Taylor Swift ในบทบาทหมาป่าแห่งวอลล์สตรีทในชุดแกะ
Taylor Swift ได้ต่อสู้มาหลายต่อหลายครั้งในอาชีพการงานของเธอ และด้วยความสำเร็จของ ‘Red (Taylor’s Version)’ เธอจึงเป็นนักร้องที่เชี่ยวชาญมากกว่าแค่ด้านดนตรี
Taylor Swift fashion กลับมาพร้อมกับการขึ้นไปสู่ท็อปชาร์ต
Red (Taylor’s Version) ได้กลายมาเป็นอัลบั้มที่ 10 ของเธอในอันดับ 1 ของ Billboard 200 charts ด้วย 30 track ที่เธอได้ปล่อยออกมาอีกครั้งหลังจากที่พวกมันเคยขึ้นชาร์ตมาแล้ว ใน Red’s orginal อย่างไรก็ตามเพลง All Too Well (10 Minute Version) ก็เกาะอันดับหนึ่งแน่น

การปล่อยเพลงที่อัดใหม่ นับเป็นความสำเร็จส่วนตัวสำหรับเธอ เทเลอร์ เซ็นสัญญาบันทึกเสียงในเริ่มต้นอาชีพของเธอกับ Big Machine Records ค่ายเพลงของเธอเป็นเจ้าของผลงานมาสเตอร์ในหกอัลบั้มแรกของเธอ จากนั้นเทเลอร์ก็เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับหนึ่งในค่ายเพลงของ Universal : Republic Records ซึ่งหลังจากการเปลี่ยนแปลงผลงานมาสเตอร์ของเธอที่ Big Machine Records ก็ถูกซื้อโดย Scooter Braun ซึ่งเป็นชายที่เทเลอร์ตราหน้าว่าเป็น คนที่ข่มเหงเธอ
ดังนั้น เทย์เลอร์จึงตัดสินใจจัดการเรื่องนี้ด้วยมือของเธอเอง ด้วยข้อจำกัดทางกฏหมายเธอไม่สามารถยกเลิกสัญญาเพลงเก่าของเธอได้ แต่เธอสามารถบันทึกหกอัลบั้มแรกของเธอใหม่ได้ เทย์เลอร์ได้ท้าทายวงการเพลงและสร้างสภาพแวดล้อมที่ศิลปินสามารถควบคุมผลงานของตัวได้มากขึ้น
หรือบางที เธออาจจะแค่ทำงานในส่วนที่เป็นประโยชน์กับเธอที่สุด เธออยู่ในธุรกิจเพลง และเธอรู้ว่าเธอกำลังทำอะไร
Taylor Swift vs. Spotify
ในปี 2014 อัลบั้ม 1989 ของเธอไม่ได้ปรากฎขึ้นในบริการสตรีมเพลงเจ้านี้ และหลังจากปล่อยอัลบั้มได้ไม่นาน เธอก็นำเพลงออกมาจากบริการเหล่านี้ โดยเธอกล่าวว่าเธอไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของ “การทดลอง”
ไม่ถึงหนึ่งปีต่อจากนั้น เทเลอร์ก็ลงอัลบั้มสี่อัลบั้มแรกของเธอในแอพสตรีมที่ชื่อ Tidal แล้วก็ตามด้วย Apple Music
เธอทำอย่างนั้นไปทำไมเหรอ?
เงิน.
