ปัญญาอ่อนShop : ร้านขายสินค้าของคนขี้แพ้ ที่อยากบอกว่าอ่อนแอบ้างก็ไม่เห็นเป็นไร
ในยุคของตลาด E-Commerce นั้นเราสามารถหาของได้ทุกอย่างแล้ว ตั้งแต่อาหาร เสื้อผ้า ยา อุปกรณ์อิเคโทรนิคที่ไม่รู้จบ แต่ว่าวันหนึ่งต่ายก็มีโอกาสได้ไปเจอร้านขายของร้านหนึ่งบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งต้องบอกว่าพอเข้าไปในเพจก็จะรู้สึกเหมือนมีคำถามอยู่ในหัวตลอดเวลาว่า “อิหยังวะ” เกิดอะไรขึ้น นี่มันคือสินค้าอะไร อะไรเนี้ย ซื้อมาทำไม ยกตัวอย่างง่าย ๆ กิ๊ฟต้นอ่อน ที่เป็นกิ๊ฟติดผมแล้วเหมือนมีต้นอ่อนต้นไม้งอกออกมาข้างบน หรืออย่าง ผ้าห่มไก่ย่างหนังกรอบ ที่หน้าตาเหมือนอย่างชื่อบ่งบอกคือไก่ย่างหนังกรอบ ที่มาในรูปแบบของผ้าห่ม….มันคือสินค้าอิหยังวะที่คนเข้าไปก็จะขำ จะหัวเราะ ยิ้มตาม และที่สำคัญเติบโตได้อย่างดีอีกด้วย ตอนนี้มียอดไลค์เพจกว่า 8 หมื่นคนเข้าไปแล้ว
ต่ายมีโอกาสเลยขอติดต่อสัมภาษณ์ คุณ พีช-พิชชาพร ชีวินศิริวัฒน์ เจ้าของร้านนี้ที่มีอายุเพียง 27 ปีเท่านั้น ร้าน “ปัญญาอ่อน Shop” ร้านขายของเล่น ของใช้ ของจิปาถะ ร้านนี้มองผิวเผินอาจจะเห็นว่าเป็นร้านขายของนำเข้า “กวนโอ้ย” ที่เราหาได้ทั่วไป แต่ว่าจุดเด่นของร้านนี้อยู่ที่การเขียนเรื่องราวของสินค้าที่อ่านแล้วชวนให้ยิ้ม และสินค้าที่เห็นแล้วต้องอึ้งว่าไปหามาจากไหน
- ร้านปัญญาอ่อนเปิดขายสินค้ามาเป็นเวลา 3 ปี กำลังจะเข้าปีที่ 4
“ไม่เคยทำงานประจำเลยค่ะ”
คุณพีชเล่าให้ต่ายฟังว่าแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจของคุณพีชเกิดจากความต้องการที่จะมีค่าขนมเพิ่มบวกกับตัวเองไม่ชอบที่จะทำงานกับคนอื่น ๆ ด้วยเพราะเป็นคน Introvert เคยพยายามหางานทำออนไลน์ ลองผิดลองถูกอย่างการเปิดร้านขายเสื้อผ้า แม้จะขายดีแต่สุดท้ายก็พบว่าเหนื่อยเกินไป กำไรที่ได้ไม่คุ้มกับแรงที่เสียไปก็เลยมองหาใหม่ๆ
ก็เลยไปไถหาสินค้าออนไลน์ จนกระทั่งไปเจอพวงกุญแจหมูสามชั้น เห็นแล้วมันตลกดี น่ารักดี เลยเอามาเปิดพรีออเดอร์บนเฟซบุ๊คส่วนตัวของตัวเอง ซึ่งโพสต์นั้นกลายเป็นไวรัลและทำให้คุณพีชมียอดออเดอร์เป็นร้อยออเดอร์ภายในคืนเดียว
