SOPON’S BLOG
“สุขมากขึ้น ร่ำรวยขึ้น และสงบมากขึ้น” : เปิดประสบการณ์ ‘No Spend Year’ ของนักข่าวฟรีแลนซ์ที่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยกับปี 2024 ที่ตัดค่าใช้จ่ายเหลือแค่ที่จำเป็น
November 28, 2024
ด้านมืดของ ‘บริโภคนิยม’ จากสารคดี ‘Buy Now! The Shopping Conspiracy’ มนุษย์โหมบริโภค โลกจึงกลายเป็นกองขยะ
November 27, 2024
อย่าให้สังคมกำหนดว่าเรา ‘ต้องมีอะไร’ ถึงจะมีความสุข
November 27, 2024
แม้ไม่มีรายได้ แต่รายจ่ายมีทุกวัน : 5 อย่างที่ต้องเตรียมพร้อมด้านการเงิน เมื่อตลาดแรงงานไม่มั่นคง
November 27, 2024
กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว แต่วางหินวันละก้อน
November 26, 2024
Facebook Twitter Youtube Instagram Medium Bootstrap
SOPON’S BLOG

Type and hit Enter to search

  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Tech
    • Business
    • Thoughts
    • Science
    • Startups
    • Lifehack
    • People
    • Travel
    • Inspiration
  • Podcast
  • About
  • Contact
  • Follow
    • Facebook
    • Twitter
    • Instagram
    • Blockdit
    • Telegram
Self-Development

Chika Okoro : กรอบของความสวยที่ถูกจำกัดด้วยมุมมองต่อสีผิว

sopons
November 3, 2021 2 Mins Read
402 Views
0 Comments

Chika Okoro เป็นนักศึกษาด้านบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัย Stanford ด้วยความหลงใหลในเชื้อชาติและความเท่าเทียมทางเพศ เธอต้องการที่จะปลุกจิตสำนึกเกี่ยวกับปัญหามากมายที่ผู้หญิงผิวสีเผชิญอยู่ทั่วโลก เธอมีโอกาสได้ขึ้นพูดบนเวที TED ในหัวข้อ “กรอบของความสวยที่ถูกจำกัดด้วยมุมมองต่อสีผิว”


เธอเล่าว่าครั้งหนึ่งเธอมีโอกาสได้ดูเกณฑ์การคัดเลือกนักแสดง (Casting Call) แม้จะไม่ได้ไปออดิชั่นจริงๆ แต่สงสัยว่าถ้าเธอจะออดิชั่น เธอควรจะได้รับบทอะไร?


หมวดหมู่บนสุด **The A Girls แคสติ้งบรรยายไว้ว่า “กลุ่มนี้ต้องเป็นสาวฮ๊อต เหล่านางแบบ ต้องมีผมจริง ไม่มีอะไรเพิ่มเติม” โอโคโร บอกว่าเธอต่อผมแบบบราซิลเลี่ยนไว้ประมาณ 20 นิ้ว บทนี้จึงไม่เหมาะกับเธอ **

ไม่เป็นไร หมวดหมู่ถัดไป The B Girls : “กลุ่มนี้ต้องเป็นผู้หญิงดูดี มีผมยาวเป็นธรรมชาติ ต้องมีผิวสีอ่อน (Light skin) Beyoncé เป็นตัวอย่างที่เหมาะ” Light skin? ก็ยังไม่ใช่

The C Girls หล่ะ? “กลุ่มสาวแอฟริกันอเมริกัน สามารถต่อผมได้ และต้องมีโทนสีผิวปานกลางถึงสว่าง (medium to light skin toned)” ก็ยังไม่ใช่อีก

The D Girls ซึ่งเป็นหมวดสุดท้าย “กลุ่มนี้ให้เป็นสาวแอฟริกัน-อเมริกัน ฐานะยากจน รูปร่างไม่ค่อยดี ต้องมีสีผิวเข้มขึ้น”

โอโคโร คือ D Girl ตอนที่อ่านสิ่งนี้ครั้งแรกเธอรู้สึกเหมือนโดนแทงข้างหลัง เพราะไม่ว่าจะปีไหนก็ตาม มันจะมีหนังไม่กี่เรื่องที่มีพื้นที่ให้กับนักแสดงหรือนางแบบผิวสี เพราะสีผิวทำให้กลุ่มหญิงสาวเหล่านี้มีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่จะปรากฎบนจอให้ผู้คนเห็น และจะได้เราแค่ในภาพลักษณ์ที่ว่าเราดุดัน สวย และน่าปรารถนา (fierce, beautiful and desirable)

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้โอโคโร รู้สึกว่า “เราได้รับอนุญาตให้สวยรึเปล่า?” ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าถูกกีดกันเพียงเพราะคนที่ส่วนใหญ่ชอบเป็นแบบ “ผิวสีอ่อน ตาสีอ่อน ผมยาวไม่ต่อผม”


