SOPON’S BLOG
“สุขมากขึ้น ร่ำรวยขึ้น และสงบมากขึ้น” : เปิดประสบการณ์ ‘No Spend Year’ ของนักข่าวฟรีแลนซ์ที่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยกับปี 2024 ที่ตัดค่าใช้จ่ายเหลือแค่ที่จำเป็น
November 28, 2024
ด้านมืดของ ‘บริโภคนิยม’ จากสารคดี ‘Buy Now! The Shopping Conspiracy’ มนุษย์โหมบริโภค โลกจึงกลายเป็นกองขยะ
November 27, 2024
อย่าให้สังคมกำหนดว่าเรา ‘ต้องมีอะไร’ ถึงจะมีความสุข
November 27, 2024
แม้ไม่มีรายได้ แต่รายจ่ายมีทุกวัน : 5 อย่างที่ต้องเตรียมพร้อมด้านการเงิน เมื่อตลาดแรงงานไม่มั่นคง
November 27, 2024
กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว แต่วางหินวันละก้อน
November 26, 2024
Facebook Twitter Youtube Instagram Medium Bootstrap
SOPON’S BLOG

Type and hit Enter to search

  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Tech
    • Business
    • Thoughts
    • Science
    • Startups
    • Lifehack
    • People
    • Travel
    • Inspiration
  • Podcast
  • About
  • Contact
  • Follow
    • Facebook
    • Twitter
    • Instagram
    • Blockdit
    • Telegram
Inspiration

บทเรียนชีวิตจากการเสี่ยงตายล่องแพจากแอฟริกาไปยังยุโรปเพื่อค้นหาชีวิตใหม่

sopons
December 9, 2021 3 Mins Read
252 Views
0 Comments

จอร์จ บลู เคลลี่ (George Blue Kelly) (ผู้เขียน) เล่าว่าตอนนั้นเขาแทบจะสบตาแม่ไม่ได้เลย เขารู้สึกเหนื่อยและเบื่อทุกอย่าง เขาสูญเสียพ่อไป สูญเสียพี่ชาย อาชีพของเขาก็ไม่ได้ไปไหน มันเป็นความรู้สึกที่น่าหวาดกลัว เขารู้สึกว่าตอนนี้ไม่มีอะไรดีเลย กำลังใช้ชีวิตอย่างไร้ความหมาย

“ลูกกำลังพูดอะไร?” แม่ตะโกน “ลูกทิ้งความคิดนี้มาหลายปีแล้วนะ!”

เขากับเอดดี้ (Eddie) เพื่อนของเขา ​ตัดสินใจแล้วว่าจะเดินทาง แม่ของเขารู้ว่าไม่สามารถเปลี่ยนใจเขาได้ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ตาม ถ้านับเวลาแล้ว เดือนเมษายนที่ผ่านมาก็ถือว่าเป็นเวลาหกปีแล้วที่เขาออกจากบ้านมาวันนั้น วันที่เขาคุยและตัดสินใจที่จะเริ่มสิ่งที่คนแอฟริกันเรียกว่า “The Journey” กับเอ็ดดี้ เขาเชื่อว่าถ้ารอดชีวิตมาได้ ชีวิตจะดีขึ้น คิดแค่นั้นเขาก็รู้สึกมีชีวิตชีวากว่าที่เคยรู้สึกมาตลอดหลายปี

Photo by Julentto Photography on Unsplash

เช่นเดียวกับการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ มันไม่ได้ง่าย ขณะที่เราเดินทางผ่านทะเลทราย Agadez Gatroen และ Saba ก่อนข้ามทะเลจาก Tripoli ในที่สุด พลังงานและความตื่นเต้นพลุ่งพล่าน ในตอนแรกเริ่มจางหายไป และในไม่ช้าความคิดของเขาก็เปลี่ยนเป็นความปวดร้าวและเสียใจ

และนี่คือบทเรียนชีวิตอันมีค่าที่เขามีโอกาสได้เขียนเล่าในเว็บไซต์ Medium ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

  • The best people carry spare blankets (อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อม)