หลังจากยกเลิก Spotify อย่างเปิดเผย เทย์เลอร์ก็รู้สึกโอเคที่จะนำเพลงของเธอไปไว้ใน Apple Music ด้วยคำสัญญาว่าจะให้ค่าตอบแทนที่ดีกว่า เธอรู้สึกผิดหวัง เมื่อเพื่อนศิลปินได้รับแจ้งว่าพวกเขาจะไม่ได้รับการชดเชยสำหรับการทดลองสตรีมในกลุ่มผู้ใช้งานฟรี โดยผู้ใช้ Apple Music ทุกคนจะได้รับการทดลองใช้ฟรีสามสัปดาห์ ซึ่งหมายความว่าสามสัปดาห์นี้ พวกเขาไม่ต้องจ่ายเงินให้กับศิลปิน เทเลอร์ตีกรอบความคับข้องใจของเธอจนเป็นข้อความสนับสนุนศิลปินหน้าใหม่ที่ต้องอาศัยการสตรีมเพื่อสร้างรายได้และเป็นที่ยอมรับ
สิ่งนั้นทำให้ Apple ต้องเปลี่ยนท่าทีทันที เขาจะจ่ายเงินให้กับเหล่าศิลปินในช่วง free trial และจากนั้นเทเลอร์ก็ยอมให้อัลบั้บม 1989 ของเธอกลับเข้าไปในบริการ
ทำไมกัน?
มันก็ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วนี่
แต่ถ้าลองมาแกล้ง ๆ ทำเป็นมองว่าเธอไม่ทำเพื่อเหล่าศิลปินเล็ก ๆ ล่ะ?
แต่แล้วในปี 2017 จู่ๆ ก็มี 1989 ปรากฏบน Spotify CEO Daniel Ek อธิบายว่าเขาต้องการโน้มน้าวให้ Taylor Swift เข้าใจถึงความสำคัญของการสตรีม และใช่ เธอจะต้องได้รับค่าตอบแทน

ถ้ามองแบบนี้เทย์เลอร์ก็ไม่ได้ต่อสู้เพื่อศิลปินตัวเล็ก ๆ เธอกำลังต่อสู้เพื่อตัวเอง เธอต้องการความสำเร็จ เธอต้องการตัวเลข และเธอต้องการดอลลาร์ แม้ว่าเจตนาจะค่อนข้างเห็นแก่ตัว แต่เธอก็พูดถูก เธอใช้ความพยายามอย่างมากกับงานของเธอ และเธอก็มีสิทธิ์ที่จะปล่อยมันตามที่เธอต้องการ
แน่นอนว่ายังมีหัวข้อย่อยอื่นในไทม์ไลน์นี้ ในช่วงปลายปี 2014 หลังจากการเปิดตัวอัลบั้บม 1989 Billboard ก็ได้เริ่มนำหน่วยที่ “album equivalent” เข้ามาในชาร์ต Billboard 200 ของพวกเขา ดังนั้นการปล่อย 1989 บน Apple Music จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการไต่ชาร์ตของอัลบั้มนี้ และเธอจะได้รับความสำเร็จอย่างล้มหลาม อีกครั้งในปี 2017 เมื่ออัลบั้มเข้าสู่ Spotify
เห็นได้ชัดว่าเธอเปลี่ยนใจกับการ “เป็นหนูทดลอง” Red (Taylor’s Version) จะสามารถเป็นอัลบั้มที่ไต่ขึ้นอันดับหนึ่งในสหรัฐฯ ได้และถ้าเราอิงจากยอดสตรีมเพลง การสตรีมจึงเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญ และเป็นอีกด้านที่เทย์เลอร์มีความเป็นที่หนึ่ง
Taylor Swift vs. Scooter Braun

เมื่อสัญญาของ Taylor Swift หมดลง Scooter Braun ก็รีบคว้าโอกาสที่จะเป็นเจ้าของเพลงมาสเตอร์ของเธอ ในปี 2019 บริษัท Scooter’s Ithaca Holdings LLC ได้เข้าซื้อกิจการของ Big Machine Records และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ 6 อัลบั้มแรกของเทย์เลอร์ ในช่วงปลายปี 2020 เขาขายมาสเตอร์ออกไป แต่การตัดสินใจของเทย์เลอร์ในการอัดเพลงของเธอซ้ำนั้นเกิดขึ้นในระหว่างที่มีการกดดันมากมาย เธอต้องการเป็นเจ้าของเพลงของเธอ และมันจะได้มาจากผู้ชายที่เธอไม่ชอบ
เธอควรทำอะไรอีก?
