ชาร์ลี มังเกอร์ (Charlie Munger) นักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จ ได้แบ่งปันกฎพื้นฐาน 3 ข้อ ที่เขาเชื่อว่าเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในชีวิต กฎเหล่านี้เรียบง่ายแต่ทรงพลัง และนำไปใช้ได้กับทุกสาขาอาชีพเลย
ตั้งแต่เกิดจนวันสุดท้าย ไม่มีใครที่จะมีประสบการณ์เหมือนกับเรา ไม่มีใครที่จะมีมุมมองชีวิตเหมือนกับเรา โลกใบนี้ให้โอกาสที่เราจะได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ เป็นของขวัญอันยิ่งใหญ่ที่ชีวิตทุกคนได้รับ
ถ้าคุณถามคนสามคนเกี่ยวกับ “ความสุข” คุณก็จะได้คำตอบที่แตกต่างกันไป สำหรับแนวคิดนี้ อาจจะเข้าใจยาก เปลี่ยนแปลงไปตามบุคคล สถานการณ์ หรือแม้แต่ช่วงเวลาของวัน ความสุขเป็นสิ่งที่ผู้คนพยายามหา แต่มักจะไปไม่ถึง และถ้าจะมีใครสักคนที่น่าเชื่อถือพอที่จะให้คำแนะนำได้ คงจะมีคนจำนวนมากที่ยอมจ่ายเป็นล้านเพื่อเข้าใจมัน อย่าง “ทฤษฎีความสุขของ Albert Einstein’s”
เขาว่ากันว่าประวัติศาสตร์ไม่ได้ซ้ำรอย แต่มันก็แค่คำคล้องจ้อง อดีตเต็มไปด้วยสถานการณ์ซ้ำไปซ้ำมา คุณสามารถเรียนรู้จากประวัติศาตร์แล้วประยุกต์ใช้กับชีวิตของคุณได้ โดยบทเรียนที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้นักเขียนจาก medium ได้ดึงข้อมูลมาจากบุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ เราแนะนำให้คุณลองพิจารณาว่าคุณจะเรียนรู้อะไรได้บ้างจากสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึงสังเกตสิ่งที่พวกเขาทำ และคิดว่าคุณควรทำตามตัวอย่างของพวกเขาหรือไม่ หรือควรเลือกเส้นทางอื่นทั้งหมด Good-Knight ใน Shoe Dog โดย Phil Knight ได้เล่าถึงการก่อตั้ง Nike จากจุดเริ่มต้นแรกสุดสู่บริษัทที่ยิ่งใหญ่ เขาพูดถึงบางสิ่งที่น่าประหลาดใจ เขาบอกว่าในตอนท้ายของวัน ความเสียใจที่ใหญ่ที่สุดของเขาคือเขาไม่สามารถกลับไปทำทุกอย่างได้อีกครั้ง นี่คือความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา? หลายคนอาจจะคาดหวังว่าเขาจะตอบว่า เขาหวังว่าตัวเองจะไม่ต้องทำงานหนักหรือหวังว่าจะได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น แต่เปล่าเลย เขาหวังว่าเขาจะสามารถทำทุกอย่างได้อีกรอบหนึ่ง นี่คือคนที่รักในสิ่งที่ตัวเองทำ งานนี้มีความหมายกับเขา – แม้จะเป็นในช่วงที่ลำบาก (ซึ่งมีมากมาย) บทเรียน: เติมชีวิตของคุณด้วยการแสวงหาที่ที่มีความหมาย ในชีวิตของคุณ คุณเป็นใคร คุณเป็นคู่สมรส พ่อแม่ นักกีฬา เจ้าของบ้าน จากนั้น ให้พิจารณาว่าการบรรลุผลสำเร็จเป็นอย่างไรสำหรับคุณในแต่ละด้าน เขียนมันลงไปด้วยคำสั้นๆ ประโยคเดียวก็สมบูรณ์แบบ ตัวอย่างเช่น ความสัมพันธ์อันเป็นที่รักและยอดเยี่ยมกับลูกสาวของฉัน Put some eggs aside Robert Moses ชายผู้มีอำนาจในมหานครนิวยอร์กที่แทบจะไม่มีใครเทียบได้ในช่วงทศวรรษ […]
เขาว่ากันว่าประวัติศาสตร์ไม่ได้ซ้ำรอย แต่มันก็แค่คำคล้องจ้อง อดีตเต็มไปด้วยสถานการณ์ซ้ำไปซ้ำมา คุณสามารถเรียนรู้จากประวัติศาตร์แล้วประยุกต์ใช้กับชีวิตของคุณได้ โดยบทเรียนที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้นักเขียนจาก medium ได้ดึงข้อมูลมาจากบุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ เราแนะนำให้คุณลองพิจารณาว่าคุณจะเรียนรู้อะไรได้บ้างจากสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึงสังเกตสิ่งที่พวกเขาทำ และคิดว่าคุณควรทำตามตัวอย่างของพวกเขาหรือไม่ หรือควรเลือกเส้นทางอื่นทั้งหมด Good-Knight ใน Shoe Dog โดย Phil Knight ได้เล่าถึงการก่อตั้ง Nike จากจุดเริ่มต้นแรกสุดสู่บริษัทที่ยิ่งใหญ่ เขาพูดถึงบางสิ่งที่น่าประหลาดใจ เขาบอกว่าในตอนท้ายของวัน ความเสียใจที่ใหญ่ที่สุดของเขาคือเขาไม่สามารถกลับไปทำทุกอย่างได้อีกครั้ง นี่คือความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา? หลายคนอาจจะคาดหวังว่าเขาจะตอบว่า เขาหวังว่าตัวเองจะไม่ต้องทำงานหนักหรือหวังว่าจะได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น แต่เปล่าเลย เขาหวังว่าเขาจะสามารถทำทุกอย่างได้อีกรอบหนึ่ง นี่คือคนที่รักในสิ่งที่ตัวเองทำ งานนี้มีความหมายกับเขา – แม้จะเป็นในช่วงที่ลำบาก (ซึ่งมีมากมาย) บทเรียน: เติมชีวิตของคุณด้วยการแสวงหาที่ที่มีความหมาย ในชีวิตของคุณ คุณเป็นใคร คุณเป็นคู่สมรส พ่อแม่ นักกีฬา เจ้าของบ้าน จากนั้น ให้พิจารณาว่าการบรรลุผลสำเร็จเป็นอย่างไรสำหรับคุณในแต่ละด้าน เขียนมันลงไปด้วยคำสั้นๆ ประโยคเดียวก็สมบูรณ์แบบ ตัวอย่างเช่น ความสัมพันธ์อันเป็นที่รักและยอดเยี่ยมกับลูกสาวของฉัน Put some eggs aside Robert Moses ชายผู้มีอำนาจในมหานครนิวยอร์กที่แทบจะไม่มีใครเทียบได้ในช่วงทศวรรษ […]
การจะหางานใหม่ไม่ใช่เรื่องผิด แต่การคิดว่า “ถ้าเราได้ทำงานที่รัก เราจะไม่รู้สึกว่าทำงานอีกต่อไป” ก็ไม่ถูกซะทีเดียว
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นถือว่าหนักหน่วงเอาเรื่อง ตั้งแต่เรื่องการจากไปของน้องเมสเซนเจอร์คนสำคัญของทีม ไปจนถึงการเตรียมตัวพิชชิ่งกับ NIA รอบไฟนอลเพื่อขอทุน
ช่วงที่ผ่านมาถือว่าชีวิตเข้าสู่โหมดของการปรับตัวอย่างมากพอสมควร ปรับตัวชีวิตที่ว่าเมียถามว่า “เป็นอะไรรึเปล่า ดูเหมือนเนือยๆ?” ผมฟังแล้วก็ได้แต่หัวเราะแล้วบอกไปว่า “ไม่มีนะ กำลังปรับสมดุลย์ชีวิตอยู่ แค่นั้นแหละ” ย้อนกลับไปไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ชีวิตผมเริ่มยุ่งเหยิง พยายามวิ่งตามหาสิ่งที่เรียกว่า “ความสำเร็จ” เหมือนอย่างที่เห็นคนอื่นๆเขาสำเร็จกัน แน่นอนว่าสิ่งหนึ่งที่กระตุ้นให้อาการหิวโหยความสำเร็จนี้ยิ่งรุนแรงมากขึ้นคือโลกออนไลน์ที่เต็มไปด้วยข่าวสารข้อมูลและสื่อที่ประโคมและสรรเสริญยกย่องคนที่ประสบความสำเร็จ พอชีวิตสำเร็จก็ดูมีความสุขแบบสุดๆไปด้วย
เมื่อวานช่วงถามตอบคำถามเป็นช่วงที่สนุกดี น้องๆหลายคนที่กำลังอยู่ในวัยยี่สิบกว่าๆ ดวงตาดูมีไฟที่คุกรุ่นพร้อมอยากจะออกไปลุยสนามจริงกันอย่างมาก เห็นแล้วก็อดนึกถึงตัวเองในช่วงวัยนั้นไม่ได้ที่กำลังวิ่งตามหาสิ่งที่เรียกว่า ‘ความฝัน’ ซึ่งในเวลานั้นไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่มีภาพในหัวที่เลือนลางประมาณว่าอยากทำงานที่ท้าทาย มีความหมายกับคนรอบข้าง และทุกเช้าที่ตื่นมาก็จะพร้อมลุยกับมันอยู่เสมอ มันเป็นความฝันที่เลือนลางจนเลื่อนลอย, ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะไปหามาจากไหนไอ้งานหรือสิ่งที่อยู่ในหัวนั้น ผ่านมาถึงตอนนี้เมื่ออายุ 38 ขวบปีก็มองย้อนกลับไปก็ได้แต่อมยิ้ม เพราะถ้าให้บอกว่าตอนนี้ได้ทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วไหม? ก็คงใช่ในระดับหนึ่ง แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้สวยงามโรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุกวันก็ยังคงเป็นความท้าทาย งานก็ยังคงสนุก มีเรื่องให้ต้องทำอยู่ทุกๆวัน ซึ่งที่ผ่านมาตลอดสิบกว่าปีที่เริ่มเข้าสู่วัยทำงานอย่างจริงจังนั้นเส้นทางชีวิตก็ไม่เคยเกิดขึ้นตามที่คิดเอาไว้เลย (ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นยังไงนะ แต่ตัวผมเองนี้เส้นชีวิตอย่างยุ่งเหยิงเลย) แต่ในความ ‘คาดเดาไม่ได้’ นั้นเองก็เป็นเสน่ห์ของชีวิต