เมื่อผู้คนนึกถึง “The Journey” พวกเขาจะนึกภาพคลื่นซัดกระแทกเข้าหากัน คนเบียดเสียดกันพยายามเอาตัวรอด ส่วนใหญ่แล้วจะจินตนาการถึงทะเลและจิตวิญญาณและเรื่องราวอันเลวร้ายที่เกิดขึ้น แต่ต้องบอกว่าไม่ใช่แค่ทะเลเท่านั้นที่สามารถฆ่าเราได้ ทะเลทรายก็เช่นกัน และทะเลทรายซาฮาร่าก็ไม่ใช่ที่ที่น่าอยู่เอาซะเลย

เคลลี่เป็นชาวไนจีเรีย ผู้คุ้นชินกับอากาศร้อน แต่ถึงอย่างงั้นก็ตามทะเลทรายซาฮาร่ายังถือว่าร้อนมาก กลางวันแผดเผาและคืนเหน็บหนาว ต้องสวมหน้ากากป้องกันตัวเองจากทราย รูจมูกเต็มไปด้วยก้อนหินก้อนฝุ่นจับตัวเป็นก้อน ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงจากกระแสลมที่เต็มไปด้วยฝุ่น ริมฝีปากแห้งเหือดเหมือนใบไม้แห้ง มีกระดูกและหินกระจัดกระจายในสถานที่ฝังศพสำหรับผู้ที่เสียชีวิต สถานที่ที่ปล่อยให้คุณอธิษฐานต่อพระเจ้าที่คุณเชื่อ พระเยวา โมฮัมหมัด พระพุทธเจ้า อะไรก็ตามแต่

ตอนแรกมีเพียงเขากับเอดดี้เท่านั้น แต่หลังจากนั้นก็มีคนมาร่วมเดินทางเพิ่ม ผู้ชายคนหนึ่งกับเด็กสาววัยยังไม่ยี่สิบดีอีกสามชีวิต พวกเขาเกาะติดกับเคลลี่และเอ็ดดี้เหมือนกับครอบครัวเดียวกันเลย

เช่นเดียวกับทุกการเดินทาง คุณต้องมีเพื่อน คนที่จะพึ่งพาได้ คนที่ช่วยดึงความหวัง คนที่จะช่วยปลุกความกล้าหาญ เคลลี่และเพื่อน ๆ ดูแลกันและกัน โดยกลุ่มเพื่อนของพวกเขาทั้งหกคน เด็กผู้หญิงเหล่านั้นกลายเป็นหนัาที่ที่ที่พวกเขาต้องช่วยกันรับผิดชอบ ทะเลทรายมีเรื่องเล่ามากมาย มีหลายสิ่งหลายอย่างที่สามารถเกิดขึ้นได้กับเด็กผู้หญิงเหล่านี้ โดยเรื่องการข่มขืนถือว่าเป็นสิ่งที่แทบไม่ต้องกังวลเลย

“คุณไม่สามารถนอนหลับในที่เย็น ใต้ท้องฟ้าเปิดได้!” เราเตือนแล้ว “คุณจะแข็งตาย” ที่เลวร้ายไปกว่านั้น เด็กผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้พกผ้าห่มมาด้วย แต่พอล – ผู้ชายคนที่สามในทีมของเคลลี่ พกผ้าห่มแยกมาอีกผืน “เอานี่ไปครับ” เขาพูดกับพวกเหล่าเด็ก ๆ ว่า “เอาของผมไป!”

เคลลี่นึกถึงช่วงเวลานั้นบ่อยๆ คิดถึงพอล เขากำลังคิดว่าคนอื่นอาจต้องการบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น เขาเป็นคนแบบนี้แหละ 

เขารู้สึกขอบคุณเพื่อนให้เขาอยู่ด้วยระหว่างการเดินทาง เคลลี่รู้สึกเหมือนเป็นหนี้ความอยู่รอดกับพวกเขา และเขาแน่ใจว่าคนอื่นสามารถพูดแบบเดียวกันได้ ร่วมกันเรากลายเป็นหกผู้กล้าหาญที่มุ่งหน้าไปยังยุโรป

  • Anytime can be 6 o’clock (เตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ)
Photo by Julian Hochgesang on Unsplash

“หากคุณพบสภาพอากาศที่ดีระหว่างการเดินทาง แปลว่าพระเจ้าอวยพรให้คุณ แต่หากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยในการเดินทาง ก็เรียบร้อย”

