ปริทัศน์ซีรี่ย์ YOU : เพื่อความรัก เรากล้าทำสิ่งนี้หรือเปล่า? (บทความมีการเปิดเผยเนื้อหา)
การกลับของ YOU (Season 3) สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จที่ต่อเนื่องในเรื่องราวของ “โจ โกลด์เบิร์ก” และเปิดเผยด้านที่กล้าหาญที่สุดของฆาตกรต่อเนื่องผู้ชาญฉลาด
เรื่องย่อสู่เนื้อหา
ปัจจุบัน Netflix กลายเป็นแพลตฟอร์มที่วัดความนิยมของภาพยนต์และซีรี่ย์ในบริบทวัฒนธรรมป๊อบกระแสหลัก ในเดือนตุลาคม 2021 ที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ยังคงไม่สามารถควบคุมได้ Squid Game ขึ้นแท่นเป็นซีรี่ย์ที่มีคนพูดถึงมากที่สุด และมีการรับชมมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของ Netflix เลยทีเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็มีอีกเรื่องที่มาเงียบ ๆ และเป็นที่พูดถึงกันมาตลอด 3 ปีอย่าง “YOU” ที่มีเรื่องราวน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
ในบริบทวัฒนธรรมป๊อปกระแสหลักของ Netflix การกลับมาสำหรับซีรี่ย์ที่มีภาค 3 ในวันนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จที่ต่อเนื่องในเรื่องราวของ “โจ โกลด์เบิร์ก” ซีรี่ย์นำเสนอเรื่องราวของตัวเอกผ่านการพากย์เสียงบรรยายและดำเนินเรื่องไปตาม โดยในซีรี่ย์เรื่องนี้มีการใช้คำและประโยคที่ “เฉียบ ตลก และชัดเจน” ผ่านสายตาและความคิดของโจ โกลด์เบิร์ก ที่รับบทโดย เพนน์ แบดจ์ลีย์ เขาแสดงเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่มีภาพลักษณ์ใสสะอาด หล่อเหลา ฉลาด ผู้ทำทุกอย่างเพื่อ “ผู้หญิงที่เขารัก” ไม่ว่าจะเป็นการสะกดรอยตาม แฮ็คโซเชียลมีเดีย บุกเข้าไปในบ้านและขโมยสิ่งของของพวกเธอมา หากใครมาขวางทางเขา เขาก็จะลักพาตัวและฆ่าทิ้ง
จนในภาคที่ 2 โจก็ได้ไปเจอกับหญิงสาวที่ใช้คำว่า “ศีลเสมอกัน” — Love Quinn (รับบทโดย วิคตอเรีย เพดเร็ตติ) ชื่อของหญิงสาวที่แปลว่า “ความรัก” ในซีซั่นที่สองของซีรี่ย์เรื่องนี้ทำให้เราคิดว่าในที่สุดผู้หญิงคนนี้อาจจะรักโจมากพอที่จะทำให้โจหยุดการกระทำบางอย่าง
แต่เปล่าเลย เลิฟก็มีความลับดำมืดและพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อคนที่เธอรัก “เธอมีสัญชาตญาณของนักฆ่า” ไม่ต่างจากโจ อาจจะบ้ากว่าโจด้วยซ้ำ
ในตอนท้ายของซีซั่นสองเราได้เห็นโจที่ตั้งใจว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ และวาดหวังว่าจะเป็นพ่อที่ดีของลูกสาวของเขาและสามีที่ดีของเลิฟ
ในตอนท้ายของภาคสอง โจและเลิฟแต่งงานกันย้ายไปหมู่บ้านชานเมืองที่มีสังคมที่ดีกว่า เพื่อนบ้านที่ร่ำรวย เพื่อให้ลูกของพวกเขาเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดีและเริ่มต้นใหม่ แต่ว่าจากซีรี่ย์เรื่องนี้สิ่งหนึ่งที่เข้ามาหัวของผู้เขียนเสมอก็คือ
“If something is too good to be true, it’s a lie.”
(ถ้าบางอย่างดีเกินไป มันคือเรื่องโกหกทั้งนั้น)
การแต่งงานและเจตนาที่จะเป็นพ่อของโจครั้งนี้ก็เหมือนกัน?