ในโพสต์ Tumblr เทย์เลอร์หวังว่าเรื่องราวของเธอจะเป็นเรื่องราวเตือนใจสำหรับศิลปินหน้าใหม่ เธอกล่าวถึงการกลั่นแกล้งและการยักยอกของ Scooter โดยระบุว่าการซื้อกิจการของเขาเป็น “กรณีที่เลวร้ายที่สุด”
นี่หมายความว่า Scooter ถือครองสิทธิ์อัลบั้มเพลงเก่าของเธอ และสามารถสร้างรายได้จากสิ่งนั้นได้ อย่างไรก็ตาม เทย์เลอร์เขียนเครดิตและยังคงควบคุมอยู่บ้าง ทั้ง Scooter และ Taylor ไม่สามารถควบคุมเพลงได้อย่างเต็มที่ แต่โพสต์ Tumblr ของ Taylor ได้เปิดเผยความจริงอื่นเกี่ยวกับสถานการณ์ ก่อนที่เธอจะรู้เรื่องข้อตกลงของ Scooter (รวมถึงส่วนอื่นๆ ของอินเทอร์เน็ต) เธอแค่อยากจะเป็นเจ้าของผลงานเพลงของเธอเอง
เมื่อเทย์เลอร์ทำงานกับค่ายเพลงใหม่ เธอมีอำนาจควบคุมมากขึ้น และถ้าเธอบันทึก 6 อัลบั้มแรกใน Taylor’s Version เธอจะเป็นเจ้าของการบันทึกเหล่านั้น
ลองแกล้งทำเป็นว่าเธอไม่ได้เป็นตัวอย่างให้กับศิลปินหน้าใหม่
Taylor Swift อาจสูญเสียสิทธิ์ใน 6 อัลบั้มแรกของเธอ แต่เธอออกจาก Big Machine ด้วยอำนาจต่อรองมหาศาล เป็นความคิดที่ดีที่จะสนับสนุนให้ศิลปินหน้าใหม่ในการเจรจาสัญญา แต่มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่? ในปี 2005 เมื่อเทย์เลอร์ยังไม่เป็นที่รู้จัก เธอคงไม่คุ้มที่จะมีปัญหา นี่คือเหตุผลที่ศิลปินจำนวนมากต้องลงเอยด้วยสัญญาที่ห่วยแตก ค่ายเพลงจะโปรโมตพวกเขา แต่พวกเขาจำเป็นต้องพิสูจน์ว่าพวกเขาคุ้มค่ากับการลงทุน
วงการเพลงมีการแข่งขันสูง ศิลปินหน้าใหม่อาจสูญเสียโอกาสไปได้ง่ายๆ แต่ในปี 2019 Taylor Swift นั้นคุ้มค่ากับเงินลงทุน และเพื่อให้เงินไหลเข้ากระเป๋าของเธอเอง เธออาจได้เรียนรู้บทเรียนจากไอคอนเพลงคันทรี่ Reba McEntire ที่บันทึกเสียงใหม่และรับเงินในสิ่งที่คุ้มค่าที่สุด
และตามแบบฉบับของเทย์เลอร์ สวิฟต์ การตัดสินใจนั้นเต็มไปด้วยดราม่า มีการแบ่งแยกแฟนระหว่างเวอร์ชันดั้งเดิมและเวอร์ชัน “Taylor’s” สิ่งนี้ทำให้พวกเขามีโอกาสเข้าร่วมทีมเทย์เลอร์ และแม้การลงทุนของ Scooter จะไม่อาจนำมาซึ่งผลตอบแทนที่ดีที่สุด แต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย
Taylor vs. Her Past
Taylor’s Version of Red และซิงเกิล “All Too Well” พุ่งขึ้นสู่อันดับ 1 ในแบบเดียวกันกับ Fearless (Taylor’s Version) ที่ขึ้นอันดับ 1 เมื่อต้นปี 2021 โดยการปล่อยอัลบั้มทั้งหมด จะมีเพลงที่มีความยาวมากกว่าต้นฉบับ ซึ่งรวมถึงเพลงจาก “the vault” และจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ในเพลงที่มีอยู่