พวกเขากักตัวอยู่ในอาคารลับเป็นเวลาหลายเดือน อดทนรอจนกว่าอากาศจะแจ่มใส การรับข่าวเรือล่มในทะเลเป็นเรื่องปกติ ทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น มันส่งความหวาดกลัวไปยังจิตวิญญาณโดยตรง แต่ไม่มากพอที่จะขัดขวางความตั้งใจของพวกเขา ที่ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่ากำลังจะไปยุโรป

“เตรียมพร้อมไว้! จะหกโมงตอนไหนก็ได้!” ชาร์ลี — คนประสานงาน ที่ถูกจ้างมาเพื่อส่งพวกเขาข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนชอบพูดประโยคนี้เสมอ ทุกช่วงเวลาอาจเป็นช่วงเวลาที่ได้รับแจ้งว่าถึงเวลาขึ้นแพแล้วออกเดินทาง ต้องเตรียมพร้อมเสมอ ไม่เพียงแต่กระเป๋าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงหัวใจและสมองด้วย

วลีง่ายๆ นั้น – “เวลาไหนก็หกโมงได้!” — ติดอยู่ในหัวของเขา เขาได้เห็นความเกี่ยวข้องและปรับใช้หลายครั้ง 

ยกตัวอย่าง เคยมีครั้งหนึ่งเศรษฐีคนหนึ่งยืนอยู่ต่อหน้าเคลลี่แล้วถามว่า “เขียนโค้ดได้ไหม?” ในเวลานั้นเขาทำไม่ได้ สิ่งเดียวที่เขาใช้เป็นคือ Microsoft Word “ทำไม่ได้ครับ” เขาตอบ แต่ก่อนจะเดินจากไปเศรษฐีคนนั้นให้คำแนะนำแก่เขา “ฝึกทักษะหน่อยเจ้าหนู!”

ต่อมาเขาได้รู้ว่าชายผู้นี้บริหารบริษัทซอฟต์แวร์ที่ประสบความสำเร็จ เขาต้องการช่วยสมาชิกคริสตจักรซึ่งเขาเป็นสมาชิกอยู่ เศรษฐีคนนั้นกำลังพยายามจะช่วยเขานั้นแหละ แต่ในวันนั้นเคลลี่เสียโอกาสไปเพราะยังไม่ได้เรียนรู้บทเรียนที่ชาลีสอน เขาไม่ได้เรียนรู้เรื่องการเตรียมพร้อม และไม่มีโอกาสไหนดีกว่า การมีโอกาสและเราพร้อม สรุปคือ ก่อนการเดินทางเคลลี่ไม่รู้ว่าเวลาไหนๆ ก็สามารถเป็นหกโมงเย็นได้

  • There’s something deeper than happiness (ความสุขเป็นเพียงเปลือกผิว)

ไม่ใช่ความสุขหรอกหรือที่ทำให้ชีวิตมีความหมาย? เขาคิดว่าถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริง ตอนนี้ก็ยังคงอยู่ที่บ้านในไนจีเรียอยู่แน่นอน

เมื่อเขายืนอยู่บนชายหาด กระแสน้ำพัดเข้ามาทำให้เขาหวาดกลัวเกินกว่าจะขึ้นแพ มันไม่ใช่การแสวงหาความสุขที่ทำให้เขากล้าที่จะขึ้นเรือในที่สุด เมื่อถึงจุดนั้นความสุขอ่อนแอเกินไป มันแทบไม่มีตัวตน มันเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้นที่ขับเคลื่อนเขาไปข้างหน้า

เมื่อถึงจุดแตกหักในชีวิตของคนคนหนึ่ง ความปรารถนาที่จะมีความหมายและจุดประสงค์แก่การดำรงอยู่ของตนเอง อะไรก็ตามที่จะดึงตัวเองออกจากความสิ้นหวัง ความตั้งใจที่จะทำอะไรบางอย่างให้กับตัวเอง เพื่อพิสูจน์ว่าชีวิตของเขาและตัวเขาเองไม่ใช่ผู้ล้มเหลว

จนกว่าเราจะพบสิ่งที่ลึกซึ้งกว่าความสุข เราจะไม่มีวันสำรวจและเข้าถึงส่วนลึกของสิ่งที่เราสามารถทำได้อย่างแท้จริง เราจะไม่รู้ว่าคนที่เราสามารถเป็นได้อย่างแท้จริงเป็นยังไง

