SOPON’S BLOG
“สุขมากขึ้น ร่ำรวยขึ้น และสงบมากขึ้น” : เปิดประสบการณ์ ‘No Spend Year’ ของนักข่าวฟรีแลนซ์ที่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยกับปี 2024 ที่ตัดค่าใช้จ่ายเหลือแค่ที่จำเป็น
November 28, 2024
ด้านมืดของ ‘บริโภคนิยม’ จากสารคดี ‘Buy Now! The Shopping Conspiracy’ มนุษย์โหมบริโภค โลกจึงกลายเป็นกองขยะ
November 27, 2024
อย่าให้สังคมกำหนดว่าเรา ‘ต้องมีอะไร’ ถึงจะมีความสุข
November 27, 2024
แม้ไม่มีรายได้ แต่รายจ่ายมีทุกวัน : 5 อย่างที่ต้องเตรียมพร้อมด้านการเงิน เมื่อตลาดแรงงานไม่มั่นคง
November 27, 2024
กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว แต่วางหินวันละก้อน
November 26, 2024
Facebook Twitter Youtube Instagram Medium Bootstrap
SOPON’S BLOG

Type and hit Enter to search

  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Tech
    • Business
    • Thoughts
    • Science
    • Startups
    • Lifehack
    • People
    • Travel
    • Inspiration
  • Podcast
  • About
  • Contact
  • Follow
    • Facebook
    • Twitter
    • Instagram
    • Blockdit
    • Telegram
BusinessKnowlegeReviewThoughtsVideo

ด้านมืดของ ‘บริโภคนิยม’ จากสารคดี ‘Buy Now! The Shopping Conspiracy’ มนุษย์โหมบริโภค โลกจึงกลายเป็นกองขยะ

sopons
November 27, 2024 2 Mins Read
322 Views
0 Comments

🛍️ ’Buy Now : The Shopping Conspiracy’ สารคดีที่เพิ่งเปิดตัวใน Netflix ไปเมื่อไม่กี่วันก่อนเรียกเสียงฮือฮาบนโลกออนไลน์จากผู้ชมได้ไม่น้อย นอกจากประเด็นที่น่าสนใจแล้ว การเลือกจังหวะปล่อยออกมาก่อนวันชอปปิงแห่งปีของอเมริกาอย่าง ‘Black Friday’ (29/11) เหมือนเป็นการดึงสติให้มองเห็นด้านมืดถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘Consumerism’ หรือ ‘การบริโภคนิยม’ กันอย่างจริงจังอีกครั้ง
.
สารคดีเรื่องนี้เปิดเผยเรื่องราวความจริง (ที่เราอาจจะรู้ แต่ไม่อยากรับรู้) ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังระบบบริโภคนิยม โดยชี้ให้เห็นว่าองค์กรใหญ่ๆ มีวิธีจูงใจให้ผู้บริโภคอย่างเราๆ ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินพอดี และให้ความสำคัญกับกำไรมากกว่าสิ่งแวดล้อม
.
เนื้อหาในสารคดีนี้จะเปิดโปงกลยุทธ์ต่างๆ ของบริษัทที่กระตุ้นการบริโภคเกินความจำเป็น ผ่านการสัมภาษณ์ผ่านผู้เชี่ยวชาญและหลายคนเคยเป็นคนที่อยู่วงในของอุตสาหกรรมเหล่านั้น
.
🌍 นอกจากนี้ยังลงลึกถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกทิ้งในเอเชีย (ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น) ไปจนถึงแหล่งน้ำที่ปนเปื้อนในกานา การเปิดเผยปัญหาเหล่านี้ทำให้ผู้ชมต้องกลับมาตั้งคำถามกับพฤติกรรมการซื้อของตัวเอง และต่อต้านกับดักที่แบรนด์ต่างๆ วางไว้เพื่อหวังผลกำไร
.
⚠️ [ด้านล่างมีการเปิดเผยเนื้อหาของสารคดี]
.

