Diana Nyad : นักกีฬาว่ายน้ำหญิงแกร่งที่พิชิตมหาสมุทรแอตแลนติกในวัย 65 ปี ชีวิตคือถนนทางเดียว เราจะเลือกใช้มัน หรือ เลือกที่จะนั่งดูมันผ่านไป ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเรา
ไดอาน่า ไนยาด (Diana Nyad) นักกีฬาว่ายน้ำเจ้าของสถิติว่ายน้ำไกลที่สุดในโลก เล่าถึงประสบการณ์ที่เธอพยายามเอาชนะเป้าหมายว่ายน้ำข้ามมหาสมุทธแอตแลนติก หลังจากล้มเหลวมาหลายต่อหลายครั้งบน TED Talks
มันเป็นความพยายามครั้งที่ 5 แล้วในชีวิตของเธอที่พยายามจะเอาชนะมหาสมุทรที่กว้างใหญ่และอันตรายแห่งนี้ การว่ายน้ำในสถานการณ์และระยะทางเช่นนี้มีคนพยายามทำตั้งแต่ปี 1950 แต่ไม่เคยมีใครทำสำเร็จเลย จนกระทั่งวันที่ 2 กันยายน 2013 เธอและทีมงานก็สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่และทำได้สำเร็จ ว่ายน้ำเป็นระยะทาง 110 ไมล์ (180 กิโลเมตร) จากชายฝั่งที่คิวบา สู่รัฐฟลอริด้า ข้ามมหาสมุทธแอตแลนติก โดยใช้เวลาประมาณ 53 ชั่วโมงตั้งแต่เริ่มต้น พร้อมกับทีมช่วยเหลือ 35 คน
แน่นอนว่าการว่ายน้ำระยะไกลขนาดนี้ต้องมีทีมผู้ช่วยและนวัตกรรมต่าง ๆ ที่จะให้เธอปลอดภัยมากที่สุดในขณะว่ายน้ำ หนึ่งในทีมคนนั้นคือ “บอนนี่” เพื่อนสนิทและผู้จัดการของเธอ เธอเล่าว่าเธอว่ายน้ำข้ามวันข้ามคืน โดยมีฝูงฉลามและแมงกะพรุนกล่อง สัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดลอยอยู่ข้าง ๆ ในความพยายามสี่ครั้งของเธอที่ผ่านมา เธอเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด มีกระแสน้ำวน รวมถึงกระแสน้ำอุ่นของมหาสมุทรแอตแลนติก (Gulf Stream) ที่คาดเดายากที่สุดในโลกเป็นเพื่อนตลอดเส้นทางด้วย
“ชีวิตคือการเดินทาง มากกว่าการเป็นจุดหมาย มันน่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เรายังไปไม่ถึงอีกฝั่งหนึ่ง แต่ถึงยังนั้น ภายในใจเราก็มีความคึกคะนองและตั้งมั่นอยู่ตลอด”
Diana เล่าว่าการว่ายน้ำจากคิวบาถึงฟลอริดา เป็นความตั้งใจ ที่เธอพยายามมาแล้วตั้งแต่ช่วงอายุ 20 และจนอายุ 60 ปีที่พยายามว่ายอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 5 เธอก็ยังไม่ลดความตั้งใจนั้น ในตอนที่เธออายุ 60 เธอไม่ได้คิดว่า “อยากจะเป็นคนแรก” แต่มันคือความรู้สึกที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับว่า
“เราจะมีชีวิตเหลืออีกเท่าไหร่? จะใช้มันยังไง?”
ระหว่างฝึกซ้อมตลอดหลายปี ในหัวมีวาทะของ เท็ดดี้ รูสเวลต์ (Theodore Roosevelt) วนเวียนอยู่ในหัว
“ไปเลย ไปนั่งให้สบายในเก้าอี้นุ่มๆ คอยวิจารณ์และเป็นผู้เฝ้าดู หรือเลือกที่จะเป็นผู้กล้า กระโดดลงสนามและเข้าต่อสู้ เลือดตกยางออก สกปรกมอมแมม และพ่ายแพ้ ครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงกระนั้น ก็ยังไม่กลัว ไม่ถอย และใช้ชีวิตไปอย่างกล้าหาญ”
ในปีที่เธอตั้งใจจะเริ่มการผจญภัย ไม่ว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์การกีฬา ผู้เชี่ยวชาญด้านความอดทน นักประสาทวิทยา หรือแม้แต่เพื่อนสนิทของเธออย่างบอนนี่ ต่างพากันบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่บอนนี่ก็พร้อมจะออกเดินทางล่มหัวจมท้ายไปด้วยจนถึงที่สุด