สำหรับเคลลี่ การรวบรวมความกล้าหาญที่จะขึ้นไปบนแพลำนั้นในคืนเดือนพฤษภาคมอันหนาวเหน็บ เขาต้องการบางสิ่งที่ใหญ่กว่าความสุข

เขาต้องการบางสิ่งที่มีความหมายมากกว่าการมีอยู่ของตัวเอง

  • Death is not as powerful as we think (ความตายไม่ได้ทรงพลังอย่างที่เราคิด)
Photo by Jonas Kaiser on Unsplash

“ถ้าผู้ใดไม่พบความสงบสุขในความตาย ความกลัวจะกลายเป็นสหายของเขา เพื่อนร่วมห้องของเขา ความไม่อาจเติมเต็มได้สำเร็จ จะเป็นที่พำนักนิรันดร์ของเขา”

เคลลี่เขียนคำเหล่านั้นเมื่อพยายามจินตนาการถึงสิ่งที่อยู่ในหัวในวันนั้น ในที่สุดแพของเขาก็แตะทะเล 

หัวใจของเขาหล่นลงไปที่ตาตุ่ม เขาอยากขอกลับบ้าน แต่บ้านนั้นไกลเหลือเกิน “มันจะง่ายไหม ถ้าเรากลับไปหลังจากที่เผชิญสิ่งเหล่านี้แล้ว” เขาถามกับตัวเองซ้ำ ๆ “หรือการเดินต่อไปมันจะง่ายกว่า”

มันเป็นความรู้สึกที่แปลก ที่การตัดสินใจบางอย่างอาจส่งผลให้เราตายได้ เขาตายได้เสมอไม่ว่าจะไปต่อหรือกลับบ้าน

แม้จะได้ยินเรื่องราวมามากมายเกี่ยวกับคนที่สูญเสียความกล้าหาญไป และสุดท้ายตัดสินใจกลับบ้าน เขาคิดว่าเขาเข้าใจมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่เข้าใจมัน จนกระทั้งวันนี้

มีเรื่องราวของนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งที่ถูกส่งไปสอบสวนและสร้างความสัมพันธ์กับชนเผ่าในป่า หลังจากใช้เวลาหลายเดือนซ่อนตัวเพราะกลัวว่าจะถูกชนเผ่าท้องถิ่นฆ่าตาย ในคืนหนึ่ง เขาก็พลิกตัวพลิกตัวอยู่บนเตียง นอนไม่หลับ เขาถามตัวเองว่าเหตุใดจึงพาเขามาที่แห่งนี้

เขามีทางเลือกคือเขาสามารถกลับบ้านอย่างล้มเหลว หรือเสี่ยงที่จะชนะ เมื่อเผชิญกับความตาย

เขาเผชิญกับภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในคืนนั้น ในท้ายที่สุด คำพูดเดิมๆ ที่นักวิทยาศาสตร์บอกว่าเป็นเคล็ดลับสู่ความสำเร็จของเขา ก็คือคำเดียวกันกับที่เคลลี่รู้สึก คำพูดที่ช่วยให้เขาหลับตาลงและพูดออกไป —

“เมื่อชีวิตไม่สามารถคุกคามคุณด้วยความตายได้อีกต่อไป ชีวิตจะมีอะไรอีก”

If you lack purpose, you’ll go in circles

 (หากคุณไม่มีจุดหมาย คุณจะก้าววนเป็นวงกลม)

กิจวัตรประจำวันของเขา วันนี้ประกอบด้วยการท่องเว็บผ่าน Facebook, Instagram และ Twitter เป็นจำนวนมาก บันทึกรูปภาพ เพื่อโพสต์อะไรใหม่ ๆ ตอบ WhatsApp และตอบกลับด้วยข้อความเดียวกันถึงคนกลุ่มเดียวกัน พูดสั้นๆ ได้ว่าคุยกันแต่เรื่องไร้สาระ

ยิ่งอายุมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ก็ยิ่งทำให้เบื่อ “เขาเบื่อโซเชียลมีเดีย” เคลลี่มักจะพูดกับเพื่อน ๆ ทุกครั้งที่เพื่อน ๆ กดดันให้เขามีความกระตือรือร้นในการแชท เขาควรโทร 60 วินาทีมากกว่าแชท 60 นาทีหรือเลื่อน Facebook ไปเรื่อย ๆ 

