แกงเวฬา
KANG VELA แกงเวฬา – เพราะความสุขคือช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดในแต่ละวัน “เราพยายามทำอะไรให้มันง่าย พอมันง่ายแล้วมันก็ดึงดูดผู้คนนะ เขาก็อยากเจออะไรที่มันง่ายๆ แค่นั้นเอง—”
“จุดเริ่มต้นของแกงเวฬาก็คือการทำอาหารกินกันในครอบครัว และแบ่งปันกันไปในหมู่คนที่รู้จักกัน ก่อนจะเป็นแกงเวฬา”
ป้านุชเป็นคนชอบคำว่าเวลานะ เพราะป้านุชชวนให้ทำขายนี่ก็เพราะรอเวลาที่จะเปิดกรีนสโมค เรารอ ‘เวลา’ เรากำลังใช้เวลาให้มีประโยชน์ด้วยการทำอาหารขึ้นมาสักอย่าง แล้วมันก็หล่อเลี้ยงเราทั้งบ้านอยู่ และต่อจากนี้มันก็จะหล่อเลี้ยงคนอื่นได้ด้วย ก็เลยคิดว่าแกงเวลาใช้ได้ไหม เพราะว่าเป็นชื่อสองสามพยางค์จำง่าย แล้วเราก็สายมูนิดนึง ดูศาสตร์ตัวเลขว่าตัวเลขมันเป็นยังไง พอเห็นว่ามันก็ดีนะ ลองใส่ ฬ แทนผลรวมก็ยังเป็นเลขโชคดีอยู่ เลยเลือก “แกงเวฬา” เพราะ ฬ เป็นอักษรที่ไม่ค่อยเห็นกันบ่อย และเขียนออกมาแล้ว สวยดี .. เท่าที่ทราบคือคำแปลเดียวกันกับ “เวลา”
“ผนัง โต๊ะ เก้าอี้ของที่ร้าน คุณโจ้ก็ลงมือทำด้วยตัวเอง ด้วยคุณโจ้ชอบในงานไม้ และถนัดงานช่างหลายแขนงอีกด้วย ป้านุชได้เล่าถึงสิ่งเหล่านี้ว่ามันเกิดจากการที่เราพยายามไม่ซื้ออะไรเพิ่ม พยายามใช้ทุกสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว เรามีเก้าอี้ จานชามที่หน้าตาไม่เหมือนกัน เราก็ใช้แบบนี้เลยย ไม่ได้คิดว่าจำเป็นซื้อใหม่ที่เป็นแบบเดียวกันหรือเข้าชุดกัน คือมันแตกต่าง แต่มันก็อยู่ด้วยกันได้นะ ส่วนผนังดิน และประตูเหล็ก ก็หาแรงบันดาลใจมาจากการเดินทางไปในที่ต่างๆ รวมกับการลงแรงของพี่โจ้ คุณนีฟ ร้านนี้ก็เลยเกิดขึ้นมา.“
“เราชัดเจนว่าเราทำกับข้าวแบบนี้ ครบ ทั้งต้ม ผัด แกง ทอด อย่างน้อยมันต้องมี 4 ละเราก็คุยกันว่าร้านเราต้องมีสัก 7 รายการต่อวัน ลูกค้ามายังไงมันก็ครบ อาจจะมีพิเศษเป็นยำหรืออะไรสักอย่าง— ลูกค้าที่มาส่วนใหญ่เขาก็จะยังไม่รีเควสอะไรแต่จะทักมาถามในอินบ็อกบ้างว่าวันนี้ทำอะไร พรุ่งนี้ทำอะไร ซึ่งเราก็ได้แค่พรุ่งนี้นะ มะรืนนี้จะตอบไม่ได้”
ป้านุชเล่าว่าเมนูในแต่ละวันมันจะเกิดจากการที่คุณโจ้จะคิดกับน้องๆในร้านว่าวันพรุ่งนี้จะกินอะไรดี ถ้าคิดไม่ออกจริงๆก็จะมีเปิดกูเกิ้ลกันบ้าง ดูว่าอะไรที่ไม่เคยกินก็จะเอามาทำกัน
“เรามีกันอยู่ 4 คนในครัวเนาะ เราก็เลือกกันมาคนละอย่าง ง่ายๆเลย มันก็จะมีตีกันแค่ว่าเมนูอาหารไม่เหมาะสำหรับพรุ่งนี้ ไม่เข้าชุดกันก็จะเลื่อนมาเป็นมะรืน แต่ยังไงทุกๆคนก็จะได้กินอาหารที่ตัวเองอยากกินในทุกวัน”
แต่ในร้านก็จะมีเมนูหนึ่งที่ยืนพื้นนั้นก็คือ “แกงเวฬา” ซึ่งเป็นเมนูที่ทีมงานในร้านช่วยกันคิดขึ้นมาจากโจทย์ที่ว่าถ้าจะมีแกงสักแกงหนึ่งที่ทุกคนกินได้จะเป็นแกงอะไรเราก็ได้คำตอบมาว่า ‘แกงมัสมั่น’ ต่ายได้ถามป้านุชต่อว่าทำไมถึงเป็นมัสมั่น ป้านุชก็เล่าให้ฟังว่า
“มัสมั่นมีความเป็นสากลตรงที่ว่ามันมีความเป็นเอเชียก็จริง แต่เอาเข้าจริงๆคนยุโรปก็กินรสชาติแบบนี้ได้เพราะมันเอาไปคลุกกับพาสต้าได้ คนที่กินพวกแป้งจะเอานี่ไปจิ้มหรือห่อเป็นไส้ได้— มันจะไม่เผ็ดมาก และจะไม่มันจัด มันชัดเจนว่าทุกคนกินได้”
ตอนที่ต่ายชิมก็รู้สึกได้เลยว่าแกงมัสมั่นคือเครื่องเทศมาเต็มมาก รสชาติคือยืนหนึ่งของมัสมั่นที่ต่ายเคยทานมาได้ง่ายๆเลย ส่วนตัวเนื้อเองก็เปื่อยนุ่ม ทานกับข้าวสวยร้อนๆคืออร่อยมากจริงๆ
โดยแกงเวฬาของที่ร้านแกงเวฬาเป็นอาหารที่ทุกชาติทั้งจีน เกาหลี ญี่ปุ่นเข้ามาก็จะเข้ามาเลือกกินแกงเวฬา ป้านุชเล่ามาด้วยว่าที่นี่คนญี่ปุ่นจะชอบแกงเวฬาลิ้นวัวเพราะมันคล้องจองกับคำว่าโชคดีของญี่ปุ่น และลิ้นวัวไม่ใช่ส่วนที่ทำง่าย ซึ่งต่ายต้องบอกว่าร้านมัสมั่นที่นี่นุ่มมากจนร่วนเลยครับ
“มัสมั่นที่นี่ทำทุกวันไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง เราเริ่มตั้งแต่บ่ายทีมที่ทำมัสมั่นจะต้องเริ่มแยกเครื่อง เริ่มตุ๋น ถึงสองสามทุ่มจากนั้นก็ปิดครัวแล้วก็มาตุ๋นต่อตอนเช้า— ที่เราคงเมนูนี้ไว้เพราะป้านุชก็คิดถึงตัวเองแหละว่า ถ้ามาละเปลี่ยนทุกวันมันจะแฟนตาซีไปหรือเปล่า มีอะไรยืนพื้นสักอย่างให้แน่ใจว่ามาร้านนี้จะได้กินแน่ แต่หนึ่งต้องเป็นสากล และสองต้องอร่อย และสองหนุ่มก็ยืนยันว่าถ้าเป็นมัสมั่นต้องเป็นเนื้อขึ้นไปนะ เนื้อ แพะ แกะ แต่จะให้เป็นมัสมั่นไก่หรือหมูไม่เอานะ”
ทีนี้ป้านุชก็เลยเรียกแกงมัสมั่นนี้ว่าแกงเวฬาให้เป็นซิกเนเจอร์ของร้าน ตอนนี้ก็เลยทำให้ชาวต่างชาติหลายๆคนเข้าใจว่าแกงมัสมั่นอันนี้คือแกงเวฬา
“อาหารก็เหมือนกับเวลา ต่อให้วันนี้เราประทับใจกับมันแค่ไหน แต่ว่าเรามากินของเดิมในสถานที่เดิม มันอาจจะไม่รู้สึกเหมือนเดิมก็ได้นะ — สัจธรรมง่ายๆ ความไม่ตายตัว”
ช่องทางการติดต่อ
Facebook Fanpage : แกงเวฬา
เบอร์โทรศัพท์ : 062 449 9425
Line Official : @kangvela
โลเคชั่น : https://goo.gl/maps/rUNNXYvMstomutw58