ในโลกของเรา ปรากฏการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยจนเกินไป สิ่งที่น่ากลัวและละเอียดอ่อนพอๆ กับการเหยียดเชื้อชาติ ก็คือ “Colorism” การเลือกปฏิบัติต่อผู้ที่มีโทนผิวสีเข้ม ซึ่งปกติแล้วจะอยู่ในกลุ่มบุคคลภายในกลุ่มเชื้อชาติหรือชาติพันธุ์เดียวกัน พูดอีกอย่างหนึ่งคือ Colorism นั้นจะดูที่สีผิวเพียงอย่างเดียว อาจจะเชื้อชาติเดียวกันก็ได้ และคนที่มีสีผิวอ่อนกว่ามักจะได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่าเสมอ

Photo by Katarzyna Grabowska on Unsplash

เรื่องราวของ colorism ในสหรัฐอเมริกา เริ่มต้นด้วยการเป็นทาส ในอดีตมีการข่มขืนทาสชาวแอฟริกันจำนวนมากโดยนายทาสชายผิวขาว ซึ่งทำให้เกิดกลุ่มลูกทาสเชื้อชาติผสม ทาสเชื้อชาติผสมเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับนายทาส และมีคุณสมบัติ Anglo มากกว่า และได้รับการรักษาพิเศษและได้รับอนุญาตให้ทำงานภายในบ้าน ทำงานที่ออกแรงน้อยลง เมื่อเทียบกับทาสผิวคล้ำที่ต้องทำงานในทุ่งนา

แม้หลังจากการเลิกทาสแล้ว คนผิวขาวก็ยังให้ความสำคัญกับคนผิวสีที่มีคุณสมบัติแบบ Anglo มากกว่า ทำให้พวกเขาเข้าถึงงาน ที่อยู่อาศัย และการศึกษาได้ดีขึ้น แม้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นในชุมชนคนผิวดำ คนผิวดำก็ใช้โทนสีผิวและใบหน้าเพื่อแยกแยะซึ่งกันและกัน พวกเขาจะอนุญาตให้คนผิวดำที่สามารถแสดงคุณสมบัติประเภท Anglo เข้าชมรม โดยการทดสอบที่รู้จักกันดีอย่างหนึ่งคือการทดสอบ “ถุงกระดาษสีน้ำตาล”

ถ้าคุณมีสีผิวที่สว่างกว่าถุงกระดาษสีน้ำตาล คุณก็อยู่ในนั้น! แต่ถ้าคุณเข้มกว่าถุงกระดาษสีน้ำตาล แสดงว่าคุณต้องออกไปแล้ว การทดสอบที่รู้จักกันดีอีกอย่างหนึ่งคือการทดสอบด้วยดินสอ โดยพวกเขาจะเอาดินสอมารวบผมเพื่อให้แน่ใจว่าตรงพอที่ดินสอจะได้ไม่ติดกับผม

การทดสอบสุดท้ายเรียกว่าการทดสอบเงา โดยพวกเขาจะหยิบไฟฉายส่องไปที่โปรไฟล์ของคุณและดูเงาที่โปรไฟล์ของคุณสร้างขึ้นกับผนัง และถ้ามันตรงกับโปรไฟล์ของคนผิวขาว คุณก็ไม่เป็นไร


อย่างไรก็ตามแม้ว่าตอนนี้การปฏิบัติเหล่านี้จะไม่มีผลบังคับอีกต่อไปในทุกวันนี้ แต่ฉันจำได้ว่าได้รับ “คำชมเชย” ว่า “เธอสวยเหลือเกินสำหรับสาวผิวเข้ม” มันยังคงสื่อว่าความสวยนี้มันสัมพันธ์ กับผิวที่สว่างกว่าด้วยการรีทัชและถ่ายภาพผิวของดาราผิวสีก่อนจะนำไปขึ้นปกนิตยสาร


ปัจจุบันนี้ การเหยียดสีไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในสหรัฐฯ แต่มันยังมีผลกระทบไปทั่วโลก ดังที่เห็นได้ชัดเจนจากครีมปรับสีผิวและครีมฟอกสีผิวทั่วโลก ในอินเดียและเอเชีย ธุรกิจฟอกสีผิวและการฟอกสีผิวถือเป็นธุรกิจมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และแม้จะมีสารพิษที่เป็นอันตรายในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ผู้คนก็ยังเต็มใจที่จะเสี่ยงและใช้มันเพื่อบรรลุสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าสวยงาม

แบรนด์หนึ่งที่มีชื่อเสียงอย่าง “วาสลีน” ได้ร่วมมือกับ Facebook เพื่อสร้างแอปที่จะช่วยให้ภาพโปรไฟล์ของคุณสว่างขึ้นเพื่อโปรโมตครีมปรับสีผิวของพวกเขา ในเอเชียคุณจะพบโฆษณาที่รับประกันความสุขและความสำเร็จ หากคุณสามารถขาวขึ้นได้อีกนิด