หากคุณตื่นนอนตอนเช้าโดยไม่มีจุดมุ่งหมายใดเลย คุณมักจะจบลงด้วยการทำซ้ำนิสัยที่ไม่ก่อประโยชน์ของคุณ คล้ายกับการอยู่ในโลกของ โควิด 19 โรคระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต ‘ที่ทำให้ชีวิตที่สูญเปล่า’

ปกติแล้วเพื่อนที่ไร้จุดมุ่งหมายก็อยากพาเราไปกับพวกเขาด้วย เป็นจังหวะที่เราวางบางสิ่งที่คุ้มค่าแก่การตั้งเป้าหมายจนทำให้เริ่มเห็นทิศทางและคุณค่าจากชีวิตของ เราจะสังเกตเห็นข้อผิดพลาดและนิสัยผิดๆ ของเราอย่างรวดเร็วเมื่อเรามีเป้าหมายที่เรากำลังพยายามจะเอาชนะ

วันนี้เคลลี่ไม่อาจภูมิใจกับการตัดสินใจหลายอย่างที่ทำ แต่อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่าความปรารถนาที่จะให้ชีวิตมีความหมาย ที่บังคับให้เขาออกจากบ้าน มีคำกล่าวหนึ่งที่บอกว่า —


เราออกจากบ้าน เพื่อเลี้ยงดูที่บ้าน

  • What we seek is within (สิ่งที่เราค้นหาอยู่ภายใน)

หกปีกับหนึ่งเดือน นั่นคือระยะเวลาตั้งแต่วันที่เขาข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปยังยุโรป เขาอายุ 25 ปีเมื่อเขามาถึงอิตาลี วันนี้เคลลี่อายุ 31 ปี

เขาได้เรียนรู้อะไร มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง? เขาได้เปลี่ยนแปลงอะไรไหม เขาจะตัดสินใจแบบเดิมอีกครั้งหรือไม่?

“เกรงว่าจะไม่”

“ความคิดที่ทำให้ฉันมาไกลขนาดนี้ ได้สร้างปัญหาใหม่ที่ความคิดนี้ไม่สามารถแก้ไขได้อีกต่อไป” Einstein เคยกล่าวเอาไว้ และเคลลี่ก็คิดถึงคำกล่าวนี้หลายต่อหลายครั้ง

สิ่งที่ Einstein หมายถึงก็คือ เราใช้ความรู้บางชุดในเวลาใดก็ตาม ทั้งหมดที่เราทำเป็นเพียงผลผลิตของทุกสิ่งที่เรารู้ การกระทำและการตัดสินใจของเราเกิดจากความคิดในช่วงเวลานั้น

และถ้าเราไม่ฉลาดขึ้น เราจะทำมันให้ดีขึ้นได้อย่างไงกัน?

ชุดความคิดที่ทำให้เคลลี่ออกจากบ้าน ความคิดทำให้เขาเชื่อว่าความสำเร็จอยู่ไกล ความสุขนั้นสามารถซื้อได้ด้วยเงินที่เพียงพอ มันทำให้เขามีความคิดที่ว่า ทั้งหมดที่ต้องทำคือไปยุโรป และเงินก็เริ่มไหลเข้ามาเอง

“ผมคิดผิดสุด ๆ ไปเลยหล่ะ”

เมื่อเดินทางไปถึงยุโรป เคลลี่ก็ตระหนักว่า สิ่งที่ขาด ที่ทำให้เขายากจนและไม่มีความสุข ไม่ว่าอยู่ที่ไหนมันก็ขาดและไม่มีความสุข มันทำให้เขานึกถึงคำพูดที่ใครคนหนึ่งพูดกับเขาว่า

“ถ้าพาหมูไปอเมริกา มันก็ยังเป็นหมูอยู่วันยังค่ำ”

ความสำเร็จและความสุขไม่ได้อยู่ในดินแดนอันไกลโพ้น มันอยู่ในทุกที่ เราแค่ต้องใช้ความรู้ วินัย และความสม่ำเสมอในการดำรงชีวิต ความต้องการพื้นฐานของความสำเร็จเหล่านี้ใช้ไม่ได้ที่ไหนในโลกบ้างหล่ะ?

