ไอ้สัส!!!! – คำด่าของ ‘น้าค่อม’ ที่ยังคงอยู่ในใจของเราทุกคน
คงไม่มีใครไม่รู้จักมุขนี้ของน้าค่อม ชวนชื่น — น้าค่อม หรือ อาคม ปรีดากุล เป็นนักแสดงตลกชาวไทย น้าค่อมโด่งดังมาจากการเล่นตลกคาเฟ่ และผันตัวมาเป็นที่รู้จักข้าม Generation จากการเล่นภาพยนต์ไทยในเรื่องต่างๆ ด้วยคาแรกเตอร์และการแสดงที่เรียกได้ว่าเป็นที่จดจำ มุขตลอดกาลอย่างการพูดคำว่า “ไอ้สัส!” ทำให้น้าค่อมถือได้ว่าเป็นดาวตลกค้างฟ้าของวงการตลกเมืองไทยไปเลย น้าค่อมไปไหนมาไหนแค่พูดคำว่า “ไอ้สัส” ก็สร้างรอยยิ้มให้กับทุกคนได้ แฟนคลับบางคนถึงกับอยากให้น้าค่อมด่าเลยแหละ
น้าค่อม เป็นดาราตลกที่ประสบความสำเร็จมากๆ คนหนึ่งของประเทศ การเสียชีวิตอย่างกระทันหันของน้าค่อมเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ทำให้ใครหลายๆคนใจหายและการที่มีผู้คนมากมายมาร่วมไว้อาลัยทำให้เราได้เห็นว่า น้าค่อมเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จและอยู่ในใจของคนในประเทศมากมาย
ประวัติชีวิตของน้าค่อมไม่ได้มีเรื่องราวที่หวือหวาอะไรมากมาย น้าค่อมเป็นผู้ชายคนหนึ่งจากครอบครัวที่ยากจน ในวัยเด็กไม่ได้เรียนหนังสือจบสูงอะไรมากมาย และเริ่มเข้าทำงานในโรงลิเกตั้งแต่อายุยังน้อย ในบทสัมภาษณ์ของ A DAY น้าค่อมได้เล่าเรื่องราวการดำเนินทางเข้ามาสู่วงกาารตลกว่าได้ออกจากโรงเรียนมาทำงานในโรงลิเกตั้งแต่ประถมต้น ตอนที่ถูกชวนเป็นเล่นตลกแรก ๆ ก็รู้สึกว่าไม่อยากไปด้วยซ้ำเพราะกลัวว่าตัวเองจะไม่ขำ แต่พอก้าวขึ้นไปบนเวทีแล้วได้เล่นมุขตลกที่เป็นตัวของตัวเองกลับรู้สึกว่ามันเป็นธรรมชาติดี เขาผ่านช่วงรุ่งโรจน์ของตลกคาเฟ่และการล่มสลายของมัน แล้วพลิกมาสู่การเป็นตลกหน้ากล้อง (ซึ่งมีไม่มากที่ทำได้สำเร็จแบบนี้) ก่อนจะพบกับการเปลี่ยนแปลงมากมาย จนมาเป็น Iconic ของคำว่า “ไอ้สัส!” ในทุกวันนี้
น้าค่อมได้เล่า เขาไม่ค่อยชอบให้สัมภาษณ์ เท่าที่จะสามารถหาดูได้การจะได้เห็นแนวคิดหรือทัศนคติของน้าค่อมในด้านต่างๆมักจะอยู่ในวงจำกัด ก็คือ ‘เรารู้จักน้าค่อมในฐานะที่เป็นนักแสดงตลก จากผลงานการแสดงตลกล้วนๆ’ น้าค่อมเคยให้สัมภาษณ์ว่าตัวเองเป็นคนพูดน้อย
“ชีวิตน้าไม่มีความรู้ แต่เรากระเสือก-กระสนและสู้ชีวิต ถามว่าเสียดายอะไรไหม มันก็อาจจะเสียดายบ้างที่เราไม่ได้เรียนหนังสือ ถ้าเรียนเราคงไปไกลกว่านี้ แต่ดิ้นรนมาได้ขนาดนี้ก็ถือว่าดีแล้ว การเป็นตลกทำให้ครอบครัวน้าสบาย ถึงแม้มันจะทำให้เราเจอมาทุกอย่างทั้งดีและไม่ดี แต่สำหรับน้ามันอยู่ที่เราเท่านั้นเอง อะไรที่ทุกข์ก็อย่าไปใส่ใจมากเลย”
https://adaymagazine.com/nakhom-interview/
จากบทสัมภาษณ์ของน้าค่อม ทำให้รู้สึกว่าน้าค่อมแกเป็นคนสบายๆและมีความสุขกับชีวิตมาก อาจด้วยทัศนคติการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและได้ทำงานในสายงานที่ทำมาตั้งแต่อายุยังน้อย ด้วยตัวตนของน้าค่อมที่เป็นพูดน้อยและสั่งสมประสบการณ์มาตั้งแต่เล็กนั่นเองทำให้มุขตลกของน้าค่อมไม่เหมือนใคร ด้วยบุคลิกและจังหวะการแสดงออกที่ออกมาจาก “ความจริงใจและความเป็นตัวของตัวเอง” ทำให้น้าค่อมเป็นที่ชื่นชอบและครองใครหลายๆคน