“มีพี่สาวที่สนิทกับเรามากๆ เขาขายพวกสินค้านำเข้า ชุดชั้นใน เขาก็แนะนำเราว่าจะต้องทำยังไงในการดูของ เราก็ได้ไปดูตามที่เขาแนะนำเรามา เราก็กดไปดูเรื่อยๆ เรานอนไม่หลับทั้งคืนเลยจนจับได้อันนี้ออกมา ก็เลยลองเปิดขายไป วันต่อมาก็มียอดร้อยกว่าชิ้น เราก็รู้สึกว่ามันคุ้ม”
“คนที่มาสั่งก็ไม่ได้เป็นคนที่เรารู้จักซะทั้งหมด บังเอิญว่าโพสต์นั้นเป็นไวรัลในเฟซบุ๊ค ไป 1 ก็ไปอีก 10 ไป 10 ก็ไปอีก 100 โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย ตอนนั้นก็มีแต่คนเชียร์ให้เราเปิดเพจเลย”
- ปัญญาอ่อนช็อปมาจากไหน
“เกิดจากเริ่มทำกับแฟนเก่าที่เป็นคนนิสัยเหมือนกัน แล้วเราก็คิดๆจนเหลืออันนี้อันสุดท้าย คืออ่านแล้วก็เตะตา แค่นั้นเลย”
“มันเป็นของของคนขี้แพ้ ก็แต่ละอย่างที่เขาซื้อไปมันไม่มีสาระเลยอ่ะ คนที่เขารู้สึกว่าเขามีทุกอย่างแล้วหรืออะไร เขาก็ยังต้องการความสุขอยู่ดี แล้วของแบบนี้เขาจะไปซื้อที่ไหนได้ถ้าไม่ซื้อกับเรา”
“มันเป็นอะไรที่ทำให้เขารู้สึกว่าเป็นคนขี้แพ้บ้างก็ได้ ก็ตลกดี”
“กลุ่มลูกค้าก็จะเป็นทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน คนแก่เลยก็มี ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะซื้ออะไร เขาอาจจะซื้อไปให้หลานให้ลูก — คนมีอายุเขาจะชอบซื้อตุ๊กตาหมูไม่มีขาหรือตุ๊กตาหมาที่มันตลก ๆ แต่ไม่ได้ซื้ออะไรที่มันบันเทิงกุ๊กกิ๊ก พวกนั้นจะเป็นแนวที่คนซื้อไปทำกิจกรรมในบริษัทหรือโรงเรียน”
“ที่สุดที่ขายดีจริงๆก็คือคนที่ซื้อเป็นของขวัญ เปิดมาแล้วทุกคนก็จะว้าว”
“ช่วงเดือนธันวาคม หลายๆคนเขาอาจจะเตรียมเที่ยวกัน แต่เราจะไม่ได้เที่ยวเลยค่ะเพราะงานเยอะมาก เพราะเขาจะเอาไปจับฉลาก ไปแข่งประกวดกับบริษัทว่าใครจะได้ Gift Voucher เท่านั้นเท่านี้ เขาเอาไปประกวดเขาก็จะมาบอก อย่างบางคนเขากลับมาบอก ‘พี่ผมซื้อสามร้อย ผมได้สามหมื่นอ่ะพี่ โคตรคุ้มเลย’ ตรงนี้ก็เป็นอีกความสุขหนึ่ง”
- ไอเดียในการหาของมาจากไหน?
“ความรู้สึกของการเป็นตัวเองและดูเทรนด์ค่ะ ถ้าสมมติว่าอยากให้คุณมาเลือกเอง กับเราไปเลือกก็จะได้สินค้าที่แตกต่างกัน”
“เราไม่ได้เจาะจงว่าลูกค้าที่เข้ามาแล้วจะต้องซื้อ เราเจาะจงแค่ว่าเราอยากให้คุณมามีส่วนร่วม enjoy กับสิ่งที่เราเขียน เราอยากรู้ว่าที่เราเขียนลงไปจะเป็นไวรัลได้นานแค่ไหน เหมือนเราทำการตลาด โดยไม่ต้อง ยิงโฆษณา”
“ทำให้เป็นเหมือนเอกลักษณ์ของร้านเรา ถ้าเราเขียนลงไปแล้วเราไม่อ่านชื่อหรือเรื่องราวของมัน เราก็ไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่าอะไร แต่ว่าถ้าเราเขียนเรื่องราวลงไป จนคนๆหนึ่งได้อ่านเรื่องราวแล้วเขาอาจจะแชร์ของเราไปเพราะว่าเขาชอบเรื่องของเราก็ได้ — เขาอาจจะไม่ได้ซื้อแต่เขาแชร์ของเรา”
- โรคซึมเศร้าและการทำธุรกิจ
โรคซึมเศร้าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมของเราปัจจุบัน คุณพีชเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีภาวะนี้ คุณพีชเคยให้สัมภาษณ์ใน A DAY ว่าการได้ทำธุรกิจนี้ได้ช่วยให้โรคซึมเศร้านั้นดีขึ้น
“มันช่วยได้เยอะเลยค่ะ ถ้าได้นับเป็นเปอร์เซ็นก็ประมาณ 70% ได้เลย เพราะว่าคอนเทนต์เราตลก ลูกค้าก็ตลก ลูกค้าบางครั้งทักมาสั่งของก็เหมือนทักมาหาเพื่อน อันนั้น อันนี้มีป่ะ กี่บาท รวมตังค์มาเลย เดี๋ยวโอนให้ เราก็โอเคๆ ได้ บางทีเราก็ตามลูกค้าไม่ทัน”
“ด้วยความที่เราเป็นแม่ค้าหรือพ่อค้าถ้าเราคุยสนุก เขาก็จะอยากกลับมาซื้ออีก อีกอย่างก็เหมือนเรามีเพื่อนคุยตลอดเวลาก็จะช่วยบำบัดซึมเศร้าของเราด้วย อันนี้คือประเด็นสำคัญเลย”
“เวลาที่มีคนมาคอนเมนต์ในสิ่งที่เราทำ เราก็จะไปโฟกัสกับตรงนั้นแทน ทำให้โลกของเราไม่ได้อยู่แค่ที่เราแล้ว”
คุณพีชเล่าว่าคนที่ซื้อสินค้าไปส่วนใหญ่ก็มารีวิวว่าไม่รู้ว่าซื้อไปทำไม พอมาคิดก็ยิ่งงง แต่ต่ายคิดว่าสิ่งที่คุณพีชขายอาจจะไม่ใช่ตัวสินค้า แต่เป็นความสุขเล็กๆที่ได้มาตั้งแต่อ่านเรื่องราวของสินค้า ซึ่งในตอนท้ายคุณพีชก็ได้รับความสุขนั้นกลับมาด้วย
- แล้วมีการ Burn Out บ้างไหม?
