ต้นกาแฟก็เหมือนแม่ : สุข.พอ.ดี (Simply Happy) ร้านกาแฟที่ยึดหลักการทำธุรกิจกับธรรมชาติตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ
ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงเรียกว่านี่คือฤดูฝน เพราะตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมมา แทบจะเรียกได้ว่าฝนตกแบบนับวันได้ บ่ายที่อากาศร้อนอบอ้าว ต่ายนัดกับคุณบิ๊กและคุณจอม เจ้าของร้านกาแฟ “สุขพอดี (Simply Happy)” เอาไว้ว่าจะไปนั่งคุย ร้านกาแฟที่จากภาพถ่ายแล้วไม่น่าเชื่อเลยว่าอยู่กลางใจเมืองของเชียงใหม่ ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นเขียวชะอุ่มกับร้านกาแฟสีเอิร์ทโทน น้ำตาลขาว ช่างเข้ากันได้เป็นอย่างดี แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือแนวคิดของการทำร้านกาแฟของทั้งสองท่าน ที่นอกจากจะใช้การเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติแล้ว ยังเน้นการได้พูดคุยกับลูกค้าที่มาเพื่อเรียนรู้รสกาแฟที่แต่ละคนชอบอีกด้วย
ต่ายไปถึงที่ร้านประมาณบ่ายสองกว่าๆ ก่อนร้านจะปิดประมาณสามสิบนาที เสียงเครื่องบดกาแฟกำลังทำงานอย่างหนัก ต้นไม้ใหญ่อายุกว่าร้อยปีตั้งตระหง่านอยู่หน้าร้าน ลูกค้ากระจัดกระจายกันบนสนามหญ้าหน้าร้าน นั่งบนเก้าอี้ไม้เล็กๆ ดื่มกาแฟ พูดคุยกันอย่างอย่างมีความสุข อากาศที่ร้อน พออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่แบบนี้ ลมเย็นพัดเอื่อยๆ กลับไม่รู้สึกร้อนมากขนาดนั้น
ต่าย, คุณบิ๊ก -บริรักษ์ อภิขันติกุล หนึ่งในเจ้าของร้านสุขพอดีและยังมีอีกธุรกิจหนึ่ง School Coffee ที่กรุงเทพฯ และ คุณจอม -อุไรพรรณ์ อภิขันติกุล เรายกเก้าอี้ไม้เล็กๆมานั่งคุยกันหน้าร้าน
ทุกอย่างเริ่มต้นกันยังไงครับ? ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้?
“สุขพอดี เคยเปิดที่อื่นมาก่อนแต่ก็ปิดไปเพราะตอนนั้นจอมเริ่มตั้งท้องเลยตัดสินใจย้ายไปกรุงเทพฯก่อน แต่ย้อนไปก่อนหน้านั้นอีก เริ่มแรกเปิดขายท้ายรถแถวหลัง มช. เลย เปิดขายแค่ตอนเช้า เมื่อประมาณมิถุนายน 2018 ขายได้ประมาณวันละ 7-8 แก้ว ขายได้อาทิตย์เดียว แล้วก็เลิกขายเลย เจอไล่ที่”
(หัวเราะ!!!)