ประสบการณ์ชอปปิงที่ลื่นไหลคือบันไดขั้นแรก

.
ในสารคดีเรื่องนี้จะดำเนินเนื้อเรื่องโดย AI ที่เรียกตัวเองว่า “Sasha” ซึ่งจะมาบอก 5 ขั้นตอน (หรือบทเรียน) ที่บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายใช้เพื่อสร้างกำไรสูงสุด ซึ่งขั้นตอนแรกคือการ ‘ขายให้มากขึ้น’ (Sell More)
.
อดีตประธานแบรนด์อาดิดาส อย่าง อีริก ลินต์กี (Eric Liedtke) รู้สึกว่าตัวเองมีส่วนทำลายสิ่งแวดล้อมในช่วงที่ทำงานที่อาดิดาส เขาเล่าว่า บริษัทต่างๆ มักสร้างเรื่องราวเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อของมากขึ้น จุดพลิกผันครั้งใหญ่ของอาดิดาสหลังจากที่ตลาดซบเซา คือการออกรองเท้ารุ่นใหม่และการร่วมงานกับเหล่าคนดัง นักร้อง หรือแบรนด์แฟชั่นหรู ซึ่งการเล่าเรื่องราวใหม่ๆ ทำให้ผู้บริโภคอยากซื้อมากขึ้น
.
🎯 “ไม่มีใครอยากได้ฮู้ดดี้ตัวใหม่ เสื้อยืดตัวใหม่ หรือ รองเท้าคู่ใหม่ สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการคือเหตุผลที่น่าสนใจมากพอในการซื้อสินค้าเหล่านั้นต่างหาก” เอริคกล่าว
.
โรเจอร์ ลี (Roger Lee) เจ้าของโรงงานผู้ผลิตเสื้อผ้า เล่าในสารคดีว่า 1 ใน 6 ของเสื้อเดรสที่ขายในตลาดสหรัฐฯ มาจากโรงงานของเขาเอง ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน การออกไอเทมใหม่ๆ ของแบรนด์เสื้อผ้าจะเกิดขึ้นราวๆ ปีละ 2 ครั้ง แต่ตอนนี้ เมื่อฟาสต์แฟชั่นกลายเป็นที่นิยมของลูกค้ามากขึ้น แบรนด์แฟชั่นแทบต้องออกสินค้าใหม่ทุกเดือนเลย และเป็นจำนวนมหาศาลด้วย
.
📊 ลีเล่าว่าแม้จะไม่มีตัวเลขที่แน่นอนชัดเจน แต่จากข้อมูลของ Google พบว่า GAP ผลิตสินค้าใหม่ราว 12,000 ชิ้นต่อปี H&M ผลิต 25,000 ชิ้นต่อปี Zara ผลิต 36,000 ชิ้นต่อปี และที่น่าตกใจที่สุดคือ SHEIN ผลิตสินค้าใหม่มากถึง 1.3 ล้านชิ้นต่อปี อย่างไรก็ตามลีเชื่อว่า “ตัวเลขจริงน่าจะสูงกว่านี้”
.
ตอนที่ มาเรน คอสตา (Maren Costa) เริ่มทำงานที่ Amazon ในฐานะ ‘นักออกแบบประสบการณ์ลูกค้า’ ปี 2005 การชอปปิงออนไลน์กำลังตั้งไข่ ไม่ใช่ตัวเลือกที่คนนิยมเท่าไหร่ การจะให้ใครซื้อกางเกงยีนส์สักตัวหนึ่งเป็นเรื่องยากมาก ตอนนั้นทุกอย่างดูเป็นเรื่องสนุกและท้าทาย และ Amazon ก็เห็นโอกาสว่าการขายเสื้อผ้าและอาหารออนไลน์น่าจะทำกำไรได้ดี
.
⚠️ กลยุทธ์ของปุ่ม “ซื้อด้วยคลิกเดียว” (Buy Now with 1-Click) ถูกคิดค้นขึ้นมาโดย เจฟฟ์ เบโซส (Jeff Bezos) ผู้ก่อตั้งและอดีต CEO ของบริษัทเพื่อไม่ให้ผู้บริโภคคิดมากเกินไปว่าต้องซื้อของชิ้นนั้นจริงๆ หรือเปล่า สร้างประสบการณ์การซื้อของที่ลื่นไหล (Frictionless) คลิกแล้วอีกวันมีของมาส่งหน้าบ้านเลย มันทั้งเร็วและง่าย ตอนนั้นคอสตาคิดว่าเธอกำลังทำให้การชอปปิงเป็นเรื่องสนุกและน่าประทับใจ แต่เธอไม่เคยนึกถึงผลกระทบที่จะตามมาจากสิ่งที่เธอทำเลย
.

