SOPON’S BLOG
“สุขมากขึ้น ร่ำรวยขึ้น และสงบมากขึ้น” : เปิดประสบการณ์ ‘No Spend Year’ ของนักข่าวฟรีแลนซ์ที่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยกับปี 2024 ที่ตัดค่าใช้จ่ายเหลือแค่ที่จำเป็น
November 28, 2024
ด้านมืดของ ‘บริโภคนิยม’ จากสารคดี ‘Buy Now! The Shopping Conspiracy’ มนุษย์โหมบริโภค โลกจึงกลายเป็นกองขยะ
November 27, 2024
อย่าให้สังคมกำหนดว่าเรา ‘ต้องมีอะไร’ ถึงจะมีความสุข
November 27, 2024
แม้ไม่มีรายได้ แต่รายจ่ายมีทุกวัน : 5 อย่างที่ต้องเตรียมพร้อมด้านการเงิน เมื่อตลาดแรงงานไม่มั่นคง
November 27, 2024
กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว แต่วางหินวันละก้อน
November 26, 2024
Facebook Twitter Youtube Instagram Medium Bootstrap
SOPON’S BLOG

Type and hit Enter to search

  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Tech
    • Business
    • Thoughts
    • Science
    • Startups
    • Lifehack
    • People
    • Travel
    • Inspiration
  • Podcast
  • About
  • Contact
  • Follow
    • Facebook
    • Twitter
    • Instagram
    • Blockdit
    • Telegram
TechThoughts

หลุมพรางแห่งการรวมตัวของ Instagram, WhatsApp และ Facebook Messenger

sopons
October 23, 2020 2 Mins Read
717 Views
0 Comments

CEO Mark Zuckerberg มีการวางแผนกลยุทธ์ที่จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างของ WhatsApp, Instagram (ส่วนของ direct messages) และ Facebook Messenger เพื่อที่จะให้เมสเสสสามารถส่งผ่านหากันได้หมดทุกแพลตฟอร์ม สำนักข่าว The New York Times ได้เปิดเผยเรื่องนี้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาโดยบอกว่าพี่มาร์คนั้นต้องการเริ่มใช่เทคโนโลยีที่เรียกว่า “end-to-end encryption” ซึ่งแค่การเปลี่ยนแปลงตรงนี้ก็ถือว่าเป็นงานขนาดยักษ์ที่ต้องใช้ขุมกำลังขนาดมหาศาลแล้ว เพิ่มการออกแบบระบบที่สามารถใช้ได้ทั้งสามแอพพลิเคชันพร้อมกับ end-to-end encryption (ที่ผู้ใช้งานจะใช้ได้แบบไม่งงงวย) ถือเป็นขั้นตอนที่ท้าทายที่สุดเลยก็ว่าได้

ขอแทรกเรื่อง “end-to-end encryption” นิดหนึ่งว่ามันเป็นระบบการสื่อสารที่ผู้อ่านข้อความได้คือคนรับ-คนส่งเท่านั้น โดยแม้แต่ตัวกลางอย่างบริษัทที่ให้บริการก็ไม่สามารถอ่านได้ เพิ่มความปลอดภัยของการหลุดรอดของข้อมูลระหว่างทาง (ถ้าสนใจลองหาข้อมูลอ่านต่อครับสนุกดี)

โดยตอนนี้ WhatsApp ใช้ end-to-end อยู่แล้วซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่ Facebook Messenger จะเปิดใช้ระบบนี้ก็ต่อเมื่อผู้ใช้งานเลือกเปิด “Secret Conversations” เท่านั้น ส่วน Instagram ไม่ต้องพูดถึงเพราะไม่มีให้เลยสำหรับส่วนของโปรแกรมแชท WhatsApp ได้เริ่มใช้เทคโนโลยีนี้ตั้งแต่ปี 2016 และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน

Facebook ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการวางแผนเบื้องต้นในการรวมเอาแพลตฟอร์มต่างๆไว้ด้วยกัน ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกและเพิ่มระบบความปลอดภัยในการแชทให้กับผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น แต่คำถามใหญ่ที่พวกเขาต้องตอบให้ได้ก่อนลงมือทำคือ “เมื่อ end-to-end encryption นั้นรับประกันว่าข้อมูลสามารถมองเห็นได้แค่สองที่คือผู้รับและผู้ส่ง แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเอาแชทเหล่านี้มารวมกัน ต้นทางเป็น end-to-end ก็จริง แต่ปลายทางเป็นแชทที่เปิดปิดระบบได้ หรืออาจจะไม่มีเลย อะไรจะเกิดขึ้น?” การรวมตัวครั้งนี้ Facebook จะต้องหาหนทางที่ช่วยผู้ใช้งานให้เข้าใจถึงการควบคุม end-to-end encryption เพราะไม่งั้นระบบที่ปลอดภัยอันนี้ก็มีช่องโหว่ที่น่ากลัวอยู่ดี