แต่ก่อนหน้านั้นคุณจอมเล่าว่าทำงานแบงค์ชาติอยู่ประมาณสิบปี มันเป็นงานที่ตัวเองคุ้นเคยทำมาทุกวันโดยตลอด แต่สุดท้ายแล้วก็เหมือนว่าทุกอย่างมันไม่ได้ตอบโจทย์ของชีวิตมากนัก เหมือนตัวเองตื่นขึ้นมาแล้วก็วนอยู่ที่เดิมๆ แม้ทุกอย่างจะดี เพื่อนก็ดี งานก็ไม่แย่ แต่คอมฟอร์ตโซนไม่ใช่คำตอบของชีวิตทุกอย่าง จนสุดท้ายตัดสินใจทิ้งสิบปีในการทำงานประจำและตัดสินใจก้าวออกมาจากตรงนั้น
“ตอนนั้นเรารู้สึกว่าที่เราทำมันก็ดีนะเพื่อนร่วมงานก็ดี ทุกอย่างดี แต่ตอนนี้โลกของเรามันอยู่ในวงเล็กๆ เลยมองว่าถ้าทำอย่างนี้ต่อไปโลกเราก็จะอยู่แค่นี้เหละ แต่ว่าโลกมันใหญ่กว่านี้ กว้างกว่านี้ ถ้าเราออกไปก็เจออย่างอื่น วงอื่นบ้าง นอกจากวงการเงินที่เราเคยทำงานมา บวกกับการเป็นคนชอบเดินทาง ชอบลองทำอะไรใหม่ๆ ชอบทำนู้นทำนี่ เลยลองทำอย่างอื่นบ้างในวันหยุด ไปเวิร์คช็อปวันอาทิตย์หรืออะไรอย่างนี้ ทำแล้วเราก็รู้สึกว่ามันสนุก เป็นอะไรที่เราไม่เคยรู้ เลยอยากทำอะไรที่กว้างกว่านี้อีก”
“ออกมาก็คือ…ตกงาน (หัวเราะ!) ตอนออกมานั้นก็ไม่มีอะไรรองรับเลย มันก็ไม่ถึงขั้นโหวงหรือเขว้งขนาดนั้น คืออยากรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร”
คุณบิ๊กเสริมเข้ามาในส่วนของตัวเอง ซึ่งที่จริงแล้วอาชีพของเขานั้นค่อนข้างดี มั่นคง แต่ด้วยธรรมชาติของงานที่ไม่ใช่สิ่งที่เขาตามหา สุดท้ายมันก็ต้องเปลี่ยนไม่ต่างกับคุณจอม
“ตัวผมเองจริงๆเป็นวิศวกรการบิน ทำงานเกี่ยวกับผลิตพวกชิ้นส่วนเครื่องบิน อารมณ์เหมือนชิ้นส่วนของเครื่องบินโบอิ้ง ผมทำงานอยู่ประมาณ 6-7 ปี ทุกอย่างต้องเป๊ะตลอด มันเป็นเรื่องที่ทำไปนานๆแล้วเหนื่อย เคร่งเครียด เลยรู้สึกว่าอยากมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง ตอนนั้นเลยตัดสินใจเริ่มออกเดินทางแบบจอม เราก็ไปทะเลบ้าง ภูเขาบ้างแล้วเราก็ไปเจอชีวิตและบ้านบนภูเขา เป็นบ้านและกาแฟที่เราชอบ”
ตอนนั้นประมาณ 8 ปีที่แล้ว ช่วงประมาณ 2012-2013 คุณบิ๊กเริ่มเจอสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่มันมีอะไรที่มากกว่านั้น
“เลยรู้สึกว่า ผมอยากทำให้กาแฟมันดีขึ้น และนั้นคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง”
“แล้ววันหนึ่งผมก็ได้พาเขาไปกินกาแฟของพี่วัลลภ ปัสนานนท์ เจ้าของร้าน Nine One Coffee เพื่อนเราคนนั้นเขาก็ชอบ ตอนนั้นเริ่มสงสัยแล้วว่าเขาทำยังไงถึงอร่อย เราก็เลยเริ่มเดินทางและทำเวิร์คช็อปทำนู้นทำนี่เพื่อหาความรู้เพิ่มเติม”
“ตอนนั้นผมก็ตัดสินใจและก็หักดิบเหมือนกัน ผมลาออกแล้วก็ขึ้นดอยเลย”
ตอนที่หักดิบตอนนั้น เราเริ่มพอมีความรู้เกี่ยวกับกาแฟบ้างไหม?