ขยะที่เกิดขึ้น

.
ขั้นที่สองของการสร้างผลกำไรสูงสุดคือการ ‘สร้างขยะมากขึ้น’ (Waste More)
.
พอล โพลแมน (Paul Polman) อดีตซีอีโอของยูนิลีเวอร์ (2009 – 2019) เล่าว่า ผู้คนถูกกระตุ้นให้บริโภคสินค้ามากขึ้นเรื่อยๆ บริษัทต่างๆ เป็นคนกำหนดว่าเมื่อไหร่ที่ผู้บริโภคควรทิ้งสินค้าเก่าและซื้อใหม่
.
“สินค้าของยูนิลิเวอร์ไปถึงมือผู้บริโภคกว่า 3,500 ล้านคนทั่วโลก ผมไม่ได้คิดว่าผู้บริโภคคือผู้ร้ายในเรื่องนี้นะ แน่นอนพวกเขาบริโภค แต่ทำไมพวกเขาถึงบริโภคละ? เพราะพวกเขาถูกกระตุ้นอย่างมากเลยต่างหาก” โพลแมนกล่าว
.
ด้าน นิราฟ พาเทล (Nirav Patel) ซีอีโอของ Framework บริษัทผู้ผลิตโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ที่ผู้ใช้งานสามารถซื้ออะไหล่มาเปลี่ยนหรือซ่อมได้เอง เขาเคยทำงานในวงการอิเล็กทรอนิกส์มานานหลายสิบปี เป็นหนึ่งในทีมที่พัฒนาฟีเจอร์ FaceTime ให้กับ iPhone เขาเล่าว่า Apple เริ่มออกโทรศัพท์รุ่นใหม่โดยอ้างว่ามีการพัฒนาซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์บางอย่าง เพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าใหม่ และทุกอย่างที่แอปเปิลทำก็กลายเป็นต้นแบบให้บริษัทอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ทำตาม
.
นี่คือกลยุทธ์ที่เรียกว่า ‘ออกแบบให้หมดอายุขัย (planned obsolescence)’ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ของบริษัทที่จงใจออกแบบสินค้าให้ ‘พัง’ เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งแล้ว และถูกใช้กันมาตลอดในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นให้คนซื้อมากขึ้น โดยไม่สนใจว่าขยะที่ทิ้งจะไปอยู่ไหน
.
ไคล์ วีนส์ (Kyle Wiens) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ iFixit เล่าว่าบริษัทของเขาซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้ใช้งานได้นานขึ้น เพื่อลดการซื้อสินค้าใหม่บ่อยๆ แต่ iFixit มักโดนแจ้งลบคอนเทนต์เรื่องลิขสิทธิ์ เพราะการซ่อมแซมของบริษัททำให้ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องซื้อสินค้าใหม่
.
🔧 เพื่อทำให้การซ่อมแซมยากขึ้น บริษัทหลายแห่งเริ่มผลิตสินค้าที่ซ่อมไม่ได้หรือซ่อมยากมาก หนึ่งในสินค้าที่วีนส์เกลียดที่สุดคือหูฟังแบบ AirPods/EarPods เพราะแบตเตอรี่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ นอกจากนี้ โทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ ยังเอาช่องเสียบหูฟังออกเพื่อบังคับให้ผู้บริโภคต้องซื้อหูฟังไร้สายอีกด้วย
.
🗑️ เรื่องนี้ถูกชี้ให้เห็นชัดมากขึ้นจากประสบการณ์ของ แอนนา แซคส์ (Anna Sacks) อดีตนักลงทุนธนาคาร ได้เปิดโปงว่าบริษัทต่างๆ กำจัดสินค้าที่ยังใช้งานได้ดีด้วยการทำลายทิ้ง ทั้งสินค้าที่เป็นของแบรนด์เนม (อย่างกระเป๋า) หรือสินค้าที่อาจจะใกล้หมดอายุจากห้างร้านค้าจะถูกเอาไปทิ้งขยะ ทั้งๆ ที่มันยังสามารถใช้งานได้อยู่ แต่ด้วยความที่แบรนด์ไม่อยากให้สินค้าถูกใช้โดยคนไร้บ้าน (หรือคนที่ไม่ได้จ่ายเงิน) จึงเลือกที่จะทำลายทิ้ง (นี่นับถึงอาหารต่างๆ ในช่วงเทศกาลด้วย)
.