“โดยส่วนตัวของพีชเอง พีชบำบัดมาแล้วเกือบ 5 ปี ถ้าเกี่ยวกับเรื่องงานตรงนี้เวลาที่ลูกค้าซื้อของแล้วมี Feedback ที่ไม่ดีกลับมา เราก็จะรู้สึกว่า โอเค เราต้องคุยกับลูกค้าก่อนว่ามันมีปัญหาอะไร แล้วปัญหานั้นเราจะแก้ยังไง ถ้าแก้ไม่ได้ทำยังไง ก็คือเราต้องตั้งสติก่อน ซึมเศร้าไม่ได้ทำให้งานของเราดีขึ้น ถ้าเราจะจมลงไปกับมันอีก”
“ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี เราก็ต้องดึงมันขึ้นมาสำหรับคนที่ทำแล้วเกิดวิกฤตเราก็ต้องมาดูว่าตรงนี้มันกระทบกี่เปอร์เซ็น สถานการณ์การเงิน การงานของเราแล้วเราจะดึงมันกลับมาได้ยังไง อย่างช่วงสองเดือนที่ผ่านมากระทบหนักมาก แต่ว่าพอผ่านไปประมาณ 2 อาทิตย์ เราก็ดึงขึ้นมาได้ภายใน 7 วัน ยอดเข้าถึงมีประมาณ 3 ล้านคน แต่ตรงนั้นก็บวกกับการที่ลูกค้ามาซื้อด้วย”
“ฉะนั้นแล้ว เราจะต้องไม่โฟกัสกับอะไรที่ทำให้มันตกลง เราต้องโฟกัสที่ทำยังไงให้หาย ทำยังไงให้กลับมาดี ทำยังไง —ก็ทำงาน ถ้าไม่ทำงานก็ไม่ได้ตังค์ เพราะฉะนั้นถ้าเราไปโฟกัสที่ว่ามันไม่มีทางออกแล้ว ไม่อะไรแล้ว เอาสมองไปคิดกับส่วนอื่นมันก็จะไม่สามารถทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นได้”
“ซึมเศร้ามีผลกระทบตรงที่เขาอาจจะหลุดโฟกัสจากตรงนี้ไม่ได้ แต่ของเราดีหน่อยที่เราจะตั้งสติให้หลุดจากตรงนี้ให้ได้ ทุกวันนี้แค่เดินออกจากห้องแล้วหมาเห่าเราก็หายแล้วค่ะ จริงๆ”
- ปัญญาอ่อนช็อปร้านที่ยังไม่มีพนักงาน
“คือจริงๆแล้วเราพึ่งขอให้เขาออกไปเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง เพราะว่าน้องๆเขาทำงานแล้วผิดพลาดเยอะ”
คุณพีชเล่าว่าในเรื่องการจัดการพนักงานของตัวเอง ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีคำถามอยู่เรื่อยๆ วิธีแก้ของคุณพีชน่าสนใจมากๆ
“ก็คือขอให้เขาแก้ไขค่ะ คุยกับเขาดีๆ ไม่ตะคอก ไม่ขึ้นเสียง ไม่ชักสีหน้า ไม่โวยวายเลย เขาทำผิดพลาดก็หักเงิน เขาทำผิดเกือบเดือนเราก็ไม่ว่าอะไรก็หักเงินเขา จนสุดท้ายมันผิดติดต่อกันอาทิตย์หนึ่งทุกวันเลย แล้วเราก็ต้องมานั่งแก้ทีหลัง เราก็เลยรู้สึกว่าทำคนเดียวยังไม่เหนื่อยขนาดนี้เลย”
“จริงๆแล้ว เรื่องนี้เกี่ยวกับเรื่องสภาพจิตใจของเรา ก็คือว่าพอเราเป็นซึมเศร้าแล้วเราต้องบำบัดมากๆ ประมาณปีหนึ่งเราออกไปไหนเองไม่ได้เลย ไม่มีความรู้สึกว่าปลอดภัยเลย”
