.
ก่อนที่จะมี บิล เกตส์ (Bill Gates), วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett), เจฟฟ์ เบโซส (Jeff Bezos) หรือ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ที่เป็นบุคคลที่รำ่รวยอันดับต้นๆ ของโลกและของอเมริกา
.
ครั้งหนึ่งช่วงปี 1982 ที่ Forbes เพิ่งสร้างรายชื่อบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในอเมริกา มีชื่อของชายที่ชื่อว่า แดเนียล เค. ลุดวิก (Daniel Keith Ludwig) อยู่เป็นอันดับหนึ่งด้วยมูลค่าทางทรัพย์สินกว่า 2,000 ล้านเหรียญในตอนนั้น
.
ซึ่งหลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อเขาเลยด้วยซ้ำ เพราะเป็นมหาเศรษฐีที่ค่อนข้างเก็บตัว สัมภาษณ์เพียงไม่กี่ครั้งในชีวิต เป็นเจ้าของธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันและอสังหาฯ แต่ก็ใช้ชีวิตแบบเงียบๆ
.
เขาเริ่มทำงานตั้งแต่วัย 9 ขวบ จากการขายป๊อปคอร์นและขัดรองเท้า หลังจากนั้นก็เก็บเงินก้อนหนึ่งไปซื้อเรือเก่าเล็กๆ ลำหนึ่งแล้วเอามาซ่อมแซมแล้วปล่อยเช่าเพื่อหาเงิน
.
เขาออกจากโรงเรียนหลังจากเรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 2 และกลายเป็นพนักงานขายให้กับบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์เรือ เรียนตอนกลางคืนและทำงานที่บริษัทผลิตเครื่องยนต์ทางทะเลระยะหนึ่ง
.
พออายุ 19 ก็เริ่มทำธุรกิจที่จริงจังมากขึ้น ใช้เงิน 5,000 ดอลลาร์ที่ยืมมาโดยใช้กรมธรรม์ประกันชีวิตของพ่อเป็นหลักประกัน ด้วยเงินก้อนนี้ เขาซื้อเรือลำหนึ่งเพื่อขนส่งกากน้ำตาลและไม้ตามระบบแม่น้ำที่เชื่อมต่อทะเลสาบมหาสมุทร แต่ธุรกิจก็ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
.
เขาเห็นโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมขนส่งน้ำมัน จึงเริ่มดัดแปลงเรือสินค้าให้กลายเป็นเรือขนส่งน้ำมันแล้วก็เริ่มทำธุรกิจด้วยเรือแค่ลำเดียว
.
เรื่องมาพลิกในช่วงปี 30’s ตอนนั้นเขาพยายามไปหาเงินกู้จากธนาคารเพิ่มเพื่อมาขยายธุรกิจต่อ แต่ด้วยความที่ไม่มีหลักประกันอะไรเอาไปค้ำจึงถูกปฏิเสธมาเรื่อยๆ
.
แต่ก็ไม่ท้อครับ
.
จนกระทั่งเขาไปธนาคารเซสแมนฮัตตัน ซึ่งผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อก็ถามแบบเดิมนั่นแหละว่ามีใครมาค้ำประกันรึเปล่า หรือมีหลักทรัพย์อะไรมาวางให้กับธนาคารบ้าง
.
ลุดวิกบอกว่า “ผมค้ำประกันตัวเอง และใช้เรือสินค้าที่ดัดแปลงเป็นเรือน้ำมันเป็นหลักทรัพย์”
.
สำหรับผู้จัดการธนาคารแล้วมันไม่พอ
.
แต่ลุดวิกยังไม่ยอมแพ้ เขาเสนอต่อว่า “ไม่ใช่เท่านั้น เรือของผมให้บริษัทน้ำมันเช่าไปแล้ว” ก่อนจะยื่นใบสัญญาเช่าให้ผู้จัดการดู
.
“ถ้าหากธนาคารให้ผมกู้ ตามจำนวนที่ผมต้องการ เงินค่าเช่าที่บริษัทน้ำมันจะจ่ายให้ผมก็จะเท่ากับจำนวนที่ผมจะต้องจ่ายคือนเป็นงวดๆ ให้กับธนาคารพอดี ใช่ไหมครับ”
.
จากนั้นเขาก็ต่อรองว่าจะมอบสัญญาเช่านี้ให้กับธนาคารพร้อมโอนสิทธิการเก็บเงินจากบริษัทน้ำมันโดยตรงให้ด้วยจนกว่าเงินกู้จะหมด
.
แบบนี้ธนาคารก็ไม่ต้องห่วงว่าหนี้จะสูญถ้าให้เขากู้เงิน “จะไม่มีความเสี่ยงอะไรเลย” ลุดวิกโน้มน้าวผู้จัดการ
.
สุดท้ายผู้จัดการคนนั้นเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาหัวหน้า เพราะไม่เคยปล่อยกู้แบบนี้มาก่อน
.
หลังจากปรึกษากัน สุดท้ายลุดวิกได้เงินกู้ก้อนหนึ่งตามที่ต้องการ
.
เรือหนึ่งลำกับสัญญาเช่าหนึ่งฉบับ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของตำนาน ‘ลุดวิกราชานักกู้’
.
เขาเอาเงินก้อนนั้นไปสร้างเรืออีกลำ ปล่อยให้คนมาเช่า แล้วก็เอาเรือลำนั้นกับสัญญาเช่าใหม่ไปกู้เงินก้อนต่อไป แล้วก็ทำวนไปเรื่อยๆ
.
ถึงขั้นว่าช่วงหนึ่งเรือยังไม่สร้าง เขาขอวิศวกรให้ออกแบบเรือน้ำมันมาก่อน ไปหาคนมาเช่าเรือ แล้วก็เอาสัญญาสร้างเรือกับสัญญาเช่าเรือไปขอเงินกู้มาสร้างเรือได้เลยด้วยซ้ำ
.
นี่คือกลยุทธ์ที่เรียกว่า ‘ยืมดาบฆ่าคน’ จากหนังสือ ’36 กลยุทธ์ธุรกิจการค้า’ ตำราพิชัยสงครมฉบับธุรกิจ
.
เป็นการยืมมือคนอื่นเพื่อทำให้สำเร็จตามเป้าหมาย พลิกแพลงอย่างชาญฉลาด ใช้ลูกค้าที่ตัวเองมี ต่อยอดด้วยเงินที่กู้มา จนประสบความสำเร็จกลายเป็นเจ้าของธุรกิจเดินเรือน้ำมันที่ยิ่งใหญ่ (แล้วต่อมาก็ขยายออกไปทำธุรกิจอย่างอื่น) และเคยเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในอเมริกาด้วย
.
[หนังสือเล่มนี้สนุกมากสำหรับคนที่สนใจเรื่องธุรกิจและกลยุทธ์ที่สามารถนำมาใช้กับธุรกิจของตัวเองได้ แนะนำเลยครับ ถ้าสนใจสามารถกดสั่งได้จากตรงนี้ครับ -> Link ]
อ้างอิง : หนังสือ ’36 กลยุทธ์ธุรกิจการค้า’ ตำราพิชัยสงครมฉบับธุรกิจ
https://adorabletimes.substack.com/p/adorable-story-28-daniel-k-ludwig
https://www.nytimes.com/1992/08/29/us/daniel-ludwig-billionaire-businessman-dies-at-95.html
https://ceoworld.biz/2023/11/09/with-a-net-worth-of-2-billion-daniel-ludwig-was-the-richest-person-in-america/