Virginia Hall – นักสืบหญิงขาไม้ที่นาซีต้องการตัวมากที่สุด
ในสงครามข้อมูลเป็นสิ่งที่สำคัญในการวางแผนเพื่อนำมาซึ่งชัยชนะ มีคำกล่าวที่ว่า “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” — แล้วเราจะรู้เขาได้ยังไง? ก็ส่งสายลับเก่ง ๆ เข้าไปไง และนี่คือเรื่องราวของ Virginia Hall หนึ่งในสายลับอเมริกันคนที่สำคัญที่สุด ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักด้วยซ้ำ
เวอร์จิเนีย ฮอลล์ (Virginia Hall) พลเรือนหญิงคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอใส่ขาไม้ที่ชื่อว่า “Cuthbert” เธอปลอมตัวเก่ง และเป็นที่ต้องการมากที่สุดของทหารนาซี เพราะหลายต่อหลายครั้งที่เธอสามารถล้วงเอาข้อมูลสำคัญของพวกเขาส่งให้ฝ่ายสัมพันธมิตรได้
เธอเข้าร่วมกองกำลังพิเศษกับประเทศอังกฤษและออกเดินทางข้ามช่องแคบเพื่อช่วยฝรั่งเศสต่อต้านจากฝ่ายนาซี เธอเป็นที่รู้จักในชื่อ Limping Lady เมื่อสิ้นสุดสงครามทีมของ Limping Lady ได้ทำลายสะพานสี่แห่ง ทำให้รถไฟลำเลียงอาวุธ เสบียงหลายขบวนตกราง รวมถึงระเบิดรางรถไฟ ตัดสายโทรศัพท์และจับกุมทหารฝ่ายพันธมิตรอีกหลายร้อยนาย
หลังสิ้นสุดสงครามเธอได้รับการยกย่องให้เป็นสายลับหญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอเมริกาและได้รับเหรียญรางวัลจากความกล้าหาญของเธอด้วย
“เธอเป็นพลเรือนหญิงที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดคนหนึ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2”
Janelle Neises, the museum’s deputy director
หลายทศวรรษที่ผ่านมา หลังจากที่สงครามที่ในฝรั่งเศสจบลง และเกือบ 40 ปีหลังจากการตายของเธอ ประวัติและวีรกรรมของเธอกำลังถูกถ่ายทอดออกมาเป็นหนังสือถึง 3 เล่ม ภาพยนต์อีกสองเรื่อง (A Woman Of No Importance, A Call to Spy)
ฮอลล์เกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยใน Baltimore ในปี 1906 เธอถูกเลี้ยงดูมาเพื่อแต่งงานกับกลุ่มผู้รากมากดี แต่เธอชอบที่จะมีชีวิตที่ผาดโผน เธอเรียกตัวเองว่า “เป็นคนที่ชอบเอาแต่ใจและเจ้าอารมณ์” เธอชอบล่าสัตว์ เธอเคยไปโรงเรียนโดยสวมสร้อยข้อมือที่ทำจากงูเป็นๆ
จุดเริ่มต้น
ฮอลล์เข้าเรียนที่วิทยาลัยแรดคลิฟฟ์และบาร์นาร์ด จากนั้นเธอก็ไปเรียนที่ปารีสและตกหลุมรักฝรั่งเศส ในตอนแรกเธอต้องการจะเป็นนักการฑูต ซึ่งในสมัยนั้นมีนักการทูตหญิงเพียง 6 คนจาก 1,500 คนเท่านั้น
และหลังจากได้งานธุรการที่สถานกงสุลสหรัฐในตุรกี เธอก็ยังมีนิสัยชอบล่าสัตว์อยู่ และในขณะที่กำลังออกไปล่านก เธอบังเอิญยิงตัวเข้าที่เท้าตัวเอง ส่งผลให้เนื้อตายและแพทย์ต้องตัดขาซ้ายของเธอ
อย่างไรก็ตามฮอลล์ไม่ได้ย่อท้อกับสิ่งที่เกิดขึ้น และเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองปะทุขึ้น ในขณะที่นาซีเยอรมนีบุกฝรั่งเศส ฮออล์อาสาที่จะขับรถพยาบาลสำหรับชาวฝรั่งเศส และในไม่ช้าฝรั่งเศสก็ถูกบุกรุก เธอถูกบังคับให้เธอหนีไปอังกฤษ และนั่นเป็นโอกาสที่ทำให้เธอได้พบสายลับและติดต่อกับหน่วยข่าวกรองอังกฤษ
หลังจากการฝึกฝนในฐานะสายลับ ผู้หญิงอเมริกันขาเดียวคนนี้ก็เป็นหนึ่งในสายลับชาวอังกฤษกลุ่มแรก ๆ ที่ถูกส่งเข้าไปในฝรั่งเศสช่วงที่ถูกยึดครองโดยนาซีในปี 1941 เธอรับหน้าที่เป็นนักข่าวของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์
ถูกไล่ตามจาก Gestapo (ทีมตำรวจลับของฮิตเลอร์ )
ในช่วงแรกทีมของเธอถูกจับกุมและสังหาร แต่ฮอลล์มีทักษะของสายลับ เธอเรียนรู้ที่จะก้าวนำหน้าตำรวจลับของเยอรมันอย่าง Gestapo ไปหนึ่งก้าวเสมอ เธอสามารถอยู่ร่วมกับลัทธิชาตินิยมของนาซี ในเวลานั้นได้ โดยที่ไม่มีชาวเยอรมันคนใดคิดว่าเธอคือสายลับเลย”
เธอแฝงตัวอยู่ในเมืองลียงทางตะวันออกของฝรั่งเศส เกลี้ยกล่อมแม่ชีให้ช่วยและผูกมิตรกับเจ้าของซ่องโสเภณี โดยข้อมูลส่วนใหญ่ที่ได้รับเป็นข้อมูลที่โสเภณีฝรั่งเศสรวบรวมจากกองทหารเยอรมัน นอกจากนี้เธอยังจัดกลุ่มนักต่อต้านชาวฝรั่งเศส ช่วยจัดหาที่อยู่ และจัดการเรื่องความปลอดภัยให้กับพวกเขา
แต่หลังจากนั้นไม่นานเหล่านาซีก็เริ่มรู้เบื้องหลัง
ฮอลล์จำเป็นต้องปลอมตัวอยู่บ่อยครั้ง โดยเธออาจเป็นผู้หญิงสี่คนที่แตกต่างกันในช่วงบ่าย และยังมีชื่อรหัสต่างกันสี่ชื่อในวันนั้น เธอเป็นที่ต้องการตัว และหนึ่งในตำรวจลับที่ชื่อ Klaus Barbie แห่ง Gestapo หรือที่รู้จักในนาม “คนขายเนื้อแห่งลียง” ก็หมายหัวเธอไว้ เขามีผลงานที่โดดเด่นในเรื่องของการทรมานและสังหารเชลยที่เขาจับได้
Barbie ติดโปสเตอร์ “ล่าหัว” ของฮอลล์ที่มีภาพวาดของเธอเหนือคำว่า “สายลับที่อันตรายที่สุดของศัตรู – เราต้องหาและทำลายเธอ!”
