SOPON’S BLOG
2 เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จด้านการเงิน
November 28, 2022
สูตรลดน้ำหนัก 4 กิโล ใน 4 สัปดาห์ : ไม่ต้องพึ่งยา แถมยังไปกินชาบูอีกต่างหาก
November 26, 2022
ฟีดแบคที่ดี ไม่ได้ดีเสมอไป : รับมือยังไงเมื่อเจอฟีดแบคหนัก ๆ ตรง ๆ และต้องปรับตัว
November 24, 2022
ปีใหม่ คนเก่า : จะเปลี่ยนตัวเองได้ ต้องรับตัวเองที่ไม่สมบูรณ์ให้ได้ก่อน
November 21, 2022
20 บทเรียนจากนักจิตบำบัดที่จะช่วยให้ชีวิตดีขึ้น
November 20, 2022
Facebook Twitter Youtube Instagram Medium Bootstrap
SOPON’S BLOG

Type and hit Enter to search

  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Tech
    • Business
    • Thoughts
    • Science
    • Startups
    • Lifehack
    • People
    • Travel
    • Inspiration
  • Podcast
  • About
  • Contact
  • Follow
    • Facebook
    • Twitter
    • Instagram
    • Blockdit
    • Telegram
Business

ทำไมใคร ๆ ก็ไม่รับโทรศัพท์ 

sopons
November 26, 2021 2 Mins Read
28 Views
0 Comments

โทรศัพท์เข้ามาในชีวิตคนอเมริกันในช่วงทศวรรษแรกของศตวรรษที่ 20 ในตอนแรกไม่มีใครรู้วิธีการใช้โทรศัพท์อย่างแน่นอน จนกระทั่ง Alexander Graham Bell ต้องการให้ผู้คนเริ่มการสนทนาโดยพูดว่า “Ahoy-hoy!” แต่ในที่สุด คนอเมริกันก็เรียนรู้ที่จะพูดว่า “Hello” และเกิดวัฒนธรรมบนกับการโทรมากมาย

ในช่วงเวลาหนึ่งเมื่อมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเรา “จำเป็น” ต้องรับโทรศัพท์ ความคิดนี้แทรกซึมวัฒนธรรมตั้งแต่ผู้ใหญ่จนถึง ในกลุ่มเด็ก ๆ รายการ Hello Kitty ก็ถูกออกแบบมาเพื่อสอนเด็ก ๆ ถึงวิธีการทำงานของโทรศัพท์ อย่างเช่น เมื่อโทรศัพท์เริ่มส่งเสียงดังขึ้น เด็ก ๆ ก็จะเข้าใจว่า “มันคือโทรศัพท์ เย้!” แล้วก็จะตะโกนเรียก “แม่! แม่! โทรศัพท์กำลังดัง รีบมาเร็ว! เดี๋ยวเขาจะวางสาย”

ก่อนที่จะมี caller ID ที่ว่าใครโทรมานั้น หากคุณไม่รับโทรศัพท์ทันเวลานั่นก็คือ คุณต้องรอจนกว่าพวกเขาจะโทรกลับ แล้วถ้าคนที่โทรมามีเรื่องสำคัญจะบอกคุณหรือถามคุณล่ะ? ขาดสายแน่ ซึ่งมันแย่มาก ใครโทรเข้ามาต้องรีบรับนะ!

Photo by NordWood Themes on Unsplash

ถ้าไม่รับสายก็เหมือนมีคนมาเคาะประตูบ้าน แล้วคุณยืนหลังประตูไม่ยอมเปิดประตู การทำแบบนั้นมันค่อนข้างหยาบคาย และลับ ๆ ล่อ ๆ นอกจากนี้ ถ้าโทรศัพท์ดังขึ้น มันจะมีคำถามมากมายอยู่เสมอ มีอะไรต้องจัดการหรือเปล่า ใครโทรมา? ต้องการอะไร? สายนี้โทรหา … เราเหรอ?

สิ่งนี้กลายเป็นวัฒนธรรมที่ผู้คนทั่วไปสามารถใช้เพื่อทำความเข้าใจการสื่อสารผ่านเทคโนโลยี เมื่อคุณโทรหาใครซักคน ถ้าเขาอยู่ที่นั่น เขาจะรับสาย พวกเขาจะทักทาย ถ้ามีคนโทรหาคุณ ถ้าคุณอยู่ที่นั่น คุณก็จะรับสาย คุณจะทักทาย นั่นเป็นเพียงวิธีการทำงานของโทรศัพท์ 

อย่างไรก็ตามวัฒนธรรมนี้กำลังหายไป ….. ไม่มีใครรับสายอีกต่อไป แม้แต่ในวงการธุรกิจ พวกเขาก็ยังทำทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงการรับโทรศัพท์ จากที่เคยโทรไป 50 สายหรือมากกว่านั้นในเดือนที่แล้ว เราอาจจะรับสายสี่หรือห้าครั้งต่อเดือน ภาพนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน ในคนที่เติบโตขึ้นมาในวัฒนธรรมการโทรศัพท์ 

การแลกเปลี่ยนทางโทรศัพท์ในยุคนั้นเป็นสิ่งที่โรเบิร์ต ฮ็อปเปอร์ นักวิชาการอธิบายว่า “ไม่ใช่พิธีกรรม แต่เป็นกิจวัตรจนดูเหมือนเป็นพิธี” เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทุกคนรู้ดีว่าต้องตอบและพูดตาม “พิธีกรรม ตามทัศนคติของชาติ” แต่ตอนนี้คนลืมวิธีการรับสาย การตอบกลับไปแล้ว

มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้วัฒนธรรมโทรศัพท์พังทลายลงอย่างช้าๆ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือโครงสร้าง ในปัจจุบันมีตัวเลือกในการสื่อสารที่มากกว่าเดิม เช่น การส่งข้อความและมัลติมีเดียที่เกี่ยวข้อง อย่าง การส่งคำที่ผสมกับอิโมจิ Bitmoji, gif, ภาพถ่ายเก่า, วิดีโอ, ลิงก์

การส่งข้อความเป็นเรื่องสนุก สามารถดำเนินการกับคนจำนวนมากได้พร้อมๆ กัน เกือบจะทันทีเหมือนกับการโทร แต่เราไม่ต้องพูดเลย เรามี Twitter, Facebook, Slack, อีเมล, FaceTimes ที่มาจากสมาชิกในครอบครัว 

Photo by Neil Soni on Unsplash

80 ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ของสายที่โทรเข้ามาอาจเป็นสแปมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ตอนนี้ ถ้าตอนนี้เราได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากฟากหนึ่งของห้อง ตอนแรกเราอาจรู้สึกตื่นเต้นถ้าคิดว่าเป็นข้อความ แต่เมื่อมันดังขึ้นเรื่อย ๆ และเราก็จะรู้ว่านั่นคือคือการโทรเข้า และเราจะไม่แม้แต่จะเดินผ่าน

เพราะว่ามันมี telemarketing calls ที่ไม่พึงประสงค์ โดยมี robocall เล่นเสียงข้อความที่บันทึกไว้ หรืออาจจะมีนักการตลาดทางโทรศัพท์แบบไซบอร์กซึ่งนั่งอยู่ในคอลเซ็นเตอร์โดยเล่นเสียงที่บันทึกไว้ล่วงหน้าเพื่อจำลองการสนทนา มีการโทรสแปมซึ่งมีจุดประสงค์เพียงเพื่อยืนยันว่าหมายเลขโทรศัพท์ของคุณเป็นของจริงและใช้งานได้

Federal Communications Commission ได้พยายามชะลอการทำงานของ robocall มีแอพที่ชื่อว่า YouMail (ในไทยก็มี whocalls? ให้บริการอยู่นะ) เป็นแอปที่พยายามบล็อกการโทรประเภทนี้ และพวกเขาสร้างการประมาณจำนวนการโทรด้วย robocall ในแต่ละเดือน ซึ่งมันมีตัวเลขส่ายไปมา และเดือนเมษายน 2018 แสดงให้เห็นเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาล

Chart derived from YouMail’s Robocall Index.

นักการตลาดทางโทรศัพท์เป็นต้นแบบของการฉกฉวยประโยชน์จากแรงผลักดันของวัฒนธรรมรับโทรศัพท์ ผู้คนเบื่อหน่ายกับการทำงานรูปแบบที่ซ้ำซากและจำเจ จนในที่สุดคนก็เลิก.

เครื่องจักรคือซอฟต์แวร์ประเภทที่หมุนหมายเลขโทรศัพท์ได้ พวกเขาเพียงแค่โทรและโทรและโทรและโทร บ่อยครั้งเมื่อเราพลาดรับสายขึ้นมา เราก็ไม่ทำอะไรเลยนอกจาก —-  วางสายซะ และจากนั้นเบอร์โทรศัพท์ที่มีค่าของเรา ก็จะถูกขายให้กับนักส่งสแปมรายต่อไป

ที่มา : https://getpocket.com/explore/item/why-no-one-answers-their-phone-anymore

Tags:

Bussinesswธุรกิจไม่รับสายไม่รับโทรศัพท์

Share Article

Follow Me Written By

sopons

Writer / Columnist (Salmon Books, 101.world, The Matter, Beartai, The People, a day Bulletin, CapitalRead, GQ, Billion Brands)

Other Articles

Previous

Carol Dweck : เพราะเรา ‘ยัง’ พัฒนาไปได้อีก

Next

Annabelle King  – คอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ช่วยกอบกู้ร้านลูกอมของครอบครัวด้วย TikTok

Next
November 27, 2021

Annabelle King  – คอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ช่วยกอบกู้ร้านลูกอมของครอบครัวด้วย TikTok

Previews
November 25, 2021

Carol Dweck : เพราะเรา ‘ยัง’ พัฒนาไปได้อีก

Related Posts

3 กลยุทธ์ทางธุรกิจที่คุณคิดว่าดีสำหรับสตาร์ทอัพ แต่ที่จริงแล้ว มันไม่ใช่

by sopons
February 5, 2022

Under Armour เดิมพันทุกอย่างกับลูกค้าที่ผิดกลุ่มได้อย่างไร

by sopons
January 24, 2022

Mark Zuckerberg ควรลาออกตอนนี้เลยไหม?

by sopons
November 23, 2021

อาณาจักรโฆษณาแห่ง Google และ Facebook

by sopons
November 6, 2021

Subscribe to our newsletter and stay updated.

SOPON’S BLOG

© 2021, All Rights Reserved.

Quick Links

  • Contact
  • About
  • Billion Brands
  • Blockdit

Category

  • Self-Improvement
  • Technology
  • Business
  • Thoughts
  • Travel

Follow Us

Facebook Twitter Youtube Instagram
  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Business
    • Technology
    • Inspiration
    • Books
    • Life Style
    • Startups
    • Thoughts
    • Travel
  • About
  • Contact