หลายปีมานี้ เขามีความอยากกลับบ้าน เคลลี่ตระหนักดีว่าตอนนี้ ความสำเร็จทางการเงินที่เขาต้องการและอนาคตที่ใฝ่ฝัน เขาไม่จำเป็นต้องนั่งแพเพื่อให้ได้มันมา

สิ่งที่ต้องการอย่างแท้จริงคือไม่ต้องข้ามทะเลทรายและแล่นเรือในทะเล แต่เพื่อขยายความคิดของตัวเอง ได้รับทักษะใหม่ มีสมาธิ หันหลังให้กับทุกสิ่งที่ทำ ตั้งเป้าหมายและใช้ชีวิตในแต่ละวันเหมือนเป็นวันสุดท้ายในชีวิต

นี่คือความลับที่เขาแสวงหา มันอยู่ในลมหายใจตลอดเวลา แต่เราไม่กล้าที่จะมองหา

ในตอนท้าย เคลลี่กล่าวว่า เราทุกคนต่างก็มีประสบการณ์ในชีวิต ซึ่งหมายความว่าเราทุกคนต่างมีเรื่องราวที่จะเล่า แต่เรื่องราวจะไร้ค่าหากเราล้มเหลว แต่นั่นเป็นที่ที่เรื่องราวเหล่านั้นมีขึ้นเพื่อสอนเรา

Photo by Daniele Levis Pelusi on Unsplash

สิ่งที่คุณเคยผ่านและสิ่งที่คุณกำลังประสบมีส่วนทำให้คุณเป็นคุณในวันนี้ ทำต่อไป อย่าหยุด “อะไรก็ตามที่เป็นความยากลำบาก จะทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น” มันเป็นความเชื่อคร่ำครึโบราณ แต่มันคือความจริง

เรายังคงต้องต่อสู้เพื่อหาทางไปตลอดชีวิต ไม่มีใครอ้างว่ารู้ได้ทุกอย่าง นั่นเป็นเหตุผลที่เรายึดมั่นในคำพูดของ Albert Einstein

“สิ่งที่เรารู้เท่าช้อนชา แต่สิ่งที่เราไม่รู้ยิ่งใหญ่ดั่งมหาสมุทร”

ที่มา : https://medium.com/simple-pub/what-ive-learned-since-taking-a-raft-from-africa-to-europe-to-find-a-better-life-755bd7ce9fbf

Tags:

inspirationผจญภัยหาความหมายของชีวิตแรงบันดาลใจ

Share Article

Follow Me Written By

sopons

Writer / Columnist (Salmon Books, 101.world, The Matter, Beartai, The People, a day Bulletin, CapitalRead, GQ, Billion Brands)

Other Articles

Previous

วิธี “ปฏิเสธ” หลังจากตอบ “ตกลง” ไปแล้ว

Next

7 เหตุผลว่าทำไมคนส่วนใหญ่ถึงไม่มีทางรวยได้

Next
December 10, 2021

7 เหตุผลว่าทำไมคนส่วนใหญ่ถึงไม่มีทางรวยได้

Previews
December 8, 2021

วิธี “ปฏิเสธ” หลังจากตอบ “ตกลง” ไปแล้ว

Related Posts

Julia Galef : ทำไมคุณถึงคิดว่าคุณถูก แม้ว่าคุณจะรู้ว่ามันผิด

by sopons
November 30, 2021

PEGGY GUGGENHEIM : นักสะสมงานศิลปะหญิงที่เฉียบและโมเดิลที่สุดในยุค 40s’

by sopons
January 12, 2022

ชายคนหนึ่งและการใช้ความเจ็บปวดทางอารมณ์เพื่อประสบความสำเร็จ

by sopons
December 23, 2021

3 สิ่งที่คุณจะต้องเสียใจเมื่ออายุมากขึ้น พิสูจน์โดยบทเรียนจากบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์

by sopons
December 3, 2021
SOPON’S BLOG

STUFF WORTH READING

© 2022, All Rights Reserved.

Quick Links

  • Contact
  • About

Category

  • Self-Improvement
  • Technology
  • Business
  • Thoughts
  • Psychology

Follow

Facebook Twitter Youtube Instagram
  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Business
    • Technology
    • Inspiration
    • Books
    • Life Style
    • Startups
    • Thoughts
    • Travel
  • About
  • Contact