Matthew Green นักวิทยาการเข้ารหัสลับที่มหาวิทยาลัย Johns Hopkins กล่าวว่า

“ปัญหาใหญ่ที่ผมเห็นคือ WhatsApp มี end-to-end encryption เพียงคนเดียว แล้วถ้าเป้าหมายคือการส่งข้อความข้ามไปมาระหว่างแอพพลิเคชั่นได้ แล้วถ้าเกิดว่ามันได้ถูกเข้ารหัสระหว่างที่ข้อความส่งมาจะเกิดอะไรขึ้น? มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นหลายอย่างเลยทีเดียว”

คนที่ใช้ WhatsApp ก็คิดว่าเมสเสสของเขานั้นปลอดภัย เพราะใช้ end-to-end ถูกไหมครับ? แต่ถ้าเกิดว่าระบบที่รวมกันแล้วทาง Instagram ไม่มีระบบนี้หล่ะ? หรืออาจจะเปิดปิดได้? ถ้าผู้รับไม่ได้กดเปิดจะทำยังไง? หรือ default จะเป็นแบบไหน? แล้ว Facebook เองจะบอกไหมว่าข้อความของคุณได้รับการใส่รหัสรึเปล่า?

สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ (แต่ไม่ควรเกิดขึ้น) อย่างเช่นว่า Facebook มองเห็นข้อความของเราที่คุยกับเพื่อน อาจจะเกี่ยวกับแผนการเดินทางไปญี่ปุ่นเดือนหน้า เมื่อระบบเห็นคำว่า “เดินทาง” “ญี่ปุ่น” ปุ๊บก็รีบยิงโฆษณาบริษัทนำเที่ยวมาเพื่อให้เราคลิ๊กทันที บอทเหล่านี้คอยดักฟังระหว่างทางจะทำให้เราเป็นเป้าหมายในการโฆษณามากยิ่งขึ้นและบริษัทเองตอนนี้ก็ทำเงินไม่ได้มากจากสมาชิก 1.5 พันล้านคนของ WhatsApp เพราะฉะนั้น…นี่อาจจะเกิดขึ้น

Facebook ออกมาประกาศว่า

“เราต้องการสร้างประสบการณ์การแชทที่ดีที่สุดเท่าที่เราสามารถทำได้ ทุกคนต้องการระบบที่รวดเร็ว ง่าย มั่นคงและเป็นส่วนตัว เรากำลังสร้างผลิตภัณฑ์ของเราให้เป็น end-to-end และทำให้ทุกอย่างนั้นเป็นเรื่องง่ายในการติดต่อเพื่อนและครอบครัวที่อยู่ในเครือข่าย แต่ก็อย่างที่คุณคิดนั้นแหละว่ามีเรื่องที่ต้องคุยกันต่อและปรึกษากันมากมายในระหว่างที่เรากำลังลงรายละเอียดว่ามันต้องทำยังไง”

Facebook เน้นย้ำว่าขั้นตอนที่ค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้จะทำให้สามารถเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆระหว่างทางได้ดีกว่าก่อนที่จะเปิดสวิทช์แล้วเปลี่ยนระบบแชททั้งหมด แต่ต้องบอกว่า encryption ไม่ใช่ปัญหาเดียวที่พวกเขาต้องคำนึงถึง ยังมีเรื่องความเป็นส่วนตัวสำหรับบุคคลเดียวที่มีบัญชีของทั้งสามอัน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเมสเสสมาแล้วทั้งสามบัญชีรับข้อความ? แม้ว่ามันจะสะดวกเมื่อมีช่องทางรับข้อความหลายทาง แต่เรื่องมันจะซับซ้อนมากเลยทีเดียว

ในปี 2016, WhatsApp เริ่มแชร์เบอร์โทรศัพท์และข้อมูลด้านอื่นๆให้กับ Facebook กลายเป็นจุดที่ทำให้เส้นแบ่งของทั้งสองบริการนี้เลือนหายไป WhatsApp ยังอนุญาตให้ผู้ใช้งานสมัครเปิดบัญชีด้วยหมายเลขโทรศัพท์อยู่ตอนนี้ อีกด้านหนี่งอย่าง Facebook ต้องใช้ชื่อที่ถูกต้องตามกฎหมายตามระเบียบ “real name” policy ซึ่งพวกเขายังคงใช้กฎนี้เพื่อป้องกันการปลอมแปลงตัวและความปลอดภัย แต่มันก็สร้างปัญหาที่ตามมาสำหรับผู้ใช้งานที่ไม่อยากเปิดเผยตัวตนและมีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่อาจจะบอกได้ (เช่นคนที่แปลงเพศมาแล้วไม่อยากใช้ชื่อตามใบสูติบัตร)