และในช่วงปลายปี 1942 เหมือนว่าเหล่าตำรวจนาซีจะใกล้ค้นพบเธอ และนั่นทำให้เธอต้องหนีไปสเปนอย่างหวุดหวิด เธอหนีออกผ่านเส้นทางธรรมชาติ ซึ่งต้องใช้เดินสามวันเป็นระยะทาง 50 ไมล์ท่ามกลางหิมะตกหนักบนเทือกเขา Pyrenees Mountains ที่โหดร้าย
เมื่อฮอลล์ไปถึงสเปน เธอก็ถูกจับเพราะเธอไม่มีใบอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศ แต่ต่อมาเธอก็ได้รับการปล่อยตัวหลังถูกจับขังหกสัปดาห์ เธอเดินทางกลับอังกฤษในเวลาต่อมา
เมื่อไปถึงเธอก็ต้องการกลับไปที่ฝรั่งเศส แต่ทางการอังกฤษในขณะนั้นปฏิเสธเพราะกลัวว่าจะอันตรายเกินไป
ในช่วงท้ายสงครามเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ และกองทัพสหรัฐอเมริกันกำลังเพิ่มหน่วยข่าวกรองของตนเอง นั่นคือ Office of Strategic Services หรือ OSS ซึ่งแทบไม่มีอยู่ในฝรั่งเศสเลย ทำให้ฮออล์ถูกเรียกตัวไป และที่นั่นเองเธอได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ของเธอ ทั้งการเรียนแต่งหน้าและแก้ไขฟันให้ดูเหมือนกับ “แม่นมชาวฝรั่งเศส”
ทัวร์ครั้งที่สองของฮอลล์เกิดขึ้นในปี 1944 และ 1945 ครั้งนี้เธอประสบความสำเร็จมากกว่าครั้งแรก เธอเรียกร้องให้มีเครื่องบินขับไล่กลุ่มต่อต้าน ซึ่งทำให้เกิดการระเบิดสะพาน และรถไฟที่ก่อวินาศกรรม ณ ถึงจุดสูงสุด ทีมของฮอลล์ประกอบด้วยผู้คนประมาณ 1,500 คน รวมถึงทหารฝรั่งเศส-อเมริกัน รวมถึง Paul Goillot ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นสามีของเธอ
ทั้งชาวอังกฤษและชาวฝรั่งเศสต่างก็ยอมรับการมีส่วนร่วมในสงครามของฮอลล์ ประธานาธิบดีแฮร์รี ทรูแมนต้องการให้เกียรติฮอลล์ในพิธีทำเนียบขาวในที่สาธารณะ ฮอลล์ปฏิเสธ โดยบอกว่าเธอต้องการปกปิดตัวตน เมื่อมีคนต้องการพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เธอทำในช่วงสงคราม เธอชีวิตที่ยากลำบากเพราะเธอไม่สอดคล้องกับแนวคิดของผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบในยุค 1950 เธอเกือบจะอับอายเพราะเธอทำงานในสนามหลังแนวศัตรู
William Donovan หัวหน้า OSS มอบ Distinguished Service Cross ให้กับฮอลล์ทำให้เธอเป็นพลเรือนเพียงคนเดียวที่ได้รับเกียรตินี้หลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยมีแม่ของฮอลล์เป็นคนนอกเพียงคนเดียวที่เข้าร่วมพิธี
จากนั้นฮอลล์ก็เข้าร่วมกับ CIA ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ซึ่ง CIA สืบทอดงานต่อจาก OSS เธอทำงานที่นั่นเป็นเวลา 15 ปี ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ที่สำนักงานใหญ่
และนี่คือที่มาที่ไปของนักสืบหญิงขาไม้ที่นาซีต้องการตัวมากที่สุดจากสงครามโลกครั้งที่ 2
“ตลอดชีวิตของเธอ เธอถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่มีความสำคัญ”
Sonia Purnell (ผู้เขียนชีวประวัติ)
แต่เธอเป็นผู้หญิงที่สำคัญมากจริงๆ
ที่มา : https://www.npr.org/2019/04/18/711356336/a-woman-of-no-importance-finally-gets-her-due
https://nypost.com/2018/01/13/she-was-a-post-columnist-and-a-heroic-wwii-spy/