นายสั่งมา หัวหน้าบอกให้ทำ – Authority Bias เมื่อจำนนต่ออำนาจและการเชื่อฟัง
วันที่ 25 มกราคม 1990, สายการบิน Avianca ไฟล์ท 52 เกิดอุบัติเหตุ มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 73 จาก 158 คน ซึ่งไฟล์ทนี้เป็นเที่ยวบินโดยสารประจำเส้นทางโคลัมเบียไปนิวยอร์ค บินวนจนนำ้มันหมดตกที่ JFK นิวยอร์ก นักบินชาวโคลัมเบีย ที่มีวินัยเหล็กแบบทหาร ไม่ได้สื่อสารให้เด็ดขาดมากพอว่าปริมาณนำ้มันไม่พอแล้ว พอหอการบิน JFK ซึ่งขึ้นชื่อว่าค่อนข้างหยาบคายสั่งให้บินวนต่อก็ไม่กล้าเถียง ดันทำตามบินวนจนเครื่องตก เกิดโศกนาฏกรรมเสียชีวิตเกือบครึ่งลำ
มีบทหนึ่งของหนังสือ The Outliers ของ Malcolm Gladwell ที่เขียนอธิบายเรื่องนี้ไว้ว่ามันเป็นวัฒนธรรม “high power-distance culture” ที่ผู้ใต้บังคับบัญชา จะเคารพผู้บังคับบัญชา ผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส หรือผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด มากจนเกินเลย ไม่เคยกล้าขัด ไม่กล้าโต้แย้ง ไม่กล้าแม้จะเสนอความเห็นที่แตกต่าง ไม่เสนอความเห็นที่กลัวจะไม่เป็นที่พอใจ ผู้นำสั่งอะไร แม้จะไม่เห็นด้วย แต่ก็ทำตาม ไม่กล้าทักท้วง
ช่วงที่ผ่านมาเราเห็นข่าวมากมายเกี่ยวกับความรุนแรงที่เริ่มเกิดขึ้นกับกล่มผู้ประท้วง ทั้งในบ้านเราเองหรือในประเทศเพื่อนบ้านก็ตามที และมีหลายๆครั้งที่อ่านข่าวเจอเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนกลายเป็นเหตุการณ์อะไรสักอย่างหนึ่งเกิดขึ้นแล้วเรามักจะตั้งคำถาม ‘ทำไมคนๆนั้นถึงทำแบบนี้นะ?’ ‘ที่เขาบอกว่านายสั่งมา หัวหน้าบอกให้ทำ ทำตามคำสั่งเท่านั้น มันเป็นไปได้จริงๆเหรอ?’
ในเชิงจิตวิทยาสิ่งนี้เรียกว่า “Authoroty Bias” หรือ อคติจากการเชื่อถือผู้มีอำนาจ
ที่ยกตัวอย่างเรื่อง Avianca 52 ไปด้านบนก็เพราะอยากจะแสดงให้เห็นว่า เรื่องอคติจากการเชื่อถือผู้มีอำนาจนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ในทางทหารหรือตำรวจเท่านั้น แต่มันเกิดขึ้นได้กับทุกเรื่อง เราเห็นคนซื้อหุ้นตามผู้เชี่ยวชาญอยู่เสมอ เราเห็นคนซื้อของตาม influencers อยู่บ่อยๆไป หรือแม้แต่ในบริษัทที่ทำงาน พอหัวหน้าสั่งมาทุกคนก็ทำตาม แม้จะเห็นว่ามันเป็นไอเดียที่ห่วยแต่ก็ไม่มีใครกล้ายกมือเถียง เพียงแต่ในเรื่องทหารหรือตำรวจนั้นมันชัดเจนมากกว่าเท่านั้น
นี่แหละครับสิ่งที่เรียกว่า “อคติจากการเชื่อถือผู้มีอำนาจ”

มีการทดลองหนึ่งที่เบิกเนตรและอธิบายเรื่องนี้ได้ค่อยข้างชัดเจนของ สแตนลีย์ มิลแกรม ที่ทำขึ้นในปี 1961 (ใครสนใจอยากดูคลิป https://youtu.be/mOUEC5YXV8U) โดยผู้ที่เข้าร่วมการทดลองจะต้องกดปุ่มปล่อยกระแสไฟฟ้าช็อตผู้ที่นั่งอยู่อีกด้านของฉากกั้นเมื่อตอบคำถามผิด โดยปุ่มกดนั้นจะเป็นเหมือนแผงสวิตช์ที่อยู่ข้างหน้าเรียงกัน ตั้งแต่ 15 โวลต์, 30 โวลต์, 45 โวลต์ ไปจนกระทั่งถึง 450 โวลต์ที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลย
ต้องบอกก่อนว่าในการทดลองนี้ไม่มีใครถูกช็อตไฟฟ้าจริงๆนะครับ คนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ที่ถูกรัดเอาไว้นั้นเป็นหน้าม้าที่มาแสดงเหมือนว่าตัวเองโดยไฟช็อต โดยที่ผู้เข้าร่วมการทดลองนั้นไม่รู้เรื่องนี้
ผลการทดลองนั้นทั้งน่าตกใจและน่าขนลุกในเวลาเดียวกัน นั้นคือ ไม่ว่าฝ่ายที่ถูกช็อตจะร้องครวญครางบอกเจ็บปวด ไม่ไหวแล้ว และผู้ที่เข้าร่วมการทดลองก็อยากจะหยุดด้วย (คือเขารู้สึกผิดแหละเพราะตัวเองเป็นคนกดช็อตไฟฟ้า) แต่เมื่อผู้ควบคุม (ที่ในกรณีนี้คือผู้มีอำนาจและผู้เชี่ยวชาญ) บอกว่า
‘อย่าหยุดนะครับ การทดลองนี้จะสำเร็จหรือไม่ก็อยู่ตรงนี้แหละ’
เกินกว่า 50% ของผู้เข้าร่วมการทดลองกลับกดปุ่มปล่อยกระแสไฟฟ้าช็อตต่อไปเรื่อยๆจนแตะระดับสูงสุด เพราะพวกเขาเชื่อในคำสั่งของผู้มีอำนาจอย่างเต็มที่
ในบทความของ Douglas T. Kenrick, Ph.D สรุปเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ในบทความของเขาว่า ‘เราไม่อยากทำร้ายใคร แต่ถ้ามีคนที่มีอำนาจเหนือว่าเราบอกให้เราทำ และย้ำให้เราทำอยู่ตลอดเวลา มันจะเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะต่อต้านบุคคลที่มีอำนาจนั้น เราจะยอมจำนนและทำบางอย่างที่เรารู้อยู่แก่ใจว่ามันผิด’
มนุษย์เติบโตขึ้นมากับผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าอย่างพ่อแม่ตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก แน่นอนว่าเราต้องทำตามที่พ่อแม่สั่ง ไม่งั้นก็โดนดุด่า ซึ่งเชื่อว่าพ่อแม่ไม่เคยหวังร้ายและอยากให้เด็กๆสามารถเติบโตและดูแลตัวเองได้ เราในฐานะเด็กก็เชื่อฟังเพื่อความอยู่รอด ได้กินข้าว ได้กินขนม เมื่อเชื่อฟังพ่อแม่ก็ไม่ดุด่า และเมื่อเราโตขึ้นก็ไปอยู่ในโรงเรียนก็เจอคุณครู จบออกมาก็เจอหัวหน้า ฯลฯ มันเป็นวิถีของมนุษย์ มีมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ใช้เพื่อการเอาตัวรอดอย่างหนึ่ง ทำตามเพื่อนบ้าน ก็จะไม่แปลกแยก ก็จะมีโอกาสมีลูกมีหลานต่อไป
สิ่งที่อยากทิ้งเอาไว้ตรงนี้ก็คือว่า ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีอำนาจในโลกของเรานั้นมีเต็มไปหมด ทุกครั้งที่เราตัดสินใจ จะทำอะไร อยากให้ตั้งสติและถามกับตัวเองว่าสิ่งที่เรากำลังจะทำนั้น ‘ใครหรือสิ่งใดกำลังมีอิทธิพลในครั้งนี้รึเปล่า?’ พูดอีกอย่างคือพยายามตระหนักรู้ถึงสิ่งที่เรากำลังจะทำ อันไหนที่มันดูขัดกับความเชื่อ ศีลธรรม ความเป็นมนุษย์ หรือมีความปลอดภัยของชีวิตผู้อื่นและตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้อง ยิ่งต้องถามให้หนักเลย เพราะแค่บอกว่าทำตามคำสั่งหรือนายสั่งให้ทำนั้น ไม่ได้ลบล้างความผิดหรือสิ่งที่คุณลงมือทำเลยแม้แต่น้อย ถ้าเป็นไปได้ คุณอาจจะท้าทายความคิดนั้นดู มันจะสร้างอิสรภาพให้คุณมากขึ้นและทำให้คุณมีความเชื่อมันเพิ่มขึ้นด้วย
“เราอาจจะเป็นเพียงหุ่นเชิด – หุ่นเชิดที่ถูกควบคุมโดยสังคม แต่อย่างน้อยเราเป็นหุ่นเชิดที่มีการตระหนักรู้และสติ และบางทีอาจจะด้วยสิ่งเหล่านี้ที่เป็นก้าวแรกของการปลดปล่อยสู่อิสรภาพ”
• Stanley Milgram
==============
อ้างอิง