น้าค่อมเป็นคนที่สร้างรอยยิ้มให้คนรอบข้างและคนดูได้เสมอ ทุกครั้งที่ต่ายได้นั่งดูคลิปน้าค่อม ไม่ว่าจะเป็นตอนเศร้าๆ เหงาๆ จำได้ดีมีช่วงหนึ่งตอนที่อยู่ที่ต่างบ้านแล้วอารมณ์หม่นๆได้มีโอกาสดูหนังเรื่อง “แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า” ซึ่งตอนนั้นไม่รู้จักน้าค่อมด้วยซ้ำ แต่ฉากที่ประทับใจสุดๆคือตอนที่น้าค่อมสักยันต์ จำได้ว่าฮาแบบท้องแข็งจนนอนลงไปกลิ้งกับพื้นเลยก็ว่าได้
นอกจากเป็นนักแสดงตลกที่ตั้งใจทำงานและสั่งสมประสบการณ์มาอย่างโชกโชนแล้ว น้าค่อมยังเป็นที่รักจากการเป็นตัวอย่างของเพื่อนร่วมงานที่ดี และคนรักครอบครัว
“… เอ็งต้องมีบ้านนะ อย่างน้อยคนเราต้องมีรังให้ลูกได้อยู่อาศัย” คุณบอล เชิญยิ้มเล่าใน Club Friday Show เทปที่ไปกับน้าค่อมว่าในช่วงที่เขาเข้าวงการตลกแรกๆ ก็มีน้าค่อมที่เตือนสติและทำให้เขาได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบในการใช้ชีวิต ในชีวิตของน้าค่อมเคยมีครั้งหนึ่งที่น้าค่อมป่วยหนักเพราะโรคเบาหวานและความดันจากการกินเครื่องดื่มชูกำลังเกินขนาด แต่ในเทปนั้นสิ่งที่น้าค่อมมาเล่าไม่ใช่เรื่องที่ว่าเขากลัวว่าจะตายหรือว่าเสียดายชีวิต สิ่งที่น้าค่อมคิดคือหลังจากปลอดภัยแล้วก็คือ “เขายังจะได้ทำงานเพื่อจุนเจือที่บ้านอยู่ไหม?”
ตลอดการใช้ชีวิตของน้าค่อม น้าค้อมอุทิศชีวิตให้กับการทำงานและการดูแลครอบครัว นอกจากเขาจะเป็นนักแสดงที่แสดงออกมาด้วยความจริงใจและเป็นตัวของตัวเองแล้ว เรายังสามารถเห็นได้ถึง ความขยันและความตั้งใจ เรื่องหนึ่งที่มักได้ยินคนชื่นชมน้าค่อมตลอดเวลานั้นก็คือ ความเป็นมิตรและตรงเวลาในการทำงาน
น้าค่อมเคยให้สัมภาษณ์กับ A DAY ไว้ว่า
“เราไปเอาเงินเขา เราต้องตรงต่อเวลา ตรงต่อหน้าที่ สิ่งเหล่านี้คือดีที่สุด การเป็นนักแสดงถึงคุณไม่ได้เล่นดีมากแต่ถ้าทำเวลาได้ดีเขาก็ยังจ้างคุณ แค่ตั้งใจทำงานเพื่อให้ครอบครัวมีความสุขอย่างทุกวันนี้ก็เพียงพอแล้ว”
https://adaymagazine.com/nakhom-interview/
ซึ่งเอาเข้าจริงในปัจจุบัน เมื่อเราทำงานหลายๆคนก็อาจจะตั้งคำถามว่าสิ่งที่เราทำอยู่นั้น คุ้มไหม? แต่เมื่อเราได้ดูจากชีวิตของน้าค่อมเราอาจจะได้มุมมองที่ว่า เห้ย นักแสดงที่เขาใช้ชีวิตและสู้ชีวิตมาขนาดนี้ ครอบครัวอาจจะเป็นคำตอบและเป็นเป้าหมายสำคัญของการใช้ชีวิต
การจากไปของน้าค่อมเป็นเครื่องเตือนใจอย่างหนึ่งถึงความร้ายแรงของไวรัส Covid-19 ที่ตอนนี้บ้านเราไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้าไปอีกนานแค่ไหนและทางออกสุดท้ายจะจบยังไง เหมือนประโยคหนึ่งจากภาพยนต์ Die Tomorrow ของพี่เต๋อ-นวพล พูดเอาไว้ว่า
เพราะก่อนวันสุดท้ายของชีวิต มักเป็นวันธรรมดาวันหนึ่ง
เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าวันสุดท้ายของชีวิตนั้นจะมาถึงเราเมื่อไหร่ ตอนที่เราได้ยินข่าวว่าน้าค่อมติดโควิด ทุกคนก็คิดว่าอีกไม่กี่วันเขาคงกลับมาสุขภาพแข็งแรงและด่า “ไอ้สัส!!!” ออกทีวีอีกครั้ง แต่ด้วยปัจจัยต่างๆนานาที่สุดท้ายแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น
แต่อย่างน้อย ๆ ต่ายเชื่อว่าความทรงจำของน้าค่อมและเสียงหัวเราะและความรักที่น้าสร้างมาตลอดชีวิตให้กับคนรอบข้างและคนดูที่ติดตามผลงานและรักน้านั้นยังคงอยู่ในใจของทุกคน แม้ว่าตอนนี้เราจะไม่มีโอกาสได้ได้ยินน้าค่อมด่า “ไอ้สัส!!!” อีกแล้วก็ตาม