“ผมเคยไปอยู่ที่ออสเตรเลีย ก็ไปทำงานคาเฟ่แล้วก็ไปทำแซนวิสไรงี้ ที่นั่น Cafe Culture ค่อนข้างที่จะแรงวันดีคืนดีเราก็ได้ไปเป็นเด็กชงกาแฟ ผมก็เลยได้เกี่ยวข้องกับกาแฟ ก็ค่อยๆเรียนรู้เรื่อยๆจนวันที่ตัวเองลาออก เลยเริ่มเอาตัวเองไปอยู่แบบเต็มเวลา”
“เราเจอกับคุณจอมครั้งแรกตอนโปรเจคค์ “Long” ของ อาข่าอ่ามา ตอนนั้นก็เป็นการทดลองโปรเซสกาแฟทำยังไงให้กาแฟดีขึ้น กาแฟสายพันธุ์บ้านเราที่เหมาะกับที่บ้านเราเป็นอยู่ ไม่ใช่แค่ปลูกไป อร่อยไม่อร่อยไม่รู้ แต่พยายามเฟ้นหาสายพันธ์ที่ปลูกบ้านเราแล้วอร่อย”
โปรเจคลองเป็นโปรเจคที่คัดเลือกคนที่สนใจเข้าไปปกติถ้าไม่ใช่ช่วงโควิด -19 อาข่าอ่ามาก็จะจัดโปรเจคนี้ขึ้นมา ซึ่งในตอนนั้นคุณจอมก็เข้าไปเป็นหนึ่งในผู้ร่วม ส่วนคุณบิ๊กก็เป็นหนึ่งในเทรนเนอร์ โดยตอนนั้นคุณบิ๊กเริ่มเปิดร้านกาแฟที่กรุงเทพมาได้สักพักหนึ่งแล้ว
“ตอนนั้นผมก็เหมือนเรียนรู้วิธีการจัดการร้านกาแฟตรงปลายน้ำเพื่อที่จะเมื่อกลับมาที่ต้นน้ำจะได้เข้าใจและพัฒนามันได้ ตอนนั้นผมขึ้นไปช่วยโปรเจคลอง 5 วันนั่นก็คือการได้พบกับคุณจอมครั้งแรก” (ยิ้ม)
คุณจอมเองเริ่มเข้าใจกาแฟจริงๆครั้งแรกก็มาจากการไปโปรเจคนี้ ต้องเขียนใบสมัครเข้าไปด้วยว่าอยากไปเพราะอะไร ทำไมถึงสนใจ “โชคดีที่เขารับ สงสัยโม้เก่ง” คุณจอมพูดแล้วก็หัวเราะ หลังจากได้ไปจริงๆมันก็เปิดโลกใหม่ที่น่าตื่นเต้นและประทับใจ ได้เจอคนในวงการกาแฟ ความเป็นไปของกาแฟว่ามันเป็นไปเป็นมายังไง หลังจากได้เจอคนมาหลายกลุ่ม ตอนนี้จนในที่สุดก็ได้มาเจอคนในวงการกาแฟและสิ่งที่เขาทำก็เริ่มหลงรักมันเข้าซะแล้ว
“เรารู้สึกว่าทุกคนน่ารักมากทุกคนอยู่ด้วยกันเป็นมิตร เป็นสหายกันเป็นภาพที่ดีกับสิ่งที่เขาตั้งใจทำไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาต้นน้ำ ซึ่งกาแฟก็ที่ดีก็จะย้อนกลับไปถึงเกษตรกรและธรรมชาติป่าไม้ เรารู้สึกว่ามันดี เราอยากอยู่ในวงจรนี้ต่อโดยการเรียนรู้ให้มากขึ้น และทำให้เราอยากจะไปต่อ”
“ตอนนั้นน่าจะประมาณปีหนึ่งหลังจากลาออกจากงาน ก็เลยคิดว่าอยากลองเปิดร้านดูแล้วหล่ะ พี่บิ๊กที่ช่วยแนะนำว่าจะเริ่มยังไง สุดท้ายเลยเริ่มง่ายๆ ขับรถไปหลัง มช. เปิดท้าย แล้วเอาโต๊ะมาตั้ง ขายตรงนั้นเลย กลายมาเป็นร้านหลังรถร้านแรก”
ขายดีไหมครับ?