รีไซเคิลช่วยอะไรได้จริงเหรอ?

.
ขั้นตอนที่ 3 ของการสร้างผลกำไรสูงสุดคือการ ‘โกหกให้มากขึ้น’ (Lie More)
.
ตอนที่แซคส์เริ่มออกมารณรงค์ให้พนักงานขององค์กรต่างๆ ออกมาเปิดเผยเรื่องการจัดการขยะที่แย่ๆ ของบริษัท ความจริงก็เริ่มเผยออกมาให้เห็นมากขึ้น พนักงานคนหนึ่งของ Bath and Body Works เล่าว่า คนไร้บ้านมักจะมาหาของในถังขยะและใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท บริษัทจึงสั่งให้พนักงานเทผลิตภัณฑ์ทิ้งก่อน เพราะไม่อยากให้แบรนด์ถูกเชื่อมโยงกับคนไร้บ้าน ส่วน Amazon ก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่ทิ้งของดีๆ ลงหลุมฝังกลบเพราะเมื่อคำนวณเรื่องต้นทุนต่างๆ เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายกว่า
.
มารา ไอน์สไตน์ (Mara Einstein) อดีตผู้บริหารฝ่ายการตลาด ตระหนักว่าผู้บริโภคเชื่อใจและเชื่อทุกอย่างที่บริษัทพูด น่าเศร้าที่บริษัทต่างๆ ชอบแสดงออกว่าพวกเขาใส่ใจและปกป้องสิ่งแวดล้อม ทั้งที่ความจริงพวกเขากลับเป็นผู้ทำลายสิ่งแวดล้อมเสียเอง
.
บริษัทอย่าง Coca-Cola และบริษัทอื่นๆ บอกว่าการรีไซเคิลจะแก้ปัญหาพลาสติกได้ แต่ทางออกที่แท้จริงคือการผลิตพลาสติกให้น้อยลง แจน เดลล์ (Jan Dell) วิศวกรเคมี บอกว่าฉลากติดผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ในซูเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านค้าต่างๆ เป็นเรื่องที่โกหก
.
🚫 ฉลากพวกนี้อ้างว่าสินค้ารีไซเคิลได้ แต่เดลล์บอกว่าพลาสติกส่วนใหญ่รีไซเคิลไม่ได้ บริษัททำแบบนี้เพื่อไม่ให้ผู้บริโภครู้สึกผิดที่ซื้อสินค้า เมื่อฉลากบอกว่าสินค้านำกลับมาใช้ใหม่ได้ มันแค่หมายความว่าสินค้าจะถูกคัดแยกแล้วเอาไปฝังหรือเผาเท่านั้น เช่นเดียวกับจุดรับคืนสินค้าในร้านค้า บริษัทไม่ได้รีไซเคิลจริง แต่เอาไปทิ้งหรือเผาซะมากกว่า
.

แล้วขยะพวกนี้ไปไหน?