Red (Taylor’s Version) มีสองแทร็กเด่นจากอัลบั้มของเธอ เพลงแรกคือ “Better Man” ซึ่งเป็นเพลงที่เธอเขียนไว้ในอัลบั้ม Red แต่เดิม เธอมอบเพลงนี้ให้กับ Little Big Town และพวกเขาประสบความสำเร็จมากมายจากซิงเกิล Red (เวอร์ชันของเทย์เลอร์) มันปูทางให้เทย์เลอร์ปล่อยเพลงที่เธอเขียน ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ทำให้ปล่อยเพลงที่มีความเป็นตัวเองมากขึ้น
ในการให้สัมภาษณ์กับ Ryan Seacrest ในปี 2019 เทย์เลอร์กล่าวว่าเธอจะรับฟังข้อเสนอแนะจาก Swifties (กลุ่มแฟนคลับของเทเลอร์) เมื่อทำการอัดเพลง “Better Man” ใหม่ สิ่งนี้เป็นข้อพิสูจน์เช่นเดียวกับ All Too Well และมิวสิควิดีโอประกอบ เพลงเวอร์ชั่น 10 นาที ที่เธอทำให้แฟนๆ ได้มองลึกลงไปในการอกหักในช่วงแรกๆ ของเธอ
เพลงของเทย์เลอร์ส่วนใหญ่เป็นเพลงที่มีความเป็นส่วนตัวสูง (hyper-persona) และมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเธอ เพลงนี้ลือกันว่าเป็นเพลงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับ เจค จิลเลนฮาล และความทุกข์หลังจากความรักสั้นๆ จบลง มิวสิกวิดีโอใหม่แสดงเรื่องราวนี้ และปรากฎไข่อีสเตอร์กับแฟนๆ มากพอที่จะทำให้ได้รับความสนใจ ในเรื่องที่เธอกำลังเขียนเรื่องราวของเธอใหม่ แต่เธอเป็นคนเดียวที่รู้ความจริงเบื้องหลังภาพ
สมมติว่าเธอไม่ได้เล่าเรื่องใหม่
บางครั้งศิลปินก็เขียนเพลงที่ยอดเยี่ยม เช่น “Better Man” แต่มันไม่เข้ากับโปรเจ็คของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงถูกบังคับให้ตัดเพลงและเก็บไว้ในที่เก็บถาวร นี่เป็นเรื่องธรรมดามากในวงการเพลง Fleetwood Mac ต้องตัดเพลงที่โด่งดังของพวกเขา “Silver Springs” ออกจาก Rumours และตอนนี้เทย์เลอร์คุมบังเหียน Red ที่เป็นโครงการของเธออย่างแท้จริง และเธอสามารถร้องเพลงอะไรก็ได้ที่เธอต้องการ
ดังนั้น “Better Man” จึงเป็นส่วนเสริมที่สวยงาม ในขณะเดียวกัน เธอได้ปล่อยเพลง “All Too Well” เวอร์ชั่นที่เปราะบางกว่า 10 นาทีตามเงื่อนไขของเธอเอง ด้วยมิวสิกวิดีโอที่มีดาราดัง และคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ มากมาย มันจึงกลายเป็นสิ่งที่ เทย์เลอร์ สวิฟต์ เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความรักอายุนับสิบปีในแบบของเธอ นี่คือเพลงที่แฟนๆ ต้องการ และนี่คือวิดีโอที่พวกเขาหวังว่าจะได้เห็น เธอกำลังฟังคำแนะนำของพวกเขา!
