SOPON’S BLOG
“สุขมากขึ้น ร่ำรวยขึ้น และสงบมากขึ้น” : เปิดประสบการณ์ ‘No Spend Year’ ของนักข่าวฟรีแลนซ์ที่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยกับปี 2024 ที่ตัดค่าใช้จ่ายเหลือแค่ที่จำเป็น
November 28, 2024
ด้านมืดของ ‘บริโภคนิยม’ จากสารคดี ‘Buy Now! The Shopping Conspiracy’ มนุษย์โหมบริโภค โลกจึงกลายเป็นกองขยะ
November 27, 2024
อย่าให้สังคมกำหนดว่าเรา ‘ต้องมีอะไร’ ถึงจะมีความสุข
November 27, 2024
แม้ไม่มีรายได้ แต่รายจ่ายมีทุกวัน : 5 อย่างที่ต้องเตรียมพร้อมด้านการเงิน เมื่อตลาดแรงงานไม่มั่นคง
November 27, 2024
กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว แต่วางหินวันละก้อน
November 26, 2024
Facebook Twitter Youtube Instagram Medium Bootstrap
SOPON’S BLOG

Type and hit Enter to search

  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Tech
    • Business
    • Thoughts
    • Science
    • Startups
    • Lifehack
    • People
    • Travel
    • Inspiration
  • Podcast
  • About
  • Contact
  • Follow
    • Facebook
    • Twitter
    • Instagram
    • Blockdit
    • Telegram
Business

Just Do It – จากคำสั่งเสียของนักโทษประหารสู่สโลแกนอันยิ่งใหญ่ของ Nike

sopons
May 10, 2021 One Min Read
439 Views
0 Comments

ย้อนกลับไปปี 1976 รัฐ Utah ประเทศอเมริกา, Gary Gilmore ก่อเหตุอุกอาจ ปล้นฆ่าพนักงานของปั้มน้ำมันและพนักงานโรงแรม ซึ่งระหว่างที่ก่อเหตุนั้นก็บังเอิญยิงโดนมือตัวเองเลยต้องขับรถไปบ้านลูกพี่ลูกน้องของเขาเพื่อรักษาแผล แต่ว่าลูกพี่ลูกน้องตัดสินใจทำความดี โทรหาตำรวจแล้วเขาก็ถูกจับตัวในเวลาต่อมา

เขาถูกตัดสินประหารชีวิตโดยการยิงเป้า ในเดือนมกราคมปีต่อมา, สามเดือนหลังจากที่เขาถูกจับเพียงเท่านั้น (ที่จริงเรื่องราวของ Gary Gilmore ก็น่าสนใจเพราะหลังจากโดนจับ เขาก็ต้องการให้ตัวเขาเองถูกรับโทษประหารชีวิตเลยทันทีด้วย)

ก่อนที่เขาจะตาย เจ้าหน้าที่ถามว่าเขามีอะไรจะสั่งเสียก่อนถูกประหารรึเปล่า, เขาบอกว่า

“Let’s do it”

ซึ่งเรื่องนี้ถูกเขียนเอาไว้ในหนังสือ The Excutioner’s Song โดยไม่มีใครรู้เลยว่าเจ้าประโยคสั้นๆนี้สิบกว่าปีให้หลัง มันจะกลายเป็นสโลแกนของแบรนด์รองเท้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ผ่านมาถึงปี 1988, Dan Wiedan หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทโฆษณา Wieden & Kennedy ได้มีโอกาสไปพิชไอเดียกับ Nike ซึ่งในตอนนั้นยังไม่ใช่แบรนด์ระดับโลกที่เรารู้จักกันอย่างในตอนนี้ ถ้าใครยังจำ Reebok ได้ตอนนั้นคือทุบ Nike ซ้ายขวาหน้าหลังเลย Wiedan รู้ดีว่า Nike กำลังตกที่นั่งลำบาก พวกเขาต้องการอะไรสดใหม่เพื่อจะดึงความสนใจของตลาดและทำให้ลูกค้ากลับมามองเห็นพวกเขาอีกครั้งหนึ่ง

ตอนนั้นเองที่ Wiedan ได้คิดถึงเรื่องราวของ Gilmore และคำพูดสั่งเสียของชายนักโทษประหารและนั้นก็ทำให้เขาเกิดไอเดียขึ้นมา ไม่ใช่เพราะมันสร้างแรงบันดาลใจหรือไปดลใจอะไรข้างใน แต่เขาชอบคำว่า “do it” ที่ Gilmore พูด มันเป็นความท้าทายและพลังบางอย่าง จนกลายเป็นไอเดียที่เขาไปเสนอให้กับ Nike ในเวลาต่อมา สิ่งที่เขาทำเพิ่มคือปรับคำพูดตรงนั้นให้กลายเป็น “Just Do It” เพราะอยากให้ประโยคนี้สามารถเชื่อมต่อได้กับทุกคน ตั้งแต่คนที่เป็นนักกีฬาแบบจริงจังหรือแค่คนธรรมดาทั่วไปด้วย

