วต้องเลือกยังไง? อันนี้ต้องแล้วแต่ว่าจำนวนผู้ใช้งาน (ทั้งลูกค้าและพนักงาน) มีเยอะมากขนาดไหน อาจจะสอบถามจากพนักงานและเทียบดูว่าแค่ไหนถึงจะกำลังพอดี คุณอยากจะทำให้ความเร็วมันมากพอเพื่อให้ประสบการณ์การใช้งานไหลลื่นมากที่สุด

IP Address ก็เหมือนเลขที่บ้านของเครือข่ายของคุณออนไลน์ Dynamic IP Address ที่มีการเปลี่ยนอยู่ตลอดนั้นเป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการนั้นมอบให้อยู่แล้ว แต่ถ้าเราจ่ายเพิ่มอีกนิดหนึ่งเราจะได้ที่อยู่ออนไลน์อบบถาวร เป็น Static IP Address ที่ประสิทธิภาพในการทำงานจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง

Static IP Address นั้นจะทำให้เครือข่ายของคุณนั้นมีความมั่นคงและปลอดภัยมากขึ้น ถ้าคุณต้อง ถ้าต้องการโฮสต์เซิฟเวอร์ของตัวเอง สิ่งนี้ก็ขาดไม่ได้เช่นเดียวกัน หรือถ้าคุณมีพนักงานที่ทำงานนอกพื้นที่แล้วต้องการเชื่อมต่อเข้ามาในเครือข่ายของบริษัท หรืออยากจะติดตั้งระบบ vpn (virtual private network) การมี static ip ก็ขาดไม่ได้อีกนั้นแหละ

ไม่ว่าอินเตอร์เน็ตบ้านหรือของบริษัททุกแพคเกจที่ทางผู้ให้บริการเสนอนั้นจะมาพร้อมกับระบบป้องกันในระดับหนึ่ง แต่สำหรับบริษัทนั้นความปลอดภัยทางไซเบอร์นั้นสำคัญมากกว่าผู้ใช้อินเตอร์เน็ตบ้านทั่วไป เพราะถ้าเกิดมีการเล็ดลอดเข้ามาของผู้ไม่ประสงค์ดีในระบบได้แล้ว อาจจะเกิดความเสียหายที่เข้าขั้นเลวร้าย เสียทั้งชื่อเสียงความน่าเชื่อถือของบริษัทและในบางรายข้อมูลของลูกค้าจำนวนมากที่หาค่าไม่ได้ เพราะฉะนั้นบริษัทต้องเลือกระบบอินเตอร์เน็ตที่เหมาะสม มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ป้องกันการคุกคามจากภายนอก (antivirus, antispyware, firewall, abuse control, spam control และ online backup) และเหมาะสำหรับการบริหารธุรกิจมากกว่าเน็ตบ้านทั่วไป

ฝ่ายบริการที่ครอบคลุมกว่าในทุกเรื่องอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก แต่พอถึงเวลาที่ต้องการขึ้นมา มันถึงขั้นคอขาดบาดตายกันเลยทีเดียว ลองคิดดูถ้าวันหนึ่งเครือข่ายล่ม สิ่งที่ต้องสูญเสียนั้นมากมาย ไม่ใช่แค่เงินหรือเวลา แต่เป็นความรู้สึกของลูกค้าที่อาจจะแก้ให้กลับคืนมาเหมือนเดิมไม่ได้อีกเลย โดยปกติแล้ว corporate internet จะมีสัญญาที่ทางผู้ให้บริการเครือข่ายแจ้งเอาไว้ก่อนล่วงหน้า เกี่ยวกับเรื่อง performance ของอินเตอร์เน็ตและบริการต่างๆ และค่าเสียหายในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถทำตามสัญญาได้ และลูกค้าในกลุ่มนี้จะได้รับการดูแลก่อนเป็นอันดับต้นๆถ้าเกิดปัญหา

มากกว่านั้นอาจจะมีฟีเจอร์ที่แถมมาด้วยอย่างการ backup ข้อมูลบน cloud ให้โดยอัตโนมัติ, VPNs, ระบบป้องกัน และการติดตั้งในส่วนต่าง


สำหรับคนที่ต้องการแค่ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วไป Home Internet น่าจะเพียงพอแล้ว แต่สำหรับบริษัท อาจจะถึงเวลาที่จะเปลี่ยนจาก home internet มาเป็น corporate internet กันได้แล้วถ้าที่กล่าวมาด้านบนคือสิ่งที่คุณให้ความสำคัญ มันคือการลงทุนเพื่อธุรกิจและอนาคต เป็นค่าใช้จ่ายที่สร้างผลตอบแทนระยะยาว เป็นเครื่องมือที่เพิ่มความแข็งแกร่งและมั่นคงให้กับองค์กร บ้านก็ส่วนบ้าน บริษัทก็ส่วนบริษัท อินเตอร์เน็ตก็เช่นเดียวกัน

Tags:

choosecorporatehomeinternetvpn

Share Article

Follow Me Written By

sopons

Writer / Columnist (Salmon Books, 101.world, The Matter, Beartai, The People, a day Bulletin, CapitalRead, GQ, Billion Brands)

Other Articles

Previous

5G and How it will change our lives – ระบบสื่อสารไร้สายยุคที่ 5 ที่จะมาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราในอนาคต

Next

10 เทรนด์กลยุทธทางเทคโนโลยีแห่งปี 2020 ที่แนะนำโดย Gartner

Next
October 23, 2020

10 เทรนด์กลยุทธทางเทคโนโลยีแห่งปี 2020 ที่แนะนำโดย Gartner

Previews
October 23, 2020

5G and How it will change our lives – ระบบสื่อสารไร้สายยุคที่ 5 ที่จะมาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราในอนาคต

No Comment! Be the first one.

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Related Posts

“SMART Future Technology – อยู่กับเทคโนโลยีอย่างไรให้ชีวิตสมาร์ท”

by sopons
October 23, 2020
SOPON’S BLOG

STUFF WORTH READING

© 2022, All Rights Reserved.

Quick Links

  • Contact
  • About

Category

  • Self-Improvement
  • Technology
  • Business
  • Thoughts
  • Psychology

Follow

Facebook Twitter Youtube Instagram
  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Business
    • Technology
    • Inspiration
    • Books
    • Life Style
    • Startups
    • Thoughts
    • Travel
  • About
  • Contact