“ตอนนั้นก็รู้สึกว่าไม่ได้อะไรนะ แต่ความรู้สึกในใจคือ ยังไงก็ต้องทำต่อ สุดท้ายก็เลยมาปั่นจักรยานหาที่ คือตอนแรกก็ขับรถหาแหละ แต่ว่าพอเราขับรถทุกอย่างมันผ่านตาเราเร็วมาก จนมองอะไรไม่ทัน สุดท้ายเลยเอาจักรยานมาปั่น จนเรามาเจอที่ที่เราชอบ คือเราชอบอะไรที่เป็นต้นไม้ เป็นภูเขาเป็นอะไรเขียวๆ ก็เลยไปได้ที่แถวเทคนิคตรงข้ามบ้านพักยาสูบ ตอนแรกก็ไปเช่าตรงนั้น ใช้ชื่อนี้เลย สุขพอดี (simply happy)”
ชื่อนี้มาได้ยังไงครับ?
“สำหรับจอม มันตามความรู้สึกตัวเองว่า เราควรจะมีความสุข แต่มันควรจะมีความสุขที่ไม่มากไป ไม่น้อยไป เป็นความสุขที่พอดีๆ ก็เพียงพอแล้ว แล้วเรารู้รึยังว่าอะไรท่ีมันทำให้เรามีความสุขแบบพอดีๆได้”
“ซี่งสำหรับเราสองคนก็เป็นกาแฟกับหนังสือเด็ก”
คุณบิ๊กเสริมต่อว่า
“ตอนนั้นทุกอย่างก็โอเค ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำ มานั่งดื่มนั่งชิล เหมือนสภากาแฟ มานั่งกินบ้านเพื่อน เราก็ชงตามความต้องการของลูกค้าเลย ซึ่งส่วนตัวก็คือเราจะเรียนรู้รสชาติที่ลูกค้าต้องการ เพราะอย่างลูกค้าบอกอยากได้เข้ม แต่เข้มของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน ถ้าแก้วแรกที่เราทำลูกค้าบอกเข้มไป แก้วต่อไปเราก็ทำให้มันเข้มน้อยลงมาหน่อยแล้วก็จะจำไว้ เหมือนเราพยายามเรียนรู้ลูกค้าแต่ละคนไปด้วย เลยกลายเป็นลูกค้าประจำเป็นส่วนใหญ่”
“ตอนนั้นเปิดได้ปีหนึ่งจอมก็ท้องครับ ก็เลยปิดร้านไปก่อน ย้ายไปฝากครรภ์ไปทำอะไรที่กรุงเทพฯ ให้ทุกอย่างมันพร้อมก่อนจากนั้นก็แพลนกลับมาที่เชียงใหม่ ตอนแรกกะว่าจะกลับมาปลายปี (2564) แต่ดันมาเจอที่นี่ก่อนแล้วก็ชอบมาก ชอบต้นไม้ต้นนี้ (คุณบิ๊กชี้ให้ต่ายดู) ก็เลยตัดสินใจว่า มาเลยละกัน”
“คำว่ามาเลย ก็คือย้ายมาตอนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งตอนนั้นทุกอย่างก็เริ่มต้นเร็วมาก โควิดเริ่มมีข่าวมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่มาก ตอนนั้นคือมันก่อนระลอกสาม แต่ก็มีเรื่องฝุ่นตอนนั้น หลังจากนั้นมาก็เจอโควิดแบบเต็มๆ เราก็ถือช่วงเวลานั้นเป็นการเตรียมร้านไป”
“ตอนนั้นผมก็คิดว่าก็ไม่เป็นไรก็เตรียมร้านไปเรื่อยๆทำนู้นทำนี่และระบบของตัวพวกเราเองระบบให้มันพร้อม แล้วก็ลอง soft opening ตอนนั้นเราขายได้นิดเดียว จอมก็ถามว่าเป็นอะไรไหมผมก็บอกว่าไม่เป็นไรแค่เราได้ตื่นมาฟังเสียงนก ได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ตื่นมาเช้าๆได้ยินเสียงอะไรแบบนี้ก็เพียงพอแล้ว”
“ต้นไม้ต้นนี้อายุร้อยกว่าปีนะครับ มีนกฮูกอยู่ด้วยนะ สัตว์หลากหลายชีวิตทั้งน่ากลัว น่ารัก แค่เรามาฟังเสียงเขาใช้ชีวิตกันมันก็โอเคแล้ว อย่างต้นโพธิ์ตรงนู้นเวลาที่ลมพัดมันจะได้ยินเสียงใบโพธิ์ตีกัน มันเป็นเสียงที่เพราะมาก ผมรู้สึกว่าโชคดีมากที่ได้ยินเสียงเหล่านี้เพราะว่าปกติจะได้ยินแค่ตอนที่อยู่บนดอยเท่านั้น”
“ตอนนั้นผมก็เลยรู้สึกว่าไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็มีที่เลี้ยงลูกน้อย (น้องดินอายุ 8 เดือน) ที่ที่เราจะได้คั่วกาแฟ เรามีบรรยากาศแบบนี้มันเป็นสุขที่พอดีแล้ว”
สุข.พอ.ดี?