“ผมพยายามที่จะเขียนบางอย่างออกมาที่สามารถรวบทุกอย่างเข้าด้วยกันได้ เพื่อให้มันสามารถเชื่อมโยงได้ตั้งแต่ผู้หญิงที่กำลังเดินออกกำลังเพื่อให้ร่างกายเข้ารูป ไปจนถึงคนที่เป็นนักกีฬาระดับโลก”

ในตอนแรกหลายต่อหลายคนไม่ชอบไอเดียของ “Just Do It” เลย แม้แต่ Phil Knight ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเองก็ตาม Phil Knight เคยบอกว่า Nike ‘don’t need that shit’ หรือแปลเป็นไทยแบบบ้านๆว่า “Nike ไม่การอะไรงี่เง่าแบบนี้หรอก” แต่ Wieden ก็ยังยืนยันกับ Knight และบอกให้เขาเชื่อใจการตัดสินใจครั้งนี้

ซึ่งก็ถือว่าโชคดีที่ Knight ไม่หัวดื้อและสุดท้ายก็ปล่อยให้ Wieden ใช้ “Just Do It” เป็นสโลแกนของบริษัท

เขาเปิดตัวสโลแกน “Just Do It” ครั้งแรกในปีเดียวกันกับนักวิ่งมาราธอนวัย 80 ปีจากซานฟรานซิสโกชื่อ Walt Stack และเสียงตอบรับก็ดังเป็นพลุแตก

Stack พูดในโฆษณาว่า “ผมวิ่ง 17 ไมล์ทุกๆเช้า มีแต่คนถามผมทำยังไงถึงทำให้ฟันไม่กระทบกันในฤดูหนาว” เขาเว้นจังหวะหนึ่งก่อนจะตบมุก “ผมเอาใส่ไว้ในล็อคเกอร์ไงหล่ะ” และภาพก็จบด้วย Swoosh ของ Nike และสโลแกน “Just Do It”

ทั้งสโลแกนและ Swoosh ได้รับเสียงตอบรับที่ดีอย่างล้นหลาม กลายเป็น Nike ที่เร่ิมกลับมาได้รับความนิยมมากกว่าคู่อริอย่าง Reebok ในเวลาต่อมา

จากนั้นเป็นต้นมา Just Do It ก็กลายเป็นสโลแกนของบริษัท (ถ้าดูกราฟการเติบโตของมูลค่าหุ้นบริษัทนั้นดีดตัวไปสูงกว่า S&P 500 หลังจากปี 1988 อย่างชัดเจน) ที่มีแคมเปญประชาสัมพันธ์และโฆษณามากมายโดยใช้ประโยคสุดคลาสสิค “Just Do It” มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ Nike ที่กลมกล่อม ที่ผลักดันให้ผู้ใช้สินค้านั้นลงมือทำ กล้าที่จะท้าทายลิมิตของตัวเอง กล้าที่จะลองทำอะไรใหม่ และนั้นก็คือตัวตนของแบรนด์ Nike อย่างแท้จริง

Photo by chelsea ferenandoon Unsplash

แล้วแบรนด์ของคุณหล่ะ? ตัวตนคืออะไร? และอยากสื่อสารอะไรให้กับลูกค้า?

Tags:

#แรงบันดาลใจinspirationJustDoItNikeเรื่องราวของแบรนด์ไนกี้

Share Article

Follow Me Written By

sopons

Writer / Columnist (Salmon Books, 101.world, The Matter, Beartai, The People, a day Bulletin, CapitalRead, GQ, Billion Brands)

Other Articles

Previous

“ไม่ทำ” แล้วดี – เมื่อชีวิตยุ่งเกินไปกับเป้าหมายปีใหม่ที่ฝืนทำแต่ไม่เคยสำเร็จ

Next

เพนกวินหัวขาดชื่อพีท ต้นกำเนิดแบรนด์เสื้อผ้า Original Penguin

Next
May 10, 2021

เพนกวินหัวขาดชื่อพีท ต้นกำเนิดแบรนด์เสื้อผ้า Original Penguin

Previews
May 10, 2021

“ไม่ทำ” แล้วดี – เมื่อชีวิตยุ่งเกินไปกับเป้าหมายปีใหม่ที่ฝืนทำแต่ไม่เคยสำเร็จ

No Comment! Be the first one.

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Related Posts

Annabelle King  – คอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ช่วยกอบกู้ร้านลูกอมของครอบครัวด้วย TikTok

by sopons
November 27, 2021

Viagra – ยาดีไม่มีใครอยากส่งตัวอย่างคืน

by sopons
May 15, 2021

Under Armour เดิมพันทุกอย่างกับลูกค้าที่ผิดกลุ่มได้อย่างไร

by sopons
January 24, 2022

5 ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ แต่ธุรกิจแรกล้มเหลว

by sopons
January 7, 2022
SOPON’S BLOG

STUFF WORTH READING

© 2022, All Rights Reserved.

Quick Links

  • Contact
  • About

Category

  • Self-Improvement
  • Technology
  • Business
  • Thoughts
  • Psychology

Follow

Facebook Twitter Youtube Instagram
  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Business
    • Technology
    • Inspiration
    • Books
    • Life Style
    • Startups
    • Thoughts
    • Travel
  • About
  • Contact