5 บทเรียนธุรกิจล้ำค่าจากผู้ประกอบการ Gen Z
อะไรคือจุดร่วมของนวัตกรรมแห่งยุคระหว่าง Smartwatch สำหรับดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุสักเครื่อง แอปพลิเคชั่น Blockchain หรืออัลกอริธึมที่ตรวจจับวัตถุขั้นสูงที่ขับเคลื่อนโดย AI คำตอบก็คือ สิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ล้วนถูกคิดค้นขึ้นโดยคนกลุ่มคน Generation Z
วันนี้ผู้เขียนได้นำบทความมาจาก Medium ในเรื่อง “5 บทเรียนธุรกิจล้ำค่าจากผู้ประกอบการ Gen Z” เขียนโดยคุณ Shafin Diamond มาเล่าให้ฟัง เขาเขียนเล่าว่าตัวเขาเองเป็นทั้งนักลงทุน และผู้ให้คำปรึกษาที่ได้ร่วมงานกับผู้ประกอบการทุกประเภทในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เขาเล่าว่าการได้เห็นกลุ่ม Gen Z ได้ลงมือทำอะไรบางอย่างนั่นสร้างแรงบันดาลใจได้มาก และเขาก็ได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับวิธีการทำธุรกิจและปัจจัยต่างๆ ที่หล่อหลอมความทะเยอทะยานของพวกเขา
คน Gen Z เป็นคนที่เกิดช่วงระหว่างปี 1997 – 2010 โดยคน Generation Z เป็นผู้สืบทอดต่อจาก กลุ่ม Millennials พวกเขามีความคล้ายคลึงกันในบางแง่มุม (โดยเฉพาะสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นสื่อดิจิทัล) ทว่าแนวทางในการทำธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการของพวกเขาแตกต่างกันมาก
อันดับแรก Gen Z เป็นเจนเนอเรชั่นที่ผันตัวมาเป็นผู้ประกอบการมากที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา โดย 62% ของ Gen Z ระบุว่าพวกเขาเริ่มต้นหรือตั้งใจที่จะเริ่มธุรกิจของตัวเอง และบรรดาผู้ที่ได้เริ่มต้นบนเส้นทางนี้แล้วไม่เพียงแต่โอบรับการเป็นผู้ประกอบการเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนรูปแบบด้วยแนวทางที่ไม่เหมือนใครในการสร้างแบรนด์ การเพิ่มทักษะ และการดำเนินงาน ด้วยสมาชิกที่มีอายุมากที่สุดเพียงแค่ 24 ปี
Gen Z ก็ประสบความสำเร็จอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่แอพพลิเคชั่นและช่อง YouTube ไปจนถึงการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ
ในบางแง่ ผู้ประกอบการเหล่านี้ไม่แตกต่างจากรุ่นก่อน พวกเขายังคงคิดค้นผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการกิน เล่น การสร้างปฏิสัมพันธ์ และทำงานอย่างมีประสิทธิผลเพื่อที่จะประสบความสำเร็จ พวกเขายังต้องจับทางให้ถูกระหว่างสิ่งที่พวกเขาเสนอขายและสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่างคือการที่นำเอาเอกลักษณ์และประสบการณ์มานำเสนอ
พวกเขาเป็นชาวโซเชียลเน็ตเวิร์กที่ใช้การเชื่อมต่อทางดิจิทัลเพื่อสร้างแบรนด์
กลุ่มคน Gen Z อยู่ใกล้โลกทั้งใบแค่ปลายนิ้วสัมผัส พวกเขาไม่เคยต้องใช้ชีวิตโดยปราศจากการเชื่อมต่อจากโลกออนไลน์ และนั่นทำให้พวกเขาได้รับอิทธิพล มุมมอง แนวคิดและโอกาสที่หลากหลาย เจนเนอเรชั่นนี้ใช้เวลามากมายไปกับโลกออนไลน์(ประมาณ 2 ชั่วโมง 55 นาที ต่อวัน ซึ่งมากกว่าคนรุ่น Millenial เกือบชั่วโมง) พวกเขาจึงคุ้นชินกับเครื่องมือและช่องทางใหม่ๆ รวมถึงสามารถที่จะเข้าใจหรือประกอบสร้างคุณค่าและเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้ นอกจากนี้พวกเขายังเปิดรับการทำงานร่วมกันโดยไม่มีการแบ่งแยก และใช้เครือข่ายเพื่อทดสอบแนวคิดและดูว่าสิ่งใดที่ติดตลาด
อีกทั้งครีเอเตอร์รุ่นนี้ไม่กลัวที่จะนำผลงานของตัวเองออกมาสร้างผู้ชมและหาวิธีสร้างรายได้ ไม่ว่าจะผ่านโฆษณา การโปรโมตแบบเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งวิธีการทำธุรกิจทางสังคมแบบใหม่นี้ทำให้พวกเขารู้สึกเป็นธรรมชาติ
พวกเขามองว่าการเป็นผู้ประกอบการเป็นเรื่องปกติ
Gen Z มีแบบอย่างในการเป็นผู้ประกอบการมากมาย ตั้งแต่ Elon Musk ไปจนถึงเหล่า YouTuber และที่ปรึกษาทางด้านธุรกิจก็สามารถเข้าถึงได้ง่าย ตัวอย่างเช่น Tara Bosch ผู้ก่อตั้ง SmartSweets เธอเติบโตมากับการดู Shark Tank ก่อนที่จะทดลองทำขนมไร้น้ำตาลในครัวของเธอ จากการค้นกูเกิ้ลไปมา เธอได้ค้นพบหลักสูตร “วิธีเปิดธุรกิจอาหารใน 2 วัน” บน Google ซึ่งนั่นก็เร่งให้เธอได้กลายเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ธุรกิจของเธอเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและเธอก็ขายธุรกิจของเธอในราคา 400 ล้านเหรียญ โดยทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในขณะที่เธอยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย
พวกเขามีความสุขในการเรียนรู้ และไม่ยึดติดกับสิ่งกีดขวาง
Gen Z ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้อย่างมาก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขากำลังอ่านหนังสืออย่างบ้าคลั่งเหมือนคนยุคก่อน เจนเนอเรชั่นนี้สามารถที่จะเรียนรู้เรื่องอะไรก็ได้ ที่ไหนก็ได้ผ่านเว็บไซต์ให้ความรู้ทางออนไลน์ พวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องเรียนปริญญาทางธุรกิจด้วยการสอบเข้ามหาวิทยาลัยดัง พวกเขาสามารถอ่านข้อมูลและศึกษาวิธีการเป็นผู้ประกอบการและสามารถเริ่มต้นได้เลยเพียงแค่ค้นหาข้อมูลใน Reddit หรือ Google
อีกทั้ง Gen Z ดูเหมือนจะเป็นเจนเนอเรชั่นที่พบกับสิ่งกีดขวางน้อยกว่าคนรุ่นก่อน — พวกเขามีความเสมอภาคในการต่อรอง โดยที่ลำดับชั้น(Hierarchies)และเพดานกระจกแก้ว(glass ceilings) เป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถกระโดดข้ามไปได้ พวกเขาอาจไม่ได้มีสานส์ตราตั้งอะไร แต่เขาจะไม่ด้อยค่าหรือปล่อยให้ความไม่มั่นใจในตนเองมาขวางทางพวกเขา
พวกเขามีเครื่องมือที่ถูกกว่าและมากกว่าที่เคยมี และที่สำคัญพวกเขาใช้มันได้อย่างชาญฉลาด
การลงทุนของ Gen Z มักเริ่มต้นจากสิ่งที่การที่เขาแบ่งปันสิ่งที่ตนชอบมันลงโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น การสอนแต่งหน้าบน YouTube หรือการทำอะไรบางอย่างเพื่อตอบสนองความต้องการจากครอบครัวและเพื่อนฝูงนำไปสู่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ใช้งานง่าย เช่น Etsy หรือ Shopify
ยิ่งไปกว่านั้นการที่มีชุมชนผู้ชมอย่าง TikTok ก็ช่วยให้พวกเขาสามารถสร้างแบรนด์และดึงดูดผู้ซื้อเข้าสู่ช่องทางการขายได้ง่ายขึ้น แอพอย่าง Stripe และ Square ที่ทำให้การชำระเงินเป็นเรื่องง่าย ในขณะที่การซื้อขายแบบ drop-shopping ก็ช่วยลดความจำเป็นในการใช้พื้นที่คลังสินค้า
กลุ่มคน Gen Z มีจุดเริ่มต้นในการทำของธุรกิจก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัวเสียอีก พวกเขาเปิดตัวธุรกิจโดยใช้แอพบนโทรศัพท์ที่แสนสะดวก นอกจากนี้พวกเขายังสามารถหาวิธีที่จะช่วยเพิ่มเวลาและทุนให้กับงานที่สำคัญกว่า … เช่น การค้นหาวิธีกอบกู้โลก
พวกเขาขับเคลื่อนสิ่งต่างๆเพื่อสร้างความแตกต่าง ไม่ใช่แค่ผลกำไร
คนรุ่นนี้ขับเคลื่อนตัวเองและธุรกิจด้วยความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ แต่เป้าหมายของพวกเขาขยายออกไปมากกว่าแค่ความสำเร็จส่วนบุคคล พวกเขาต้องการแก้ไขปัญหา เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปัญหาความยุติธรรมทางสังคม
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนรุ่นแรกที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้ทำงาน แต่สำหรับ Gen Z ก็เป็นที่ยอมรับว่าการอยู่รอดของพวกเขาอาจขึ้นอยู่กับความสำเร็จของพวกเขา
ปีที่ผ่านมาการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ทำให้ Gen Z ได้เห็นความท้าทายร้ายแรงที่พวกเขาต้องเผชิญในการแสวงหาความรุ่งโรจน์ของผู้ประกอบการเป็นครั้งแรก การปรับฐานของตลาดที่ค้างชำระ ความไม่มั่นคงทางการเมือง และความไม่แน่นอนของสภาพอากาศล้วนปรากฏอยู่บนขอบฟ้า การต่อสู้ที่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่เหล่านี้เผชิญในปีต่อๆ ไปจะเปลี่ยนเส้นทางของพวกเขาหรือไม่? ความเห็นอกเห็นใจและความพร้อมที่จะเสี่ยง — ไม่ว่าพวกเขาจะอายุเท่าไหร่ — พวกเขาจะยังคงขับเคลื่อนตนเองสู่ความสำเร็จทางธุรกิจหรือไม่?
ในท้ายที่สุดผู้เขียนเขาเดาว่า: แนวคิดของผู้ประกอบการที่ดีที่สุดใน Gen Z ยังไม่ถูกคิดค้นขึ้นมา
ที่มา : https://medium.com/the-helm/5-priceless-business-lessons-from-gen-z-entrepreneurs-3d9f58fe97c2