SOPON’S BLOG
“สุขมากขึ้น ร่ำรวยขึ้น และสงบมากขึ้น” : เปิดประสบการณ์ ‘No Spend Year’ ของนักข่าวฟรีแลนซ์ที่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือยกับปี 2024 ที่ตัดค่าใช้จ่ายเหลือแค่ที่จำเป็น
November 28, 2024
ด้านมืดของ ‘บริโภคนิยม’ จากสารคดี ‘Buy Now! The Shopping Conspiracy’ มนุษย์โหมบริโภค โลกจึงกลายเป็นกองขยะ
November 27, 2024
อย่าให้สังคมกำหนดว่าเรา ‘ต้องมีอะไร’ ถึงจะมีความสุข
November 27, 2024
แม้ไม่มีรายได้ แต่รายจ่ายมีทุกวัน : 5 อย่างที่ต้องเตรียมพร้อมด้านการเงิน เมื่อตลาดแรงงานไม่มั่นคง
November 27, 2024
กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว แต่วางหินวันละก้อน
November 26, 2024
Facebook Twitter Youtube Instagram Medium Bootstrap
SOPON’S BLOG

Type and hit Enter to search

  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Tech
    • Business
    • Thoughts
    • Science
    • Startups
    • Lifehack
    • People
    • Travel
    • Inspiration
  • Podcast
  • About
  • Contact
  • Follow
    • Facebook
    • Twitter
    • Instagram
    • Blockdit
    • Telegram
Self-Development

เหตุผลที่เราเตะตัดขาตัวเอง: ทำไมเราถึงเป็นอุปสรรคในการไปถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้?

sopons
June 11, 2021 One Min Read
177 Views
0 Comments

ช่วงที่ผ่านมาลูกสาววัยเริ่มเข้าสู่วัยที่สามารถโต้เถียงกับพ่อแม่ได้อย่างเมามัน คือต้องบอกว่าลูกสาวไม่ใช่เป็นคนดื้อหรืออะไร เธอเป็นเด็กน่ารัก แต่ถ้าบอกให้ไปซ้าย…เธอจะไปขวา (แหนะ) บอกให้เก็บรองเท้า เธอจะหยิบออกมาวางอีกคู่ (อืมมม)​ บอกให้เร็วๆหน่อย เธอก็จะลีลายึกยักชักช้า (ระเบิดลงบู้มมมม) คือเธอรู้ว่าควรต้องทำอะไร แต่พอบอกให้ทำปุ๊บจะไม่ทำทันที

มันเป็นพฤติกรรมคลาสสิคทางจิตวิทยามีชื่อเรียกว่า “psychological reactance” หรือ แรงต้านทางจิตวิทยา นั้นเอง มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองทางลบที่เราแสดงออกเมื่อถูกสั่งให้ทำอะไรสักอย่างหนึ่ง

นี่คือเหตุผลที่ตอนที่เราเป็นวัยรุ่นแม่บอกว่าอย่าออกไปเที่ยวกับเพื่อนกลางคืนนะมันอันตราย เราก็ไปซึ่งอาจจะไม่มีเหตุผลก็ได้ เพียงเพราะ “ก็จะทำอะ” ทำไม? ซึ่งต่อมาภายหลังเราก็จะรู้สึกว่า…เออ…รู้งี้ไม่มาก็ดีซะเป็นส่วนใหญ่ หรือตอนที่หัวหน้าสั่งให้ทำงานแล้วคุณรู้สึกรำคาญ ทั้งที่ลึกๆคุณก็รู้แหละว่างานที่ต้องทำนั้นสำคัญมากขนาดไหน

แทบจะเรียกว่ามันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ก็ว่าได้ ทุกคนจะมีความคิดแบบนี้เอยู่เสมอ มันจะเข้ามายึดความคิดในสมองทันทีเมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกว่าถูกข่มขู่หรือคุกคาม ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่แย่ซะทีเดียว เพราะถ้าเราใสซื่อหรือเชื่อคนอื่นง่ายจนเกินไปก็จะเป็นช่องว่างให้ถูกเอาเปรียบได้ง่ายมาก แต่แรงต้านทางจิตวิทยาก็สามารถก่อให้เกิดผลในทางลบได้เช่นเดียวกันในบางครั้ง เพราะมันจะเป็นสิ่งที่ยับยั้งเราไม่ให้เราทำในสิ่งที่ควรจะทำ จะเป็นสิ่งที่เตะตัดขาเราไม่ให้ไปถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ แม้ว่าเป้าหมายนั้นจะเป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ของเราก็ตาม และปลายทางกลายเป็นว่าตัวเราคือคนลงมือทำลายตัวเอง

