Work-from-home ที่ทำให้เราจมไปกับการแจ้งเตือน
ไลฟ์สไตล์ที่เชื่อมต่อกันตลอดเวลาและการทำงานจากที่บ้าน ทำให้เกิดการแจ้งเตือนและอีเมลที่เข้ามาไม่รู้จบ สิ่งนี้กำลังทำให้เส้นแบ่งระหว่าง งานและความเป็นส่วนตัวไม่มีความชัดเจน ในขณะที่สิทธิพิเศษของ “ออฟฟิศ” ยังคงถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เวลาเพียงเล็กน้อยจากการใช้โทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์อย่างไม่รู้จบอาจกลายเป็นเรื่องสำคัญในการจ้างงานคนที่มีความสามารถในอนาคต
โลกของ work-from-home ในปัจจุบัน เราจะใช้ชีวิตหนึ่งชั่วโมงโดยปราศจากการแจ้ง Notification ดูเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
Dr. Gloria Mark ศาสตราจารย์ด้านสารสนเทศที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เออร์ไวน์ พบว่าคนทำงานโดยเฉลี่ยสลับหน้าจอเพื่อตรวจสอบการแจ้งเตือน 566 ครั้งต่อวัน (ลองนับกันดูนะครับ)
ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะผู้คนถูกรบกวนโดย Notification ที่เด้งเข้ามาตลอดเวลา ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งเป็นเพราะผู้คนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเลื่อนดูโดยไร้จุดหมาย เพื่อฆ่าเวลาบ้างหรือหนีจากการทำงานบ้าง
ในขณะที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาช่วงพักระหว่างวันถือเป็นเรื่องที่ไม่เลวร้ายนัก แต่การแจ้งเตือนนั้นแย่มากสำหรับการโฟกัสและประสิทธิภาพการทำงาน การศึกษาของ Dr. Mark พบว่าเราต้องใช้เวลาประมาณ 25 นาที ในการกลับมาทำงานเดิมของเราอีกครั้งหลังจากที่ถูกรบกวนโดยการแจ้งเตือน
ที่แย่ไปกว่านั้น อัตราการเต้นของหัวใจของเราจะเพิ่มขึ้นเมื่อเราได้รับการแจ้งเตือน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการตอบสนองแบบ “fight-or-flight (สู้หรือหนี)” ต่อเสียงต่างๆ เสียงพึมพำ และเสียงเคาะประตู (สำหรับพวกเราใช้ Slack)
แล้วเราจะทำยังไงกับการแจ้งเตือนทั้งหมดนี้?
โหมดโฟกัสใหม่ของ Apple (Apple’s new Focus ) จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมจำนวนการแจ้งเตือนที่เข้ามา
แพลตฟอร์มอีเมล เช่น Gmail สามารถตั้งโปรแกรมให้จัดเรียงอีเมล (และการแจ้งเตือนที่มาพร้อมกัน) ในการตั้งค่าที่กำหนดเองได้
หรือแอพพลิเคชั่นที่ชื่อว่า Brick ก็สามารถช่วยให้ผู้คนทำการ digitally detox ในหนึ่งวันเพื่อรีเซ็ตจากการแจ้งเตือนที่มากเกินไป
อย่างไรก็ตามเหล่าผู้จ้างก็ต้องรับผิดชอบในการกำหนดการแจ้งเตือน “เวลาเงียบ ๆ” หากพวกเขาหวังจะให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีสมาธิ