หนึ่งในยาที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ไม่ได้ทำงานอย่างที่ตั้งใจเอาไว้
เรื่องราวของมันเริ่มต้นขึ้นในปี 1989 เป็นตัวยาที่ชื่อว่า ซิลเดนาฟิล (Sildenafil Citrate) หรือ UK-92480 โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษชื่อ Peter Dunn และ Albert Wood ที่ทำงานให้กับบริษัท Pfizer ในตอนแรกนั้นสิ่งที่พวกเขาตั้งใจทำก็คือการใช้ยาซิลเดนาฟิลสำหรับรักษาอาการหลอดเลือดหัวใจตีบและอาการเจ็บหน้าอกจากสาเหตุดังกล่าว ไปจนถึงการรักษาเรื่องความดันโลหิตสูงอีกด้วย แต่ปรากฎว่ายานี้ประสบความล้มเหลวโดยสิ้นเชิงในการรักษาอาการดังกล่าว
แต่ต่อมาภายหลังปรากฎว่ามันไปได้ผลในด้านอื่นแทน
Dr Brian Klee ผู้บริหารด้านการแพทย์ของ Pfizer ให้สัมภาษณ์กับสื่อฝรั่งเศส (AFP) ว่า
“ตอนแรกเราได้ทดลอง sildenafil ในมุมที่เป็นยาออกฤทธิ์ต่อหัวใจและหลอดเลือด เพื่อให้มันไปลดความดันภายในเลือด แต่อย่างหนึ่งที่เราเจอระหว่างการทำงานวิจัยก็คือว่าผู้เข้าร่วมการทดลองไม่อยากส่งยาคืนให้กับบริษัทเพราะผลข้างเคียงของมันที่ทำให้อวัยวะเพศชายนั้นแข็งตัวนานขึ้นและอึดมากขึ้น”
เมื่อแก้ปัญหาเรื่องหัวใจตีบไม่ได้, ก็ไปโฟกัสที่เรื่องการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศแทน เมื่อแก้ปัญหาความดันเลือดและอาการเจ็บหน้าอกไม่ได้ อย่างน้อยก็ไปช่วยเหลือความรู้สึกปวดใจที่น้องชายไม่ชูชันจะดีกว่า
Chris Wayman นักวิทยาศาสตร์ของ Pfizer ก็ถูกเรียกให้มาทำการตรวจสอบว่าสาเหตุที่มันทำให้โด่ไม่รู้ล้มเป็นเพราะอะไรกันแน่ เขาก็เลยเอาเนื้อเยื่อจากน้องน้อยของชายที่ไร้สมรรถภาพมาใส่ไว้ในหลอดทดลอง เนื้อเยื่อแต่ละชิ้นก็จะถูกเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตัวหนึ่งที่ติดสวิทช์เอาไว้เพื่อเปิด-ปิดประแสไฟฟ้า ซึ่งเป็นการเลียนแบบการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย ตอนแรกที่ Chris ลองทำไม่เกิดอะไรขึ้นเลย แต่พอใส่ตัวยานี้เข้าไปในหลอดทดลองกลายเป็นว่าเส้นเลือดในเนื้อเยื่อเริ่มขยายตัว เหมือนกับตอนที่น้องหนูเริ่มแข็งตัวไม่มีผิด โดย Chris บอกว่า
“สิ่งที่มหัศจรรย์คือการศึกษาครั้งนี้ทำให้เห็นการตอบสนองที่กลับมาอีกครั้ง ตอนนี้เราน่าจะเจออะไรบางอย่างเรียกได้ว่าวิเศษสุดๆไปเลย”
หลังจากที่ทำการทดลองต่อมาอีกหลายครั้งและยังได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ในปี 1996 Pfizer ได้มีการจดสิทธิบัตร Sildenafil Citrate ในอเมริกา ต่อมาวันที่ 27 มีนาคม 1998 โลกของท่านชายหลายล้านคนก็มีโอกาสกลับมาสดใสอีกครั้ง เมื่อองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้อนุญาติให้ Pfizer นั้นสามารถจำหน่าย “Viagra” เพื่อแก้ไขปัญหาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้แล้ว ซึ่งมีการคาดคะเนว่าตลอดช่วงยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมานั้นได้มีชายทั่วโลกใช้ไปแล้วถึง 35 ล้านคนเลยทีเดียว
สิ่งที่เรียนรู้ได้จากเรื่องนี้ก็คือว่า เราอาจจะตั้งเป้าหมายในการออกเดินทางหรือลงมือทำอะไรบางอย่าง แต่กลับเจอเรื่องอื่นๆระหว่างทางที่ไม่เคยคิด – อย่าไปมองข้ามสิ่งเหล่านั้นเพราะมันอาจจะเป็นโอกาสทางธุรกิจขนาดมหาศาลเลยทีเดียว
====================================
อ้างอิง
https://thestandard.co/viagra/ (https://thestandard.co/viagra/)
https://www.newtv.co.th/news/13525 (https://www.newtv.co.th/news/13525)
