People Pleaser : เป็นทุกอย่างให้ทุกคน ยกเว้นเป็นตัวเอง
ทุกคนอยากจะเป็นที่รัก ที่พึ่งพา ที่ถูกคิดถึง แต่บางคนก็พูดว่า “ได้เสมอ” จนมันบดขยี้จิตวิญญาณของคุณเอง นั้นคือสิ่งที่เรียกว่า People Pleaser ตราบใดที่คนอื่นมีความสุขเพราะฉัน พวกเขาจะมีฉันเสมอ
People Pleaser คืออะไร?
ในทุกความสัมพันธ์ต้องมีคนเป็นคนรดน้ำ พรวนดิน (คนสวน) และคนที่เป็นดอกไม้ คนสวนคือคนที่มีความสุขจากการทำสวน พวกเขาจะรดน้ำแก่ดอกไม้ เช็คให้แน่ใจว่าได้รับแสงแดดและปุ๋ยเพียงพอ ความสุขของพวกเขา คือเห็นความพยายามกลายเป็นสวนดอกไม้ที่บานสะพรั่ง ถ้าหากว่าดอกไม้รู้สิ่งนี้ ดอกไม้ก็จะใช้พลังงานอย่างเต็มที่ในการเบิกบาน เพื่อให้คนสวนมีความสุข
แต่ว่า …. การเป็นคนสวน มันไม่ได้ดีต่อใจขนาดนั้น ถ้าหากว่าเขาเอาแต่ดูแลต้นไม้โดยที่ไม่สนใจว่าตัวเองพรวนดินมากี่ชั่วโมงแล้ว กำลังกระหายหรือเปล่า? เขาต้องตายกลางสวนสวยของเขาแน่ ๆ
People Pleaser ก็คล้ายอย่างนั้น คุณมักจะให้คนอื่นมาก่อนตัวคุณเสมอ ซึ่งนั้นจะทำให้คุณรู้สึกดีกับตัวเองบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม คุณอาจใช้เวลาพยายาม “เดาซ้ำ” ว่าคนอื่นคิดและรู้สึกอย่างไร และบางครั้งเนื่องจากคุณห่วงใยพวกเขามาก ๆ พวกเขาก็จะมาหาคุณเพื่อขอความช่วยเหลือเรื่อย ๆ หรือบางครั้งคุณก็สร้างภาระให้ตัวเองเพราะคุณใส่ใจมากเกินไป และอาจจบลงด้วยการ ‘ถูกใช้’ โดยผู้อื่นหรือคนที่ต้องการเอาเปรียบ
ในแง่หนึ่ง มันเป็นสิ่งที่สามารถทำลายความสุขของเราได้หากเรายอมให้มันเกิดขึ้น งานวิจัยชี้ให้เห็นถึงภาวะซึมเศร้า ในการเป็น people-pleasing เพราะเรากำลัง “สะสมความรู้สึกลบ” ให้กับตัวเองโดยที่ไม่รู้ตัว และมันจะนำไปสู่การขาดการได้รับความเคารพจากผู้อื่น (รวมถึงตัวเองด้วย) กลายเป็นคนที่ไม่มีขอบเขตที่ดี ไม่เป็นตัวของตัวเอง และที่เลวร้ายที่สุด มันอาจนำพาไปสู่การมีความรักและความสัมพันธ์ที่เป็นพิษแบบพึ่งพา หรือ “ยึดติดกันและกัน”