.
ขั้นตอนที่ 4 ของการสร้างผลกำไรสูงสุดคือการ ‘ปิดบังให้มากขึ้น’ (Hide More)
.
♻️ เดลล์เล่าว่ามีสินค้าเพียง 10% เท่านั้นที่ถูกรีไซเคิลทั่วโลก บริษัทต่างๆ ยังใช้เทคนิคที่เรียกว่า “กรีนวอชชิ่ง” (Greenwashing) ที่แสร้งทำเป็นใส่ใจสิ่งแวดล้อม แต่ความจริงไม่ได้สนใจเลย แม้จะมีบางบริษัทที่พยายามทำจริง แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสิ่งแวดล้อมได้
.
ตอนที่คอสตาทำงานที่อเมซอน พนักงานรวมตัวกันเรียกร้องให้บริษัทใส่ใจเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น แต่เมื่อไม่มีอะไรดีขึ้น พนักงานอเมซอนจึงนัดหยุดงานประท้วง หลังจากนั้นไม่นาน เบโซส ก็ประกาศนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศ
.
จิม พัคเก็ตต์ (Jim Puckett) นักสืบสวนเรื่องขยะ (มีฉายาเรียกเขาว่า ‘เจมส์ บอนด์ เรื่องขยะ’ ด้วย) ใช้เวลาทั้งอาชีพในการติดตามและหาว่าขยะที่ถูกกำจัดนั้นจบลงที่ไหน ในช่วงที่ถ่ายทำสารคดี จิมกำลังติดตามอุปกรณ์ราว 400 ชิ้น โดยใส่เครื่องติดตามไว้ในทีวี LED/LCD แล้วส่งให้ผู้รีไซเคิล กรณีหนึ่งที่พบคือ อุปกรณ์ถูกส่งจากโรงงานรีไซเคิลในเยอรมนีไปถึงเบลเยียม แม้การขนส่งขยะแบบนี้จะผิดกฎหมาย แต่บริษัทก็หาทางหลีกเลี่ยงกฎ จากเบลเยียม ทีวีเครื่องนี้ก็ถูกส่งต่อไปถึงประเทศไทย
.
🌊 บริษัทมักส่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสินค้าอื่นๆ มาที่เอเชียเพราะการกำจัดที่นี่ถูกกว่า สุดท้ายคนงานที่นี่ก็ต้องเสี่ยงกับปัญหาสุขภาพ เพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีสารอันตรายอย่างปรอทที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ในขณะที่ขยะอิเล็กทรอนิกส์ไหลเข้าสู่เอเชีย ขยะเสื้อผ้าก็ไหลเข้าสู่แหล่งน้ำในกานา
.
ไอน์สไตน์ อธิบายว่าสิ่งที่บริษัทหลายๆ แห่งทำก็เหมือนกับที่นักการตลาดส่วนใหญ่ทำนั่นแหละ คือสร้างจุดเบี่ยงเบนความสนใจ ให้โฟกัสที่เรื่องที่ดีๆ เพราะไม่อยากให้อีกด้านหนึ่งที่กำลังซ่อนอะไรไว้อยู่
.

ด้านมืดของ ‘บริโภคนิยม’