ในปี 2010 CNN ได้ทำการศึกษาที่พวกเขาสัมภาษณ์เด็กเล็กอายุเพียง 5, 6, 7 ขวบ และขอให้พวกเขาให้คุณค่าและคุณลักษณะแก่ผู้คนตามสีผิวของพวกเขา ข้อความเหล่านี้ที่เราได้เห็นในวัยหนุ่มสาว โดยสิ่งเหล่านี้จะคงอยู่กับเรา แม้เราจะปฏิเสธและปิดกั้น บอกว่าเราแข็งแกร่ง ฉลาด ประสบความสำเร็จ สวย โอโคโรเรียนสแตนฟอร์ด และไม่ใช่ D girls อะไรพวกนี้ แต่มันจะกลายเป็นว่า

 “ฉันสวย ฉันเก่ง— สำหรับสาวผิวสี”


และมันทำให้โอโคโรสงสัยในความตั้งใจของเธอ เพราะแม้ว่าเธอจะบอกว่าเธอมีส่วนขยายเหล่านี้เพื่อความสนุกสนานและเธอชอบพวกเขา แต่เสียงนั้นก็พูดว่า “ไม่!”

โอโคโร เล่าว่า “คุณได้มันมาเพราะคุณพยายามที่จะบรรลุมาตรฐานความงามที่คุณไม่เคยได้รับ” มันอยู่กับเธอเสมอ แม้ว่ามันจะเป็นแค่ข้อความธรรมดาๆ แต่เสียงนั้นในหัวของเธอก็ยังคงบอกว่าเธอควรจะอายหรือละอายใจเมื่อเลื่อนไปจนสุดทางจนถึงอิโมจิสุดท้ายที่มืดมิดที่สุด

ความชอบด้านความงามที่เรามีเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เราเกิดมาพร้อมมัน แต่มันเกิดมาจากการเรียนรู้

ในบรรดาพวกเรามีทั้งซีอีโอและผู้ก่อตั้งร่วม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด พวกคุณทุกคนเป็นผู้ตัดสินสิ่งที่สังคมมองว่าสวยงามด้วยการตัดสินใจว่าจะเลือกใครให้ลงโฆษณาหรือเลือกใครเป็นหน้าตาของแบรนด์คุณ ดังนั้นคุณจึงมีโอกาสที่จะตัดสินใจเลือกทางที่แปลกใหม่ และพวกเราที่บริโภคข้อความเหล่านี้ เราก็มีบทบาทของเราเช่นกัน


เพราะก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงคือ “ความตระหนัก” และตอนนี้ทุกคนในห้องนี้ก็ตระหนักขึ้นอีกนิดและจะเห็นโลกแตกต่างออกไปเล็กน้อย และคุณไม่จำเป็นต้องอดทนยอมรับสิ่งที่สังคมบอกเราให้คิดว่ามันสวยงาม เราสามารถตั้งคำถามได้ และเราสามารถท้าทายสภาพที่เป็นอยู่ได้


เพราะเมื่อเราทำได้ เราก็จะเข้าใกล้การขยายมาตรฐานความงามเข้าไปอีกก้าวหนึ่งและสร้างสังคมที่โลกเห็นว่า D Girls ก็สวยเหมือนกัน **


ที่มา : https://www.ted.com/…/chika_okoro_how…/transcript

Tags:

Chiko OkorocolorisminspirationTEDสีผิวแรงบันดาลใจ

Share Article

Follow Me Written By

sopons

Writer / Columnist (Salmon Books, 101.world, The Matter, Beartai, The People, a day Bulletin, CapitalRead, GQ, Billion Brands)

Other Articles

Previous

วิธีปกป้องสมาธิและไปให้ถึง Flow State 

Next

Sir. Ken Robinson – ความคิดสร้างสรรค์ที่สูญหายไประหว่างการเติบโต

Next
November 4, 2021

Sir. Ken Robinson – ความคิดสร้างสรรค์ที่สูญหายไประหว่างการเติบโต

Previews
November 1, 2021

วิธีปกป้องสมาธิและไปให้ถึง Flow State 

Related Posts

แม้ไม่มีรายได้ แต่รายจ่ายมีทุกวัน : 5 อย่างที่ต้องเตรียมพร้อมด้านการเงิน เมื่อตลาดแรงงานไม่มั่นคง

by sopons
November 27, 2024

ขี้เกียจอย่างไรให้ได้ดี?

by sopons
January 13, 2022

วิธีสังเกต – และลด – ความเหนื่อยล้าในการตัดสินใจ

by sopons
January 5, 2022

Carol Dweck : เพราะเรา ‘ยัง’ พัฒนาไปได้อีก

by sopons
November 25, 2021
SOPON’S BLOG

STUFF WORTH READING

© 2022, All Rights Reserved.

Quick Links

  • Contact
  • About

Category

  • Self-Improvement
  • Technology
  • Business
  • Thoughts
  • Psychology

Follow

Facebook Twitter Youtube Instagram
  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Business
    • Technology
    • Inspiration
    • Books
    • Life Style
    • Startups
    • Thoughts
    • Travel
  • About
  • Contact