หากเราเอาใจทุกคนที่อยู่รอบตัวเรา เราก็จะมองไม่เห็นว่าเราเป็นใคร ในที่สุดแล้ว เราจะสูญเสียความรู้สึกของการเป็นตัวเอง เราจะละเลยความต้องการของเราและดำเนินชีวิตเพื่อพยักหน้ารับการอนุมัติครั้งต่อไป เราไม่เห็นว่านี่เป็นการทรยศต่อตนเองหรือการละเลยทางอารมณ์ เนื่องจากทุกอย่างถูกเข้าใจว่า “มันก็เป็นอย่างที่เป็น” โดยปกติแล้วอาจจะใช้เวลาหลายปี กว่าเราจะเริ่มสังเกตว่าเราขาดการติดต่อกับความรู้สึกของเรา ความต้องการของเรา วิธีที่เราคิดเกี่ยวกับตัวเองและพฤติกรรมของเราดำเนินไปตามผู้อื่นเหมือนกับการลากจูง
เมื่อเรายังเด็ก เราได้เรียนรู้ว่าคุณค่าของเราผูกติดอยู่กับความสำเร็จ ผลงาน หรือการทำให้พ่อแม่มีความสุข เราเรียนรู้เงื่อนไขของมูลค่าโดยจิตใต้สำนึก เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น เราไม่ได้มองว่าตัวเองน่ารัก เว้นแต่ว่าเราจะผลิต ชนะ บรรลุ หรือนำเสนอภาพที่พ่อแม่เห็นแล้วยอมรับ
เราเรียนรู้วงจรของการเชื่อมต่อจิตใจ/ร่างกายของเราเอง เมื่อเราถูกสอนว่าคุณค่าของเราอยู่บนพื้นฐานของการทำให้ผู้อื่นมีความสุข มีวงจรทางอารมณ์หลักสองอย่างที่เราประสบ: อาการชินชาและความวิตกกังวล เมื่อเราทำให้คนอื่นพอใจมานานพอ เราจะคุ้นเคยกับวัฏจักรเหล่านี้——เรารู้สึกชินชาหลังจากที่ “ความพอใจ” ของพวกเขาหมดลง และเราจะรู้สึกวิตกกังวลเมื่อเราติดอยู่ในจุดที่ต้องรอเพื่อจะตอบสนองสิ่งต่อไป
สัญญาณที่อาจบอกได้ว่าคุณคือ People Pleaser ตัวจริง
- ปฏิเสธไม่เป็น
สัญญาณที่พบบ่อยที่สุดประการหนึ่งของการทำให้ผู้คนพอใจคือการไม่สามารถพูดว่า “ไม่” คุณเป็นคนที่มักจะทำงานที่คนอื่นถามหาคุณ คุณโฉบเข้ามาและกอบกู้โลกทั้งๆ ที่ไม่มีใครขอให้คุณช่วย และการไม่สามารถกำหนดขอบเขตนี้อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของเรา เมื่อสิ่งที่คุณทำคือให้เวลาและพลังงานแก่ผู้อื่น และเหลือพื้นที่ที่สิ่งเหล่านั้นกับตัวเองเพียงเล็กน้อย
- อยู่ข้างหลังสุด
เรื่องของคุณเอง คุณเอาไว้หลังสุดใช่หรือไม่? คุณใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการให้ความสำคัญกับความต้องการของคนอื่นมากกว่าของคุณเองหรือเปล่า การยึดตำแหน่งสุดท้ายที่ไม่สิ้นสุดนี้สามารถนำไปสู่การตัดขาดจากตนเองอย่างรุนแรง และในที่สุดคนรอบข้างของคุณเรียนรู้ว่าพวกเขาสามารถเอาอะไรไปจากคุณก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องตอบแทนอะไร และสิ่งนั้นจะสามารถทำลายความสุขของคุณในอนาคต
- คนอื่นจะชอบเราไหม?