SEASON 3 Start : When it’s A He not She
ถ้าหากเราได้ย้อนกลับไปดูใน Episode สุดท้ายของภาคที่ 2 “ลูกสาว” ในท้องของเลิฟคือคนที่หยุดหายนะทุกอย่างที่โจตั้งใจจะทำ ทั้งการฆ่าเลิฟทันทีที่เขาออกจากคุกที่ขังเขาไว้ โฟร์ตี้น้องชายฝาแฝดของเลิฟที่กำลังจะฆ่าโจ การท้องของเลิฟทำให้โจต้องเริ่มคิดแผนการใหม่และทิ้งนิสัยเก่า ๆ และเริ่มต้นที่จะรักและเชื่อใจเลิฟ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเลิฟก็บ้าไม่ต่างจากเขา
โจ ตั้งใจที่จะรักลูกสาวของเขามาก เราได้รู้ว่าในภาคที่สามนี้ โจก็ยังทำใจให้กลับไปรักเลิฟไม่ได้หลังจากที่รู้ว่าเลิฟเป็นฆาตรกร จากการที่เขาเริ่มต้นด้วยการพูดบรรยายในช่วงต้นว่า
“เพื่อลูก พ่อยอมที่จะแต่งงานกับผู้หญิงชั่วคนหนึ่งที่เป็นแม่ของลูก”
แต่ทุกอย่างก็กลับตาลปัตร เมื่อเด็กที่เกิดมาไม่ใช่เด็กผู้หญิง “แต่เป็นเด็กผู้ชาย” เลิฟตั้งชื่อเขาว่า ‘เฮนรี่’ ยังไงก็ตาม โจยังคงตั้งใจที่จะเลี้ยงดูลูกชายของเขาให้เติบโตมาอย่างดี แม้เขาจะรู้ว่ามันผิดที่ผิดทางไปบ้าง แต่เขาก็ยังคงทำตามเดิมคือ หาทางที่จะกลับไปรักเลิฟและปกป้องลูกของเขา
แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินต่อไป นิสัยเดิม ๆ และความเชื่อที่ว่าเขาจะต้องไปเจอ “คุณ” สักคนที่เป็น “โชคชะตาของเขา เนื้อคู่ของเขา” ก็ยังไม่หยุด เขาดันไปถูกใจ เพื่อนบ้านคนใหม่ชื่อ “นาตาลี” และ ใช่ เขายังทำนิสัยเดิมคือแอบเข้าไปดูว่าหล่อนคือใคร ขโมยของใช้ เราเห็นนิสัยเดิม ๆ ของโจในภาคก่อนหน้า แต่ยังไม่ทันที่จะได้มีความสัมพันธ์อะไรกับนาตาลี
“เลิฟก็จับได้ และฆ่าเธอทิ้งไป”
เมื่อฆ่าคนแรก คนที่สองก็ตามมา เลิฟฆ่าเพื่อนบ้านคนหนึ่งที่ต่อต้านวัคซีนจนเป็นต้นเหตุให้ลูกของพวกเขาป่วย รอบนี้เราจะได้เห็นทีมเวิร์คของเลิฟและโจ ในการฆ่าและปกปิดการฆาตกรรมที่เลิฟก่อ การป้ายความผิดและพยายามรักษาความสัมพันธ์ระหว่างกันของทั้งโจและเลิฟ
ลายเซ็นสำคัญของหนังเรื่องนี้อีกเรื่องคือ คุกขังในห้องใต้ดิน ในภาคนี้มีคู่รักคู่หนึ่งที่เข้ามาพัวพันกับเลิฟและโจ เชอร์รี่และแคร์รี่ สองสามีภรรยาที่พยายามจะเป็นกูรู เป็นตัวอย่างของชุมชนที่ทั้งคู่อยู่ แต่นั่นแหละนะมีเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่ต้องถูกเอาไปขังไว้ในคุกกระจกสี่เหลี่ยมของเลิฟและโจ ในคุกนั้น เลิฟขังพวกเขาไว้ เอาปืนวางไว้หนึ่งกระบอก เพื่อจะให้คู่รักที่บอกว่ารักกันนักหนา ฆ่ากันให้ตาย จะได้รู้ว่าธาตุแท้ของแต่ละคนเป็นยังไง