เจค จิลเลนฮาล ไม่ใช่คนเดียวที่ได้รับการยืนยันว่าเทเลอร์เขียนเพลงให้ เรื่องทั้งหมดที่ได้รับการยืนยันเกี่ยวกับเพลง ก็คือเธอต้องจัดการกับ backlash เจคถูกเกลียดชังจากการเป็นตัวเกร็งในเพลง (เช่นเดียวกับเนื้อหาของเพลงอื่น ๆ ของเธอ) แม้ว่าเรื่องราวจะถูกเล่าขานในทศวรรษต่อมา เทย์เลอร์อาจกำลังเล่นกับรายละเอียดบางอย่าง หรือบางทีเธออาจแต่งเติมเรื่องราวขึ้นเนื่องจากความผูกพันทางอารมณ์ของเธอ จิตวิทยาบอกเราว่านี่เป็นเรื่องปกติ และเทย์เลอร์เป็นมนุษย์ แต่แฟน ๆ ถือว่าข้อเสนอแนะทุกอย่างเป็นความจริง
กลยุทธ์นี้พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จเพราะเพลงนี้ขึ้นอันดับ 1 ของ Hot 100 “All Too Well” ทำให้ตัวเองกลายเป็นเพลงโปรดของแฟน ๆ และเทย์เลอร์ก็ฟื้นจากอาการอกหัก แม้จะประสบความสำเร็จ แต่เพลงนี้ยังมีผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ แต่ไม่ใช่ Taylor Swift อีกต่อไป
Taylor Swift vs. Taylor’s Version
หากเราได้เรียนรู้อะไรจากการต่อสู้ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ในการเปิดตัวเพลงของเธออีกครั้ง ทุกเรื่องราวมีสองด้าน ในมุมมองเดียว เราเห็นฮีโร่ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการสตรีมเพราะมันทำร้ายศิลปินตัวเล็กและสร้างสภาพแวดล้อมที่ศิลปินใหม่ ที่ศิลปินสามารถเป็นเจ้าของเพลงของพวกเขาได้ เทย์เลอร์ สวิฟต์คนนี้รู้ว่าเธอมีอำนาจต่อรอง และเธอจะใช้มันเป็นโมเมนตัมเพื่อปูทางให้กับศิลปินหน้าใหม่
ในจักรวาลอื่น เราจะเห็นว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์อีกคนหนึ่งที่ไม่ได้ชั่วร้าย และไม่ใช่แอนตี้ฮีโร่ด้วย เทย์เลอร์คนนี้เป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจ
ในขณะที่ Taylor Swift ยกเลิกการสตรีมในปี 2014 ไม่กี่ปีต่อมา เธอพบว่าตัวเองมีความปรารถนาที่จะเป็นเจ้าของเพลงของเธอ และนี่หมายถึงการบันทึกเสียงอัลบั้มใหม่อย่าง Reba McEntire และเธอต้องเผชิญกับความท้าทาย ถ้ามีคนเป็นเจ้าของอัลบั้มของคุณแล้ว พวกเขาจะซื้อเพลงนั้นอีกทำไม?
เมื่อเวลาผ่านไปการสตรีมช่วยลดอุปสรรคนี้ ในขณะที่เทย์เลอร์ยังขายอัลบั้มอยู่ เธอยังสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการนำเพลงของเธอไปวางบนแพลตฟอร์มสตรีมมิงได้อีกด้วย ตราบใดที่มีการสมัครรับข้อมูลสตรีมมิงแล้ว พวกเขาสามารถเข้าถึง Red เวอร์ชั่นของเทย์เลอร์ได้ ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องใช้เงินเพิ่ม แต่เทย์เลอร์จะได้รับเงินจากความพยายามของเธอ
มันเป็นการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาด และเทย์เลอร์ไม่ค่อยได้รับเครดิตสำหรับเรื่องนี้ สิ่งนี้ทำให้เธอต้องเสี่ยงครั้งใหญ่ เปิดเผยจิตวิญญาณของเธอ และลากคนบางคนลงไปในโคลนอย่างไร้ความปราณีเป็นครั้งที่สอง เธอเร่งรีบ ทำงาน และได้รับตัวเลขที่เธอสมควรได้รับ
ในโลกทางเลือกนี้ เทย์เลอร์เป็นหมาป่าแห่งวอลล์สตรีทในชุดแกะ
ที่มา : https://marker.medium.com/taylor-swift-vs-music-how-she-conquered-the-business-her-way-92878f7ef327