เป็นไปได้เหรอ? เราจะตอบสนองกับตัวเองแบบนั้นจริงๆเหรอ? เมื่อเราเป็นคนบอกให้เราทำอะไรบางอย่างนี้นะ? ใช่ครับ ยกตัวอย่างเวลาเราพยายามจะทุ่มเทให้กับอะไรสักอย่าง โดยการสร้างตารางออกมาว่าต้องทำอะไรเมื่อไหร่วันไหนยังไง อย่างสมมุติว่าอยากอ่านหนังสือมากขึ้น โดยการจัดตารางให้ตัวเองอ่านหนังสือวันละหนึ่งชั่วโมงก่อนนอน แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำเราก็รู้สึกถึงแรงต่อต้านที่เกิดขึ้นจากข้างใน โดยสาเหตุมันก็มาจากการที่ตอนนั้นเราไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็น “ตัดสินใจ” ว่าจะอ่านหนังสือ แต่เป็นตัวคุณในอดีตที่มาสั่งให้คุณอ่านหนังสือ กลายเป็นเราในปัจจุบันกำลังต่อสู้กับตัวเองในอดีตไปซะงั้น

ซึ่งนักจิตวิทยาอธิบายว่านี่คือความขัดแย้งที่ทำให้เรากลายเป็นคนเสแสร้ง พูดอย่างหนึ่ง เมื่อถึงเวลาจริงๆกลับทำอีกอย่าง

โชคดีตรงที่ว่าเมื่อเราเข้าใจมันแล้วว่าสาเหตุมันมาจากอะไร เราก็สามารถรับมือกับแรงต้านทางจิตวิทยานี้ได้อยู่ ทริคของมันก็คือการปรับมุมมองของสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น แทนที่จะตอบสนองต่อสิ่งที่เรากำลังจะทำด้วยความรู้สึก แต่เป็นการเปลี่ยนวิธีการพูดกับตัวเอง แทนที่จะบอกตัวเองว่า “ต้องทำ” บางอย่าง (เช่นต้องอ่านหนังสือนะ) ให้เป็นการบอกกับตัวเองว่า “ได้ทำ” บางอย่าง หรือ “คู่ควร” ที่จะได้ทำบางอย่าง (เช่นได้อ่านหนังสือแล้ว หรือ คู่ควรที่จะได้พักอ่านหนังสือแล้ว) 

การเปลี่ยนประโยคพูดกับตัวเองในรูปแบบนี้จะช่วยทำให้ตัวคุณเองในปัจจุบันนั้นกลับเข้ามาอยู่ในโหมดของคนที่ควบคุมสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง ไม่ได้ถูกสั่งให้ทำ เรากำลังเลือกที่จะทำอะไรบางอย่างที่มีความหมายกับตัวเอง อิสรภาพของคุณไม่ได้ถูกริดรอนแต่อย่างใด ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้เปลี่ยนแปลงง่ายขนาดนั้น ต้องใช้เวลาในการฝึกฝน แต่ก็มีคุณค่ามากพอที่จะเรียนรู้

คุณเลือกที่จะเชื่อส่ิงเหล่านี้หรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ของคุณ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม “อย่า” แชร์บทความนี้เป็นอันขาด 😉

อ้างอิง  

The Real Reason Why You Sabotage Your Own Goals | by Nir Eyal | Forge

https://psycnet.apa.org/record/2017-56961-001

Be a Schedule Builder, Not a To-Do List Maker – Nir and Far

Hypocrites: How to Survive in a World that’s Full of Them

Tags:

psychologicalpsychologicalreactancereactanceจิตวิทยาซ้ายไปขวา

Share Article

Follow Me Written By

sopons

Writer / Columnist (Salmon Books, 101.world, The Matter, Beartai, The People, a day Bulletin, CapitalRead, GQ, Billion Brands)

Other Articles

Previous

Gastronomy Tourism : หันกลับไปสู่ Local กันเถอะ

Next

คมสันต์ ลี Flash Express ยูนิคอร์นรายแรกของไทย ตอน 1

Next
June 11, 2021

คมสันต์ ลี Flash Express ยูนิคอร์นรายแรกของไทย ตอน 1

Previews
June 11, 2021

Gastronomy Tourism : หันกลับไปสู่ Local กันเถอะ

Related Posts

Gaslighting : งงๆอยู่ว่าไม่ใช่ แต่ปฏิเสธไม่ได้

by sopons
May 11, 2021

โกรธแต่พูดไม่ได้ ทำยังไงให้หายและไม่ทำให้ตัวเองแย่ลง

by sopons
June 29, 2021

Anne Scherer : ทำไมเราถึงซื่อสัตย์ต่อเครื่องจักรมากกว่ามนุษย์ด้วยกัน

by sopons
October 21, 2021

ถ้าอยู่ในทะเลทรายอะไรจะสำคัญที่สุดในชีวิตและเราควรเลือกทิ้งหรือเก็บอะไร?

by sopons
May 25, 2021
SOPON’S BLOG

STUFF WORTH READING

© 2022, All Rights Reserved.

Quick Links

  • Contact
  • About

Category

  • Self-Improvement
  • Technology
  • Business
  • Thoughts
  • Psychology

Follow

Facebook Twitter Youtube Instagram
  • Home
  • Topics
    • Featured
    • Self-Improvement
    • Business
    • Technology
    • Inspiration
    • Books
    • Life Style
    • Startups
    • Thoughts
    • Travel
  • About
  • Contact