เธอเล่าว่าชั่วเวลา 53 ชั่วโมง นั้นเป็นช่วงชีวิตที่เธอลืมไม่ลง เมื่ออยู่ในกระแสน้ำอุ่นแอตแลนติก ที่มีสีราวกับท้องฟ้า เบื้องล่างเป็นน้ำทะเลลึกมืดดำลึกลงไปเป็นไมล์ ในตอนกลางคืนที่ไม่มีแม้แต่แสงไฟ เพราะไฟมันจะล่อฉลามและแมงกระพรุน เธอต้องว่ายน้ำในตวามมืด ไม่เห็นแม้แต่มือของตัวเองที่อยู่ตรงหน้า ทีมของเธอจะรู้ว่าเธออยู่ตรงไหนก็แค่ในตอนที่ได้ยินเสียงแขนของเธอกระทบกับพื้นน้ำ เธอสวมหมวกยางรัดแนน มีแว่นตากันน้ำ หันศีรษะ 50 ครั้งต่อนาที เธอร้องเพลง Imagine ของ John Lennon ได้ประมาณพันรอบ และในช่วงที่เธอว่ายน้ำครบ 9 ชั่วโมง 45 นาที วิกฤตก็เกิดขึ้น
เธอเริ่มอาเจียนและรู้สึกไม่สบาย เธอต้องสวมหน้ากากป้องกันแมงกะพรุน เพื่อการป้องกันซึ่งมันทำให้ว่ายน้ำได้ยากขึ้น ภายในปากของเธอเป็นรอยถลอกจากการสวมหน้ากาก เธอปลอดภัยจากแมงกะพรุน แต่ต้องเผชิญกับภาวะตัวเย็นเกิน (hypothermia) เธอต้องว่ายน้ำไปทางด้านข้างของตัวเรือเพื่อให้เป้าหมายสำเร็จ เธอต้องไม่ขึ้นจากน้ำ ทำให้บอนนี่และทีมของเธอ ทำได้เพียงยื่นอาหารให้เท่านั้น
ไนยาด เล่าต่อว่า เธอไม่เคยรู้เลยว่าเธอได้ว่ายน้ำมาไกลแค่ไหนแล้ว (เพราะนั้นคือข้อตกลงของทีม) จนเมื่อเข้าสู่เช้าวันที่สาม วันที่ชีวิตของเธอกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย บอนนี่ บอกให้เธอว่ายเข้ามาใกล้ๆเรือ และชี้ให้เธอเห็นแสงสีขาว ที่เลียดไปกับเส้นขอบฟ้า นั่นคือแสงไฟจาก Key West (ชายฝั่งฟลอริด้า) ซึ่งห่างออกไปอีกแค่ 15 ชั่วโมง ถึงตรงนี้ เธอยอมแพ้ไม่ได้แล้ว
เธอลุยต่อ เธอว่ายน้ำต่อไปโดยปราศจากความคิดใดๆในหัว ว่ายต่อไป ว่ายต่อไปเรื่อย ๆ
ตอนที่ฝั่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ไนยาดอธิบายถึงความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นมากมาย ทั้งดีใจจนท่วมท้น แต่ส่วนหนึ่งของเธอกลับรู้สึกเศร้าแบบบอกไม่ถูก เหมือนการเดินทางอันยิ่งใหญ่กำลังจะปิดฉากลงแล้วในที่สุด
เมื่อเธอขึ้นไปถึงฝั่ง มีผู้คนมากมายมารอเธอ
“มันคือวินาที ท่ามกลางฝูงชน กับทีมของฉัน เราทำได้แล้ว ฉันไม่ได้ทำสำเร็จ แต่ ‘พวกเรา’ ทำสำเร็จ และเราจะไม่ลืมมัน มันจะเป็นส่วนหนึ่งของเราตลอดไป”
ในตอนท้ายไนยาดเล่าว่ามีสามสิ่งที่เธอคิดได้ตอนที่ถึงฝั่งคือ
- “อย่ายอมแพ้”
- “คุณไม่เคยแก่เกินไปสำหรับการไล่ตามความฝัน”
- “แม้มันจะดูเหมือนเป็นความพยายามที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก แต่ในแง่มุมต่างๆ มันคือความพยายามของทั้งทีม”
และวาทะของ เฮนรี เดวิด ทอโร (Henry David Thoreau)
“เมื่อคุณถึงฝั่งฝัน มันไม่สำคัญว่าคุณได้อะไร เท่ากับว่าคุณได้เปลี่ยนไปเป็นใคร”
สามเดือนหลังจากการว่ายน้ำนั้นสิ้นสุด Diana ได้นั่งคุยกับโอปรา พิธีกรที่โด่งดังในสหรัฐอเมริกา ได้ไปเยี่ยมห้องทำงานของประธานาธิปดีโอบามา ได้รับเชิญให้มาพูด เซ็นสัญญากับสำนักพิมพ์มากมาย
ก่อนที่เธอจะทิ้งท้ายประโยคที่ว่า
“ฉันใช้ชีวิตอย่างสง่าผ่าเผย เพราะฉันเป็นคนห้าวหาญ ไม่ขลาดกลัว และเป็นแบบนี้ทุกๆ วัน จวบจนกว่าวันเวลาที่มีบนโลกใบนี้จะหมดลง”
ที่มา : https://www.ted.com/talks/diana_nyad_never_ever_give_up/transcript
เรียบเรียงจากคำแปลของ : Translated by Kelwalin Dhanasarnsombut