ในบรรดาการทำให้ผู้คนพอใจ People Pleaser แสวงหาการยอมรับจากโลกภายนอก เพื่อให้รู้สึกว่าพวกเขามีค่า และเป็นที่รัก แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนเดียวที่สามารถให้ความรู้สึกมีคุณค่าแก่เราได้คือตัวเราเอง ซึ่งมันจะสะท้อยสิ่งนี้จากภายในสู่ภายนอก
- กลัวความขัดแย้ง
คุณหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในทุกกรณี โดยที่ความกลัวความขัดแย้งนี้ลงเอยด้วยความกลัวว่าจะไม่มีใครรักหรือถูกปฏิเสธ เมื่อถึงจุดหนึ่งในวัยเด็ก คุณอาจเคยถูกสอนว่าการแสดงความรู้สึกของคุณ มักมาพร้อมกับความไม่พอใจของผู้อื่น ดังนั้นคุณจึงต้องเรียนรู้ที่จะปิดกั้นความรู้สึกของคุณเพื่อให้คนรอบข้างชอบ
- ความวิตกกังวลและความสิ้นหวัง
ความวิตกกังวลและความรู้สึกสิ้นหวังอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคนบางคนต้องการเอาใจแต่ผู้อื่น เมื่อคุณวิ่งไล่ตามความต้องการของทุกคน (รวมถึงการอนุญาตจากพวกเขา) มันก็เหมือนกับการที่คุณกำลังจุดเทียนทั้งสองด้านโดยไม่มีอะไรเหลืออยู่ตรงกลางสำหรับตัวคุณเองเลย
- คาดหวังความสมบูรณ์แบบ
สัญญาณเล็กๆ น้อยๆ ที่เรามักมองข้ามเมื่อต้องการทำให้คนอื่นพอใจคือความต้องการความสมบูรณ์แบบ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่มาจากความไม่มั่นคงทางใจ เมื่อคุณรู้สึกไม่สบายใจเมื่ออยู่กับผู้อื่น คุณก็จะสามารถพยายามทำตัวให้ “สมบูรณ์แบบ” มากที่สุดเพื่อจะได้รับความรัก คำชม หรือความเห็นชอบจากพวกเขา
- ไม่มีอารมณ์เป็นของตัวเอง
อารมณ์ของเราเป็นส่วนสำคัญในตัวตนของเรา มันควรได้รับการแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา คุณสามารถแสดงความรู้สึกของคุณต่อคนรอบข้างได้หรือไม่? เวลาคุณโกรธ คุณจัดการตัวเองได้ไหม? เวลามีคนมาทำร้ายความรู้สึกคุณ คุณเข้มแข็งพอที่จะพูดไหม? คุณรู้สึกไม่สบายอก ไม่สบายใจ เพราะคุณคิดว่าคุณต้องทำอย่างนั้นจึงจะ “ถูกใจ” นี่แหละ People Pleaser
- ไม่กล้าที่จะไม่พอใจ
อาการที่ละเอียดอ่อนและมักถูกมองข้ามอย่างหนึ่งของ People Pleaser คือความรู้สึกไม่พอใจ ในตอนแรกคุณอาจไม่รู้จักอารมณ์นี้ว่ามันคืออะไร แต่คุณพบว่าตัวเองอยู่ในอารมณ์ที่น่าสยดสยองหรือจมอยู่กับความคิดเชิงลบที่ทำให้คุณมองโลกในแง่ร้าย ในขณะที่คุณตอบสนองความทุกความต้องการของผู้อื่น คุณจะค่อยๆ มองเห็นความรู้สึกเหล่านี้ในสิ่งที่พวกเขาเป็น ความขุ่นเคืองที่คุณทำให้ทุกคนมีความสุข ยกเว้นตัวคุณเอง
People Pleaser : Weakness or Strength?
หลายคนมองว่าความปรารถนาที่จะทำให้คนอื่นพอใจ ของ People Pleaser เป็นจุดอ่อน แต่ในความเป็นจริงแล้ว นี่อาจจะเป็นจุดแข็งที่ยิ่งใหญ่จุดหนึ่ง
มันจะผิดได้ยังไง กับการที่ต้องการจะเป็นผู้ให้? คิดบวก? ทำให้แน่ใจว่าทุกคนรอบตัวคุณจะมีความสุข? สิ่งเหล่านี้ฟังดูเหมือนสิ่งที่อยู่ไกลที่สุดคำว่า “อ่อนแอ”
“ไม่ผิดเลยที่คุณยินดีจะให้สิ่งที่คุณให้ได้ แต่อย่าลืมว่าในที่สุดแล้วคุณมีสิทธิ์ที่จะมีความต้องการเป็นของตัวเอง คุณปฏิเสธที่จะให้ได้ คุณเปลี่ยนแปลงได้ คุณไม่เหมือนเดิมได้ และทุกคนไม่ได้รักคุณเพียงเพราะคุณเป็นผู้ให้เสมอ”