“พนักงานสองคนนี้เป็นพนักงานที่เราเปิดใจให้เข้ามาทำงานด้วย เขาก็เหมือนเข้ามาทดลองงานเฉยๆ จนเรามีความรู้สึกว่า ‘พักก่อน’ เพราะเรายังไม่อยากเจอคนแปลกหน้า ทำงานกับใครยังไม่ได้ ส่วนหนึ่งที่เราไม่ทำงานประจำทั้งๆที่ที่บ้านอยากให้ทำ ก็คือเราไม่อยากเจอคนอื่น”
นี่อาจจะเป็นเพราะตัวตนของคุณพีชที่อาจจะเป็น solopreneur (นักธุรกิจที่ลงมือทำเอง) และ Introvert นิดๆ ทำให้ชอบที่จะทำธุรกิจคนเดียว แต่ตัวคุณพีชเล่าเพิ่มว่าจริงๆแล้วก็อยากจะเปิดใจให้มีคนเข้ามาทำงานด้วย
“มันจะโตไหม เราอยากให้มันโตแต่เราก็อยากได้ลูกน้องที่ดีด้วยเพราะเราเป็นคนไม่ดุอยู่แล้ว ”
- วิธีแบ่งเวลาและการฮีลตัวเองของคุณพีช
“จริงๆแล้วเป็นคนไม่ค่อยออกจากบ้านนะคะ งานอดิเรกก็ดูหนัง แต่มือกดทำงาน แต่ถ้าว่างจริงโดยที่ไม่ทำอะไรเลย ก็คือวันพุธและวันอาทิตย์ เพราะว่าต้องไปโบสถ์ หรือพาหมาไปเดิน ช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่ไม่ติดโทรศัพท์เลย เพราะว่าจะเป็นช่วงที่ตอบลูกค้า”
“ช่วงเวลาการทำงานก็จะมีเวลาชีวิตที่ไม่เหมือนคนอื่นจะนอนประมาณตีสาม ตื่นประมาณสิบเอ็ดโมง จะเป็นคนใช้ชีวิตแบบนี้ ตื่นมาก็จะไปกินข้าวหน้าปากซอย กลับมาจัดการหมาแมว สี่โมงห้าโมงเย็นก็รีบไปส่งของ ก็กลับมาทำงานต่อ และคิดว่าวันต่อไปจะลงของอะไร บูสต์โพสต์ยังไง เท่าไหร่ เคลียร์สต๊อก ทำบัญชี ถ้าวันไหนไม่ลงของมันก็จะเหมือนกับว่าเราไม่เปิดร้าน”
“เราได้ทำไลน์ช็อปเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถสั่งของได้โดยที่ไม่ต้องคุยกับเรา แต่ว่าถ้าอยากคุยกับเรา เราก็เขียนตรงดีเทลตรงนั้นว่าใครอยากสั่งเพื่ออยากคุยกับเราก็สามารถมาคุยกับเราได้ ก็มีคนมาคุยกับเราก็มี”
คุณพีชเล่าให้ต่ายฟังว่าก็จะมีทั้งการใช้เทคโนโลยีของมาช่วย และแบ่งเวลาไปโบสถ์ พาหมาไปเดิน ทำให้เกิดเป็นกระบวนการทำงานที่เป็นการธุรกิจแบบใหม่
“เรามีระบบหลังบ้านที่เป็น Line Shop ก็ช่วยแบ่งเบาลูกค้าในด้านการคุยได้ แต่ในระหว่างที่เราแพคของเราก็นั่งคุยกับลูกค้า แต่ส่วนหนึ่งที่สำคัญก็คือการจำว่าสินค้าตัวนั้นตัวนี้เหลือไหม ถ้าไม่ชัวร์ก็ต้องรีบไปดู — เราทำจนชิน”
“ในเวลาที่เราไม่ขับรถเราก็ตอบได้ หรือเวลาที่เราขับรถถ้ามีลูกค้าทักมา ลูกค้าก็รอได้ค่ะ เพราะว่าเราไม่ใช่คนที่ตอบลูกค้าไม่ดี ลูกค้าทักมาเราก็จะสวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ ลูกค้าก็จะแบบตอบดีอ่ะ ซื้อเลย”
“ไม่ว่าลูกค้าเขาจะยังไงมา เราก็ตอบดีๆ สุขภาพจิตเราก็จะดีด้วย ไม่ว่าจะฟาดอะไรกลับมาก็ตอบดีๆ ก็จบ”
- พอขายดีมากๆ แน่นอนว่าต้องมีคน Copy คุณพีชจัดการยังไง