“จริงๆ สุข พอ ดี สามคำนี้แยกออกจากกันได้นะครับ” คุณบิ๊กบอก
“สุข หมายถึงความสุขของเราที่เราต้องหาให้เจอว่ามันคืออะไร
พอ หมายถึง ไม่มากเกินไป ไม่น้อยจนเกินไป แต่เพียงพอต่อชีวิต
ดี หมายถึง ถ้าเราเจอทั้งสองอย่างแล้ว ความสุข ที่ เพียงพอ สิ่งที่ดีๆ จะกลับเข้ามาหาชีวิตของเราเอง”
“ทั้งสามตัวนี้มันก็เป็นอะไรที่ positive ถ้าเราเข้าใจความสุขตัวเอง ความพอของตัวเองมันก็จะเกิดสิ่งดีๆตามมาของชีวิต”
เห็นมีหนังสือเด็กวางขายด้วย?
“อันนั้นเป็นส่วนของจอมครับ จอมเขาชอบอ่านหนังสือ พอคลอดลูกก็จะชอบอ่านหนังสือให้ลูกฟังด้วย เขาก็เลือกว่าหนังสือไหนที่น่าอ่าน เอามาอ่านให้ลูกตัวเองฟัง พอซื้อมาก็ซื้อมาทีละหลายๆเล่ม เอามาแบ่งปันให้คนอื่นๆด้วย เด็กๆคนอื่นๆก็จะได้อ่านหนังสือสนุกไปด้วย ทีนี้พอซื้อมาเยอะๆก็เลยต้องมีวางขายแบบนี้แหละ”
ในเมื่อเป็นแบบนี้ ชอบคุยกับลูกค้า ชอบให้ความรู้กับลูกค้า เคยคิดไหมครับว่าอยากทำคลาสสอน?