แต่อย่าลืมที่จะดูแลตัวเองความรู้สึกของตัวเอง คุณสามารถให้ทุกอย่างที่คุณต้องการได้ และเมื่อคุณให้สิ่งที่ต้องการแก่ใคร เมื่อคุณทำให้ความฝันของใครเป็นจริงสำหรับพวกเขา พวกเขาเป็นหนี้คุณในแง่หนึ่ง และพวกเขาจะเต็มใจทำบางสิ่งเพื่อคุณมากขึ้นด้วยเหตุนี้ ซึ่งมันเป็นสถานการณ์ที่ทั้งการให้และการรับสำคัญพอๆ กัน
ความต้องการของตัวเราเองเป็นความต้องการเดียวที่เราสามารถตอบสนองและบรรลุได้อย่างแท้จริง
เราไม่สามารถรับผิดชอบต่อคุณภาพชีวิตของใครได้ ไม่ว่าจะเป็นคนรัก หรือลูก เราไม่สามารถให้สิ่งที่เราไม่เคยได้รับหรือทำเพื่อตัวเราเองแก่ผู้อื่นได้ มันน่าจะดีกว่ากับการที่จะก้าวถอยหลังและเรียนรู้ที่จะปฏิเสธ
การเป็นคนที่คอยเอาอกเอาใจคนอื่น เป็นได้ทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน อาจมีบางครั้งที่คุณจะได้รับความเคารพและได้รับการชื่นชมเพราะคุณยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ไม่” แทนที่จะคิดว่าคนอื่นจะเคารพและชื่นชมคุณหากคุณอยู่เคียงข้างพวกเขาเสมอโดยคำนึงถึงความรู้สึกของพวกเขาเป็นอันดับแรก
การทำเพื่อคนอื่น ก็เหมือนกับเรื่องทั่ว ๆ ไป ถ้าคุณไม่พยายามทำให้มันสมดุล ด้านใดด้านหนึ่งจะบดขยี้ลงมาทับคุณอย่างสาสมแน่ ๆ
แล้วจะเลิกเป็น People Pleaser ได้อย่างไร?
- กำหนดขอบเขต สิ่งสำคัญคือต้องเริ่มกำหนดขอบเขตเล็กๆ โดยพูดว่า “ไม่” กับคนที่คุณรู้สึกว่ากำลังเอาเปรียบคุณ เป็นการดีที่จะมองเห็นและ ยอมรับว่าใครที่คุณควรให้ความสำคัญ
- ช่วยเหลือเมื่อจำเป็น ไม่ใช่เมื่อคุณต้องการการตรวจสอบ อย่าเสนอให้ความช่วยเหลือในทุกสิ่ง ให้ช่วยเมื่อคุณต้องการจริงๆ แทนใส่ใจตัวเองก่อน เป็นเรื่องปกติที่จะพิจารณาและจัดลำดับความสำคัญให้กับตัวเอง ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องเห็นแก่ตัว แต่มันคือการเรียนรู้ที่จะตอบสนองความต้องการของคุณก่อน
- อย่าหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง เมื่อทะเลาะวิวาทอย่าเดินออกไป – พูดออกมา ให้คนอื่นรู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไร อย่าปิดกั้นอารมณ์ของคุณ
- ลองบำบัด การทำให้ทุกคนพอใจ อาจเกี่ยวข้องกับความบอบช้ำจากประสบการณ์ในอดีตหรือเป็นสัญญาณของความผิดปกติทางสุขภาพจิต การขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ทำความเข้าใจที่มาและหาทางไปข้างหน้าอาจเป็นประโยชน์และดีต่อสุขภาพ
เพื่อจะเลิกเป็น People Pleaser คุณต้องเชื่อมต่อกับความรู้สึกของตัวเองใหม่ และจำไว้ว่าคุณเป็นใคร ความภาคภูมิใจในตนเองเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการยืนหยัดอย่างเข้มแข็ง และทำให้ผู้คนพึงพอใจ กำจัดคนที่เป็นพิษออกจากชีวิตของคุณ รักตัวเองจากภายในสู่ภายนอก และหยุดขอความรักจากผู้อื่น
ลองถามตัวเองว่า :
อ้างอิง อ้างอิง2 อ้างอิง3 อ้างอิง4 อ้างอิง5 อ้างอิง6 อ้างอิง7