“Ignore เลยค่ะ ไม่ได้สนใจ ถ้าทำแล้วไม่มีคู่แข่งก็เท่ากับว่าเราไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าเขาอยากทำตามเราก็เท่ากับว่าไอเดียนี้มันดี”
คุณพีชเป็นหนึ่งในแขกรับเชิญที่น่าสนใจมากๆ หลังจากที่ต่ายได้สัมภาษณ์คุณพีชมา คุณพีชเป็นแขกรับเชิญที่มีวิธีการจัดการที่เรียบง่ายและไม่ตึงจนเกินไป เช่น อย่างเวลาที่ต้องตอบแชทช่วงที่วุ่นวาย คุณพีชก็จัดการอารมณ์ตัวเองได้ดี ‘ก็ตอบดีๆไป’ หรือว่าเรื่องของคู่แข่ง
หลายงานวิจัยจะบอกว่าการมีคู่แข่งเยอะๆบางทีก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น แต่คุณพีชกลับมามีมุมมองที่แตกต่างออกไป ถ้าเขามาแข่งก็เท่ากับว่าเราเจ๋ง และคุณพีชยังเป็นคนหนึ่งที่มีเวลาว่างให้กับตัวเอง ฮีลตัวเองโดยการพาสุนัขไปเดิน เป็นการทำธุรกิจคนเดียวที่ดูมีความสุข มีตรรกะและมีวิธีการดำเนินธุรกิจที่ดี เหมือนเกิดมาเพื่อสิ่งนี้
- ปัญญาอ่อนช็อปใน 5 ปีต่อไป
“จริงๆก่อนหน้านี้ตั้งใจจะทำ Export แต่ก็เจอโควิด จริงๆ Export ไปแล้ว 10 ประเทศ ถ้านับจริงๆ เลยทำให้ตอนนี้ธุรกิจชะงักไป เพราะว่าช่วงเวลาที่ต้องรอของก็จะนานขึ้นจาก 7 วันก็กลายเป็น 15 วัน มันนานแล้วเขาก็ไม่มั่นใจด้วยว่าถ้าไปถึงแล้วสินค้าจะปลอดเชื้อไหม เราก็เลยต้องหยุดตรงนี้ไว้ก่อน”
คุณพีชเล่าให้ฟังว่าประเทศที่มาซื้อของจากร้านที่ได้ส่งออกไปก็จะเป็นประเทศอย่างเวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ ในโซนยุโรปก็จะมีเนเธอแลนด์ หรืออเมริกา โดยลูกค้าที่มาก็ไม่ได้มีแค่คนไทย
“ลูกค้าต่างชาติก็มีมาคอนเม้นต์ และมีมารีวิวให้เราตลอด”
“อเมซอนมีของพวกนี้เยอะมาก อยู่ที่ว่าเราจะเจอมันไหม แต่บางครั้งเราก็ไม่เจอมันแต่มาเจอที่ร้านเรา พีชไม่ใช่คนเดียวในโลกที่มีนิสัยนี้และคนแบบเราก็ดึงดูดคนแบบเราไปอีก”
คุณพีชไปคัดเลือกสินค้าที่ตัวเองสนใจเพื่อมาขายให้กับลูกค้าที่มีความสนใจเหมือนกัน และคนที่มีความสนใจที่ไม่เหมือนกัน ก็ถูกดึงดูดด้วยวิธีคิดและความเป็นตัวของตัวเองของคุณพีช ซึ่งต่ายมองว่านี่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้คุณพีชประสบความสำเร็จในการทำร้านปัญญาอ่อนช็อป
- แต่คุณพีชยังไม่คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จ แล้วความสำเร็จของคุณพีชคืออะไร