“ที่จริงเรามีคลาสที่กรุงเทพ เราจัดช่วงจังหวะถ้าเราว่างก็จะจัด การจัดไม่ได้เพื่อหารายได้ขนาดนั้น แต่จัดเพื่อกระจายความรู้บางอย่างให้ผู้บริโภคได้รับทราบ เช่น คุณโสภณ รู้ไหมว่าซื้อกาแฟแก้วหนึ่ง 65 บาท คุ้มค่าไหม? (ต่ายส่ายหน้า) หรือทุกคนรู้ไหมว่ากินกาแฟราคานั้นไปแล้วมันดีเท่าที่มันควรจะเป็นหรือเปล่า อันนี้ส่วนใหญ่ก็จะไปไม่ถูกเหมือนกัน”
“ตอนนี้ถ้าโควิดมันซาลงไป ผมก็อยากกลับทำมาก ผมคั่วกาแฟทุกวันอยู่แล้ว แล้วเจ้าเมล็ดกาแฟก็ไม่ได้สมบูรณ์ทุกล็อต ก็เลยอยากลองเปิดให้คนมาลองล็อตที่มันไม่ดีด้วย ให้เขารู้ว่าอันนี้คือรสชาติที่เราคั่วผิดนะ เพราะว่าอะไรมันผิดแล้วผิดแล้วเป็นยังไง จะแก้ไขยังไง อยากให้คนอื่นเข้าใจถึงกระบวนการของมันทั้งหมด”
“คั่วกาแฟก็เหมือนย่างเนื้อครับ เนื้อชั้นเริ่ดแค่สะกิดไฟนิดๆก็กินได้แล้ว กาแฟชั้นเลิศเราสะกิดไฟนิดๆทำให้ไม่เขียวไม่เข้มเกินไป ห้ามขมก็จะกินได้ละ แต่ถ้าเนื้อชิ้นนั้นไม่ดีละ เราก็ต้องการขั้นตอนที่ละเอียดขึ้น เอามาปรุงสักหน่อย ใส่พริกไทยดำ ใส่เกลือ เพื่อให้จากที่มันไม่ได้ดีมากก็ชูรสขึ้นมา ให้มันสามารถทานได้อร่อย”
อยากให้เล่าถึงเมล็ดกาแฟสักหน่อย
“บอกเลยว่าผมบ้ากาแฟไทยครับ (หัวเราะ!) ไอดอลของผมพี่วัลลภ พี่วัลมีหลายสวนที่แม่ตอนหลวง อยู่ที่เทพเสด็จ คือที่นั่นเป็นพื้นที่ที่มีการทดลองทำกาแฟหลายสายพันธุ์ สายพันธุ์เก่าๆก็มีอยู่เยอะ ซึ่งสายพันธุ์เก่ามักจะมีรสชาติที่เราเรียกว่า Exotic มันแปลกพิเศษและไม่สนใจ Productivity เลยทำให้กาแฟพี่วัลเป็นร้านโปรด เพราะมันยาก ได้น้อยและราคาแพง มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และนั้นคือสิ่งที่ผมอยากให้เกษตกรไทยมุ่งหน้าไปด้วย มันเป็นการพัฒนาตั้งแต่ต้นน้ำ เพื่อให้มีการปลูกกาแฟที่ดี และถ้ามันทำแบบนั้นได้ ลูกค้าปลายน้ำก็จะได้ของที่ดี”
“อย่างผมเป็นเกษตรกร ผมก็ไปเช็ควันนี้ออกมาแค่ 20 ลูก ผมก็เอามา 20 ลูกแล้วก็กลับบ้านไปทำ Process ให้ดี ขายราคาสูงๆได้เลย ซึ่งมันเป็นแนวทางที่ทำให้เกษตรกรบ้านเรายั่งยืนอย่างแท้จริง”
“บ้านเราเนี่ยโดยเฉพาะภาคเหนือ มันเป็นพื้นที่ลักษณะสูงชันทำให้เก็บกาแฟได้ยาก เพราะฉะนั้นเมื่อเทียบกับลาวพม่าที่เป็นที่ราบสูง ถ้าเรามองปริมาณการผลิตเราก็จะสู้ไม่ได้เพราะต้นทุนเราสูง ใช้คนเยอะ เก็บได้น้อยกว่า ในเวลาที่เท่ากัน ถ้าเราไปมองการแข่งขันในเชิงอุตสาหกรรม เราก็จะแพ้ด้วยกลไกราคา”
“สิ่งหนึ่งที่ผมพยายามผลักดันคืออยากให้เกษตรกรมองใหม่ ลองดูว่ามีวิธีไหนบ้าง ที่ทำให้จำนวนน้อยๆให้มันได้พิเศษ เป็นกาแฟที่เมล็ดดีๆไปเลย”
“ผมมองว่าต้นกาแฟเหมือนคุณแม่ท่านหนึ่ง คุณแม่ที่ออกลูกเยอะๆพยายามเค้นลูกเขาก็จะเหนื่อย เค้าก็ดูแลลูกไม่ทั่วถึง ในขณะที่มองไปในธรรมชาติคุณแม่ที่ค่อยๆเติบโต ได้รับสารอาหารจากดินที่เป็นอินทรีย์อย่างเต็มที่ อยู่ท่ามกลางต้นไม้นานาพันธุ์รอบๆตัว ได้ร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่คุณแม่ก็จะสบายไม่เครียดและก็จะสามารถดูแลลูกเขาได้ดีขึ้น ต้นไม้ถ้าไม่ stressful (เครียด) เขาก็จะผลิตคาเฟอีนน้อยลง เหล่านี้มันส่งผลถึงกาแฟที่มีคุณภาพสูง”
เมื่อเรารู้จักกาแฟมากขึ้น เวลากินกาแฟที่ต่างๆอย่างข้างถนนมันทำให้ความรู้สึกของเราเปลี่ยนไปไหม?