.
ขั้นตอนที่ 5 ของการสร้างผลกำไรสูงสุดคือการ ‘ควบคุมมากขึ้น’ (Control More)
.
โคลเอ อาซาม (Chloe Asaam) นักออกแบบจากกานาเห็นปัญหามากมายที่ชาวกานาต้องเผชิญจากขยะที่ถูกทิ้ง เมื่อผู้คนบริจาคเสื้อผ้าคืนให้บริษัท เสื้อผ้าเหล่านั้นก็ถูกส่งออกไปยังประเทศที่ห่างไกลอย่างกานา ฟังแล้วดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียว เพราะมันเยอะมากๆ จนสุดท้ายกลายเป็นขยะที่ถูกทิ้งเกลื่อนลงในแม่น้ำและท้องทะเล
.
😱 “เรามีคนประมาณ 30 ล้านคนในกานา แต่มีเสื้อผ้าเข้ามา 15 ล้านชิ้นทุกๆ สัปดาห์”
.
เสื้อผ้าส่วนใหญ่ทำจากโพลีเอสเตอร์ซึ่งมีไมโครพลาสติกเยอะ ไมโครพลาสติกเหล่านี้ไหลลงสู่แหล่งน้ำและกลับเข้าสู่อาหารของเรา ทำลายทั้งระบบนิเวศและสุขภาพของมนุษย์ ขยะพวกนี้ต้องปนเปื้อนไม่ทางอากาศ น้ำ หรือดิน ไม่มีทางอื่น
.
🌏 เรื่องที่น่าเศร้าคือที่เมื่อ Amazon ประกาศนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศ คอสตาเล่าว่า Amazon นับการปล่อยคาร์บอนจากสินค้าที่ขายเพียง 1% เท่านั้น สองปีหลังจากที่ประกาศนโยบาย การปล่อยมลพิษของบริษัทกลับเพิ่มขึ้น 40% อย่างไรก็ตาม
.
โดยคอสตาก็บอกว่าบนกระดาษมันดีมากเลย แต่ไม่ได้สร้างผลกระทบอย่างแท้จริง เธอยังคงแชร์และพูดถึงเรื่องนี้อยู่ตลอดระหว่างที่ทำงานที่ Amazon จนสุดท้ายวันหนึ่งเธอก็ถูกบริษัทปลดออกจากงานเพราะโดย HR บอกว่าเธอทำผิดกฎของบริษัทจึงสูญเสียสิทธิ์ในการเป็นทำงานให้ Amazon
.
หลังจากนั้น คอสตาตระหนักว่าการจะสร้างการเปลี่ยนแปลง เธอต้องเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล ตอนนี้เธอจึงลงสมัครสมาชิกสภาเมืองซีแอตเทิล
.
😭 กฎ 5 ข้อของการทำกำไรสูงสุดคือ 1) ขายให้มากขึ้น 2) สร้างขยะให้มากขึ้น 3) โกหกให้มากขึ้น 4) ปิดบังให้มากขึ้น และ 5) ควบคุมให้มากขึ้น
.
⚖️ คำแนะนำจากทุกคนที่ให้สัมภาษณ์คือ “ซื้อให้น้อยลง” อีกคำแนะนำคือให้ใส่ของที่อยากได้ไว้ในตะกร้าแล้วรออีกเดือน ถ้าหลังจากนั้นยังต้องการอยู่ค่อยซื้อ นอกจากนี้ยังมีข้อความถึงบริษัทต่างๆ ให้รับผิดชอบและวางแผนว่าจะจัดการผลิตภัณฑ์อย่างไรเมื่อหมดอายุการใช้งาน บริษัทไม่ควรผลักภาระให้ผู้บริโภค แต่ควรรับผิดชอบการจัดการขยะด้วยตัวเอง
.

สารคดีที่กระตุ้นสำนึกผู้บริโภคให้ตื่นรู้

.
Sasha หรือ AI ในสารคดีเรื่องนี้เป็นตัวแทนล้อเลียนบริษัทต่างๆ ที่ละเลยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพราะไม่มีแผนจัดการขยะ ซึ่งทำออกมาได้อย่างน่าสนใจมากๆ
.
มีประโยคหนึ่งตอนปิดท้ายที่ วีนส์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ iFixit พูดเอาไว้อย่างจับใจว่า “ซื้อให้น้อยลง ชีวิตเป็นเรื่องของประสบการณ์และคนที่อยู่รอบๆ ตัวเรา สิ่งที่เรามีมาช่วยสนับสนุนให้ดีขึ้น แต่ไม่ใช่เป้าหมายในท้ายที่สุด ไม่ได้ชนะอะไรนะถ้าตายไปพร้อมกับสิ่งของมากที่สุด”
.
สารคดีเจาะลึกวิธีที่แบรนด์ต่างๆ กระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อของมากเกินจำเป็น เพื่อตอบสนองความต้องการนี้ บริษัทจึงผลิตสินค้ามากขึ้น ประเด็นอันน่าเศร้าคือยิ่งบริโภคมากขึ้นก็สร้างขยะมหาศาล และที่แย่ไปกว่านั้น บางบริษัทยังโกหก (หรือพูดความจริงไม่ได้ทั้งหมด) ว่าสินค้าของตนปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
.
ในสังคมทุนนิยม เราลืมคิดถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการกระทำของเราได้ง่ายๆ แต่สารคดีนี้เตือนให้ผู้บริโภคระมัดระวังการซื้อของมากขึ้น แม้ “Buy Now: The Shopping Conspiracy” จะสร้างความตระหนักรู้ได้ดี แต่ก็ยังไม่ได้สร้างทางออกที่ชัดเจนมากนัก
.
แน่นอนว่าการซื้อน้อยลง กฎหมายที่เข้มงวดต่อองค์กร หรือให้ความรู้แบบที่สารคดีทำ แต่ถ้าเพิ่มในส่วนของบทสนทนาว่าทางออกที่ทำได้เลยของผู้บริโภคต้องทำยังไง (เช่นอะไรรีไซเคิลได้ไม่ได้ มีวิธีสังเกตยังไง การบริจาคเสื้อผ้าที่ถูกวิธีต้องทำยังไง การตรวจสอบองค์กรเรื่อง Greenwashing มีวิธีไหม ฯลฯ)
.
ถ้าสารคดีนี้เพิ่มเติมวิธีแก้ปัญหาให้ผู้ชมนำไปปรับใช้และสร้างความเปลี่ยนแปลงในโลกเล็กๆ ของตัวเองได้ ก็จะมีความหมายมากขึ้น แต่โดยรวมแล้ว สารคดีนี้จะช่วยกระตุ้นประเด็นการพูดคุยที่มีความหมายได้อย่างดี แนะนำให้ดูเลยครับ