แต่คู่รักคู่นั้นรอดจากคุกใสสี่เหลี่ยมมาได้ ในขณะที่โจและเลิฟยังคงอยู่ในคุกที่ไม่มีเขตแดนต่อไป
ในภาคนี้เราจะเห็นว่าเลิฟพยายามที่จะฟื้นความสัมพันธ์ของเธอกับโจ เธอทำทุกอย่างเพื่อปกป้องครอบครัวของเธอ ส่วนโจ เขาทิ้งความพยายามไปตั้งแต่ลูกสาวของเขากลายเป็นลูกชาย และเริ่มมองหาความรักครั้งใหม่ แต่ก็เนียนเล่นไปตามเกมของเลิฟ มันเหมือนว่าทั้งสองคนจะรู้ไต๋กันและกัน
“ทุกอย่างพังยับเยิน”
ในขณะที่โจสร้างโลกขึ้นมาสองใบ ใบหนึ่งคือเขากำลังทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับเลิฟ อีกใบหนึ่งเขาก็พยายามปกป้องแมร์ริแอนน์จากไรอัน อดีตสามีที่กำลังจะพรากลูกสาวของเธอไป และอยากจะหนีออกจากเมืองนี้เพื่อไปเริ่มใหม่กับแมร์ริแอนน์
เลิฟมีความสัมพันธ์กับ ธีโอ ลูกชายของนาตาลี ส่วนหนึ่งเราก็จะเห็นว่าเลิฟเนี่ย มีสัมพันธ์กับธีโอเพราะว่าต้องการที่จะติดตามความลับที่พ่อของธีโอ(แมทธิว) กำลังตามสืบว่าใครคือฆาตกรที่ฆาตกรรมภรรยาของเขาตัวจริง ซึ่งโจรู้เรื่องนี้ดีว่าเลิฟก็แอบมีความรู้สึกให้กับธีโอเพราะธีโอทำให้เธอนึกถึงน้องชายฝาแฝดที่เสียไป แต่โจก็ไม่ได้รู้สึกอะไรอีกแล้ว และปล่อยให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดำเนินไป เพราะเขาได้ไปหลงรักแมร์ริแอนน์ เพื่อนร่วมงานของเขา เรื่องราวดำเนินไปโดยโจก็วุ่นวายไปกับการพยายามแกล้งกลับมารักเลิฟ และตามสืบเรื่องราวของแมร์ริแอนน์
แต่ความลับไม่มีในโลก เลิฟประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมดได้ในตอนท้าย เลิฟเกือบจะฆ่าแมร์ริแอนน์ให้โจดู โดยเธอทำให้โจเป็นอัมพาตและนอนอยู่ที่พื้น หลอกให้แมร์ริแอนน์มาหาที่บ้าน เธอถือมีดเตรียมจะฆ่าแมร์ริแอนน์ต่อหน้าโจ เพื่อให้เขารู้ว่าเพื่อปกป้องสิ่งที่เธอสถาปนาว่าเป็นความรักและครอบครัว เธอพร้อมจะฆ่าเพื่อมัน แต่ทันที่เลิฟเห็นลูกสาวของแมริแอนน์ เธอก็ปล่อยแมร์ริแอนไป ทั้งสองคนเริ่มพูดถึงโจและก็รู้ว่า
‘โจ ก็แค่โน้มน้าวให้พวกเธอ(เลิฟและแมร์ริแอนน์)มารักเขา’
เลิฟเฉลยกับแมร์ริแอนน์ว่า ไรอัน สามีเก่าของเธอตายไปเพราะโจเป็นคนฆ่า เลิฟบอกให้แมร์ริแอนน์หนีไป และเธอก็เชื่อในสิ่งที่เลิฟพูด ภาพนั้นทำให้ภาพฝันที่โจสร้างกับแมร์ริแอนน์สลายไปต่อหน้าเขา
เลิฟกลับมาคิดว่า ต้นเหตุทั้งหมดมันคือ “โจ” เลิฟกัดกินตัวเองเพื่อโจ เพราะเธอคิดว่าเขาจะมาสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเธอและลูก
“แต่แมร์ริแอนเป็นตัวอย่างให้เธอเห็นว่าการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวก็ไม่ได้แย่” เลิฟหันมีดมาเพื่อเตรียมจะฆ่าโจ …. แต่เธอพลาด
ประโยคสุดท้ายที่เลิฟพูดกับโจก็คือ
“เราสองคนเป็นคู่ที่เหมาะสม แต่ไม่ใช่พ่อแม่ที่เหมาะสมกับเฮนรี่”
มันทำให้โจ นึกย้อนกลับไปยังเรื่องราวของเขา ในวันที่เขาได้กลับไปเจอแม่ที่ทิ้งเขาไปอีกครั้ง และพบว่าแม่เริ่มต้นใหม่ และบอกให้เขาเริ่มต้นใหม่ เขานำเฮนรี่ใส่ตะกร้าแล้วเอาไปวางไว้ให้เพื่อนบ้าน นั่นเป็นฉากที่เราเห็นน้ำตาของโจ ในบรรดาการฆาตกรรมทั้งหมดที่เรื่องนี้มีขึ้นมา สำหรับผู้เขียนแล้ว ฉากนี้เป็นฉากที่โจกล้าหาญที่สุด มันไม่มีอะไรจะกล้าหาญไปมากกว่าการที่โจยอมรับว่าเขาไม่เหมาะสมที่จะเลี้ยงดูลูกชายของเขา
บทพูดหนึ่งของแม่ของโจ น่าจะอธิบายการตัดสินใจของโจได้ดี
“และถึงแม้แม่จะยังรักลูก แต่แม่ก็ทำร้ายลูกเหมือนกัน บางครั้งเราก็ต้องเริ่มต้นใหม่นะ โจอี้”
โจยังคงเชื่อว่า ความรักที่ดีก็คือการปกป้อง และสิ่งที่เขาทำเพื่อเฮนรี่ก็คือการปกป้องเฮนรี่จากตัวเขาและเลิฟ
ส่งท้าย
ในตอนจบของหนัง เรายังคงเห็นโจเป็นโจ ผู้คลั่งรัก นักวางแผนและต้องการทำทุกอย่างเพื่อคนที่เขารัก เขาฆ่าเพราะรักได้ เลิฟก็เช่นกัน เธอยังคงเด็ดเดี่ยวในรัก ยอมให้ความรักกลืนกิน และเพื่อสิ่งที่เธอรัก เธอก็ฆ่าได้เหมือนกัน กลายเป็นว่าความรักของโจและเลิฟคือการฆ่าเพื่อกันไปมา และแม้ทั้งคู่จะให้เหตุผลว่า การลงมือเป็นไปเพื่อจะปกป้องสิ่งที่ตัวเองรัก แต่ทั้งคู่กลับไม่เคยรู้สึกปลอดภัย และยังไม่ไว้ใจกันและกัน
เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย ความพยายามของทั้งเลิฟและโจก็นำมาสู่จุดจบ
“เลิฟและโจคือคู่รักที่ศีลเสมอกัน แต่การแต่งงานของคนทั้งคู่นำมาซึ่งบาปอันบริสุทธิ์ พยายามยังไงก็จะไม่มีวันมีความสุข “ความเชื่อใจเหมือนจะเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องราวทั้งหมด” และถ้าเรารักด้วยใจที่อยากจะเป็นเจ้าของ ทั้งที่เรารู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่เหมาะสม มันย่อมกลืนกินทั้งเราและคนที่เรารัก”
เราต้องย้อนกลับมาถามว่า เรากล้าแค่ไหนเพื่อจะปกป้องคนที่เรารักจากความ ปสด. ทั้งปวงที่เกิดจากตัวเรา
“พ่อขอโทษเฮนรี่ พ่อรักลูกกว่าอะไรทั้งหลายในโลก แต่ว่าเราจะไม่จากกันไปตลอดกาลหรอก”
อ้างอิง :