“อาจจะเป็นการได้อยู่บ้านเลี้ยงหมาและมีความสุข การได้เล่นเกม ได้อยู่กับเพื่อน ๆ หรืออาจจะมีแฟนดี ๆ สักคนประมาณนี้มากกว่า ถ้าเป็นเรื่องงาน ถ้าเราอยากจะให้ประสบความสำเร็จจริงๆ มันยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่เราต้องทำเพื่อให้ประสบความสำเร็จ แต่สิ่งที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ก็คือเราต้องมีความสุขก่อน”
“ถ้าหมองๆไปทำก็คงทำไม่ได้อยู่ดี”
ปัญญาอ่อนช็อปจึงไม่ใช่จุดสุดท้าย แต่เป็นจุดเริ่มต้นของคุณพีช ในอนาคตอาจจะมีอะไรผุดขึ้นมา คุณพีชเล่าว่าอาจจะเป็นการที่ได้ทำแบรนด์สินค้าที่มีโรงงานผลิตของของตัวเอง มีทีมดีไซเนอร์ ที่ทำอะไรแนวๆนี้ออกมาโดยที่คนอื่นจะไม่สามารถมาเลียนแบบได้
- ถ้ามีเด็กๆที่กำลังจะเรียนจบมาปรึกษาคุณพีชเรื่องการทำธุรกิจ คุณพีชจะแนะนำว่ายังไง
“ทุกคนที่เข้ามาถาม เราจะบอกว่าไปดูก่อนว่า ‘ตัวเองชอบอะไร’ ถ้าทำสิ่งที่เราไม่ชอบเราจะอยู่ได้ไม่นาน คำถามนี้อาจจะเป็นคำถามที่ง่าย แต่เป็นสิ่งที่ตอบยากนะคะว่าจริงๆแล้วเราชอบอะไร”
“ถ้าเราจะเลือกแล้วก็เลือกสิ่งที่ตัวเองชอบ”
การได้พูดคุยกับคุณพีชในครั้งนี้ทำให้ต่ายเซอไพร์สกับการที่คุณพีชสามารถตอบเรื่องของความที่สุดของชีวิตได้อย่างธรรมดาสามัญ อย่างความสุขของชีวิตคืออะไร คุณพีชตอบมาได้ชัดเลยว่าคือ ความสุข ความสัมพันธ์ มันไม่ใช่เรื่องของเงิน
การทำธุรกิจแบบอเมริกาอาจจะเป็นการลงทุนฟาดกำไร การทำธุรกิจอาจเป็นการเพิ่มคุณค่า แต่ของคุณพีชคือการ “ทำตามความพึงพอใจของผู้ขายและลูกค้าอาจจะต้องมาตามเทรนด์ของเรา” คุณพีชกำลังขยายคนที่เป็นเผ่าเดียวกับตัวเอง คนส่วนใหญ่อาจจะอยากทำตามคนนั้นคนนี้ แต่คุณพีชอยากเป็นตัวของตัวเอง
“จริงๆ แล้วเราก็มีคนที่อยากเป็นนะคะ เราอยากเป็นพวกยอดมนุษย์ ซึ่งเราเป็นไม่ได้ พอเราอยากเป็นคนนั้นคนนี้ เราจะเป็นอะไรได้นอกจากแค่ของก็อป แล้วยังไงหล่ะ? ถ้าวันหนึ่งคนที่เราอยากเป็นเขาแก่ลงไป แล้วเราจะเป็นแบบไหน เราจะมีความสุขไหม เราก็ต้องเป็นตัวของตัวเอง เราชอบแบบไหนเราก็เป็นแบบนั้น”
คุณพีชปิดท้ายด้วยการบอกว่า
“สบายใจแบบไหนให้ทำตัวเองแบบนั้นประมาณนี้ดีกว่าแล้วเราจะรู้ว่าความสบายใจตรงนี้คือการเป็นตัวของตัวเอง แค่นั้นเองค่ะ”
“ก่อนหน้านี้เราซึมเศร้าและบำบัดไม่ได้เลย เพราะว่าเราเลิกกับแฟนคนเก่า จนเราต้องไปเข้าโบสถ์หลังจากนั้นคำว่าแฟนไม่สามารถบำบัดเราได้อีกเลย เรามอบความรักของเราให้กับพระเจ้าอย่างเดียว อยู่กับหมาแมวและก็งาน แค่นี้เองค่ะ”
ช่องทางติดต่อ :
เฟซบุ๊คแฟนเพจ : https://www.facebook.com/punyaonshop
อินสตราแกรม : https://www.instagram.com/punyaonshop/