อ้างอิง :

https://www.leisurebyte.com/buy-now-the-shopping-conspiracy-review
https://decider.com/2024/11/20/netflix-buy-now-the-shopping-conspiracy-documentary-recycled-electronics-jim-puckett/
https://www.highonfilms.com/buy-now-the-shopping-conspiracy-2024-documentary-explained/
https://moviesr.net/p-buy-now-the-shopping-conspiracy-netflix-review-an-eye-opener
https://bgr.com/entertainment/this-eye-opening-netflix-documentary-reveals-how-corporations-turn-us-into-shopaholics/

Tags:

Buy Now! The Shopping Conspiracynetflixreviewบริโภคนิยมรีวิว

Share Article

Follow Me Written By

sopons

Writer / Columnist (Salmon Books, 101.world, The Matter, Beartai, The People, a day Bulletin, CapitalRead, GQ, Billion Brands)

Other Articles

Previous

อย่าให้สังคมกำหนดว่าเรา ‘ต้องมีอะไร’ ถึงจะมีความสุข

Next

“สุขมากขึ้น ร่ำรวยขึ้น และสงบมากขึ้น” : เปิดประสบการณ์ ‘No Spend Year’ ของนักข่าวฟรีแลนซ์ที่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยกับปี 2024 ที่ตัดค่าใช้จ่ายเหลือแค่ที่จำเป็น

Next
November 28, 2024

“สุขมากขึ้น ร่ำรวยขึ้น และสงบมากขึ้น” : เปิดประสบการณ์ ‘No Spend Year’ ของนักข่าวฟรีแลนซ์ที่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยกับปี 2024 ที่ตัดค่าใช้จ่ายเหลือแค่ที่จำเป็น

Previews
November 27, 2024

อย่าให้สังคมกำหนดว่าเรา ‘ต้องมีอะไร’ ถึงจะมีความสุข

No Comment! Be the first one.

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Related Posts

Tinder Swindler : ปัดขวาเปลี่ยนชีวิต เมื่อเจ้าชายกลายเป็นสิบแปดมงกุฎ

by sopons
February 12, 2022

Nakama Café なかま

by sopons
May 1, 2021

Flips&Flips (Flips&Flips Home Made Donuts)

by sopons
April 27, 2021

THE MIDNIGHT LIBRARY มหัศจรรย์ห้องสมุดเที่ยงคืน

by sopons
October 8, 2021
SOPON’S BLOG

STUFF WORTH READING

© 2022, All Rights Reserved.

Quick Links

  • Contact
  • About

Category

  • Self-Improvement
  • Technology
  • Business
  • Thoughts
  • Psychology

Follow

Facebook Twitter Youtube Instagram
  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Business
    • Technology
    • Inspiration
    • Books
    • Life Style
    • Startups
    • Thoughts
    • Travel
  • About
  • Contact