ในด้านหนึ่งของข่าวที่ Zuckerberg เขียนบอกว่า

“แน่นอนว่าเราเก็บข้อมูลบางส่วนสำหรับโฆษณาแต่ข้อมูลเหล่านั้นโดยทั่วไปแล้วก็สำคัญสำหรับความปลอดภัยและการปฏิบัติงานของบริการของเราเช่นกัน”

การรวมข้อมูลของทุกบริการเข้าไว้ด้วยกันก็มีข้อดีที่สามารถป้องกันการปลอมแปลงตัว แต่มันก็เป็นขุมทองการขุดข้อมูลให้กับ Facebook นำไปใช้เพื่อยิงโฆษณาได้เช่นเดียวกัน

อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องคิดคือบางคนใช้ username ที่แตกต่างกันในแต่ละบริการด้วยสาเหตุหลายๆอย่าง การเอามารวมกันทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะมีความสุขกับการรวมตัวกันแบบนี้ซะเมื่อไหร่ บางคนใช้ Facebook แต่ไม่ใช้ Instagram หรือ WhatsApp การรวมกันของบริการเหล่านี้จะเป็นการผลักจำนวนผู้ใช้บริการของแต่ละที่มากยิ่งขึ้น (เหมือนเป็นการบังคับไปในตัว)

ถ้าใครยังจำได้ถึงเหตุการณ์เมื่อปีก่อน Jan Koum และ Brian Acton ผู้ก่อตั้งบริษัท WhatsApp นั้นได้ลาออกไปโดยไม่ได้แจ้งเหตุผลที่ชัดเจนอะไร สิ่งหนึ่งที่ข่าวนำมาเล่าคือว่าต้นเหตุน่าจะมาจากสาเหตุนี้แหละ ความเห็นที่ไม่ลงรอยกันและสุดท้ายก็ต้องบอกลาบริษัทที่ตนเองสร้างมากับมือ

อีกอย่างหนึ่งที่เราน่าจะไม่ได้เห็นแน่ๆเลยคือการให้ทุกบริการเป็น end-to-end ทั้งหมด เพราะมันจะหมายความว่า Facebook จะไม่ได้รับข้อมูลของการแชทอะไรเลยทั้งสิ้น


ตอนนี้เราได้แต่ตั้งคำถามว่า Facebook จะทำยังไงต่อ จะรวมทั้งสามโปรแกรมแชทไว้ด้วยกันยังไง? ไม่ใช่แค่ทางเทคนิคเท่านั้น แต่จะทำยังไงให้ผลลัพท์ที่ออกมาไม่สับสนแก่คนใช้งานและผลักให้พวกเขาไปใช้โปรแกรมแชทอันอื่นแทน

Tags:

break upBrian ActonEE2Eend-to-end encryptionfacebookFacebook MessengerinstagramJan KoumMark Zuckerbergwhatsapp

Share Article

Follow Me Written By

sopons

Writer / Columnist (Salmon Books, 101.world, The Matter, Beartai, The People, a day Bulletin, CapitalRead, GQ, Billion Brands)

Other Articles

Previous

หรือเราไม่จำเป็นต้องมี “Social Media”?

Next

5G and How it will change our lives – ระบบสื่อสารไร้สายยุคที่ 5 ที่จะมาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราในอนาคต

Next
October 23, 2020

5G and How it will change our lives – ระบบสื่อสารไร้สายยุคที่ 5 ที่จะมาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราในอนาคต

Previews
October 23, 2020

หรือเราไม่จำเป็นต้องมี “Social Media”?

No Comment! Be the first one.

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Related Posts

อินเตอร์เน็ตกับการหาคู่ : ความสุข ความรัก อกหัก และ กู้ดบาย

by sopons
November 8, 2020

หรือเราไม่จำเป็นต้องมี “Social Media”?

by sopons
October 23, 2020

Data, Privacy and Power – ข้อมูล ความเป็นส่วนตัว และอำนาจ : ใครเป็นเจ้าของข้อมูล รัฐบาล บริษัท หรือผู้ใช้งาน?

by sopons
October 18, 2020

When the Office is Dead – เมื่อออฟฟิศกำลังจะตาย ในโลกใหม่ของการทำงาน

by sopons
October 17, 2020
SOPON’S BLOG

STUFF WORTH READING

© 2022, All Rights Reserved.

Quick Links

  • Contact
  • About

Category

  • Self-Improvement
  • Technology
  • Business
  • Thoughts
  • Psychology

Follow

Facebook Twitter Youtube Instagram
  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Business
    • Technology
    • Inspiration
    • Books
    • Life Style
    • Startups
    • Thoughts
    • Travel
  • About
  • Contact