“ทุกวันนี้ผมก็ยังกินกาแฟโบราณนะครับ ผมยังชอบความเป็นกาแฟโบราณจากบ้านเราเสมอมาแล้วก็หลงมนต์เสน่ห์ของคุณลุงที่เขาตั้งใจทำมันอย่างเชี่ยวชาญ ผมก็ยังกินอยู่และไม่เคยปฎิเสธว่ามันอร่อย กาแฟมันเป็นแค่ตัวกลางเราจะเอาไปทำอะไรแค่เราทำมันอย่างตั้งใจมันก็อร่อยหมด”
“เราไม่ได้คาดหวังกาแฟที่ราคาเป็นหมื่นเป็นแสนจากกาแฟโบราณฯ เราคาดหวังกาแฟโบราณที่หวาน มัน เข้มมีรสถั่วมันส์ๆ แค่นั้นก็อร่อยแล้ว”
เครียดไหมเมื่อออกมาจากงานประจำแล้วมาเป็นเจ้าของธุรกิจ?
“ผมไม่เคยคิดเหมือนกันนะ อาจจะเรียกว่าความเครียดคนละประเภทละกันครับ อันนี้มันเป็นความเครียดที่เราบริหารและจัดการมันได้ ปัญหาของงานประจำคือเราต้องอาศัยคนหลายคนมาช่วยถูกใจเราบ้าง ไม่ถูกใจเราบ้างแต่พอมาเป็นธุรกิจของเรา มันเป็นเรื่องของการเรียนรู้ ไม่ได้สร้างความเครียดให้เราขนาดนั้น พอเราผ่านมันไปได้ด้วยตัวเราเอง มันก็จะเป็นประสบการณ์ใหม่ๆกับตัวเรา หลังๆเวลาเราเจอปัญหาเราเลยสนุกไปกับมันเหมือนเก็บเลเวลในเกม ผมเลยสนุกไปกับการแก้ไขปัญหาที่ต้องเจอด้วย”
เรื่องราวของร้าน สุขพอดี (Simply Happy) กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว แม้ว่ามันจะหยุดไปถึงสองครั้งด้วยสาเหตุที่แตกต่างกัน แต่การกลับมาครั้งนี้เราในฐานะลูกค้าก็อดที่จะตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้ว่าต่อไปจะเป็นยังไง คลาสเรียนที่คุณบิ๊กวางเอาไว้ให้ลูกค้ามาลองกาแฟ ได้ขึ้นไปดูวิธีขั้นตอนการปลูก การเก็บ การคั่วและขั้นตอนทุกอย่างก็หวังว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้
ต่ายถามว่าต่อไปอยากขยายสาขาหรือขยับขยายให้มันใหญ่ขึ้นเป็นเฟรนชายน์รึเปล่า
คุณบิ๊กกับคุณจอมหัวเราะ ก่อนจะตอบว่า “แค่นี้ก็สุขพอดีแล้วนะครับ/ค่ะ”
ช่องทางติดต่อ
เฟซบุ๊ค : สุขพอดี Simply Happy
อินสตราแกรม : http://Instagram.com/simplyhappy_coffee
โทรศัพท์ : 086 230 9536
แผนที่ : https://goo.gl/maps/2jobaP3SmKyTJg837